โรคหูดหงอนไก่ที่ทวารหนัก โรคหูดหงอนไก่วิธีทำให้หาย รูปภาพโรคหูดหงอนไก่
โรคหูดหงอนไก่ที่ทวารหนัก
โรคหงอนไก่ โรคหงอนไก่เป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนังเกิดจากเชื้อ HPV มักจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ลักษณะเป็นผื่นยื่นออกมา การรักษาจะทำได้โดยการจี้ด้วยยา |
โรคหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ
โรคหูดที่อวัยวะเพศหรือที่เรียกว่า Condyloma acuminatum เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า human papillomavirus (HPV) ซึ่งมีมากกว่าร้อยชนิด โรคหูดส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เกิดจากเชื้อ HPV type 6,11ซึ่งไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ชนิดที่อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้แก่ชนิด types 33, 35, 39, 40, 43, 45, 51-56, 58 ชนิดชนิดที่ทำให้เกิดมะเร็งได้มากได้แก่ชนิด (types 16, 18)
ตำแหน่งที่พบโรคหูด
โรคหูดที่อวัยวะเพศตำแหน่งที่พบบ่อยได้แก่ อวัยวะเพศชาย penis, แคมใหญ่ vulva, ช่องคลอด vagina, ปากมดลูก cervix, บริเวณหัวเหน่า perineum, และบริเวณรอบๆทวารหนัก perianal ตำแหน่งอื่นที่อาจจะพบได้แก่ คอ หลอดลม บางแห่งติดเชื้อแต่ไม่มีอาการซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็ง
ลักษณะของหูดเป็นอย่างไร
หูดจะมีลักษณะแบน สีออกชมภูหรือดำ มักจะไม่เป็นติ่ง มักจะเกิดได้หลายๆแห่ง
โรคนี้พบบ่อยแค่ไหน
- เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุด มักจะพบในวัยรุ่นและวัยหนุ่ม
- ผู้ที่มีโรคทำให้ภูมิอ่อนแอ เช่นโรคเบาหวาน ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยเหล่านี้จะมีขนาดของหูดใหญ่กว่าปกติ กลับเป็นซ้ำหรือมีโรคแทรกว้อน
- โรคนี้อาจจะกำเริบในขณะตั้งครรภ์ทำให้หูดมีขนาดใหญ่และขวางการคลอดตามธรรมชาติ
อาการของโรคเป็นอย่างไร
- ผู้ที่สูบบุหรี่ ทานยาคุมกำเนิด มีคู่นอนหลายคน หรือมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้
- ประมาณร้อยละ60ของผู้ป่วยจะเกิดโรคหูดหลังจากสัมผัสผู้ป่วยไปแล้วประมาณสามเดือน
- อาการทีสำคัญของผู้ป่วยโรคหูดคือ มีก้อนไม่เจ็บปวด อาจจะมีอาการคัน หรือมีตกขาว
- สำหรับผู้ที่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์ทางทวาร หรือทางปากอาจจะมีก้อนบริเวณดังกล่าว
- ผู้หญิงอาจจะมาด้วยเรื่องมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ส่วนผู้ชายอาจจะมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก
แพทย์จะตรวจหาหูดได้ที่ไหนบ้าง
สำหรับผู้ชาย
- พบก้อนได้บริเวณอวัยวะเพศ
- ส่วนหัวของอวัยวะเพศ
- หรือเยื่อบุในท่องปัสสาวะ
- สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักอาจจะก้อนบริเวณรอบทวารหนัก
สำหรับผู้หญิง
- ผิวหนังแถวอวัยวะเพศ
- แคมใหญ่ แคมเล็ก
- ช่องคลอด
- ทวานหนัก
แพทย์จะต้องตรวจพิเศษอะไรบ้าง
การที่ท่านเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แพทย์จะต้องตรวจหาว่าท่านติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นอีกหรือไม่ โดยจะตรวจ
- หนองในแท้ หนองในเทียม
- โรคเอดส์
- โรคซิฟิลิส
- ตรวจภายในทำ PAP Smear
- ตรวจหารการติดเชื้อโดยที่ไม่มีอาการ โดยการใช้ acetic acid ปิดไว้ห้านาที แล้วใช้แว่นขยายส่อง ซึ่งอาจจะพบรอยโรค
- การตัดชิ้นเนื้อตรวจ
การรักษา
หลักการรักษาเมื่อพบหูดจะเอาหูดออก หากไม่รักษา ก้อนอาจจะมีขนาดเท่าเดิม หรือหายไปเอง หรืออาจจะมีขนาดใหญ่ขึ้น การเอาก้อนหูดออกไม่ได้กำจัดการติดเชื้อ HPV ออกจากร่างกาย การเอาหูดออกจะลดการติดต่อลง
- การจี้ด้วยความเย็น Cryotherapy
- ใช้ความเย็น(nitrogen เหลว) จี้บริเวณเนื้องอก 10-15 วินาที และสามารถทำซ้ำได้ ระวังอย่าให้ถูกผิวหนังบริเวณที่ดี
- การใช้ความเย็นจี้เป็นวิธีการรักษาสำหรับหูดโดยเฉพาะที่รอบทวารหนัก
- การตอบสนองต่อการรักาาดี และมีแทรกซ้อนน้อย
- โรคแทรกซ้อนที่สำคัญได้แก่ เกิดผล ปวดขณะทำ สีผิวซีดลง
- สามารถทำในคนท้องได้
- การใช้ไฟฟ้าจี้ ไม่แนะนำเพราะควันที่เกิดอาจจะติดต่อได้
- การขูดเอาเนื้องอกออก Curettage
- การผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออก Surgical excision
- การผ่าตัดจะให้ผลดี และมีโรคแทรกซ้อนต่ำ และอัตราการเป็นซ้ำต่ำ
- อัตราการหาย 63-91%.
- การใช้ Laser Carbon dioxide laser treatment
- ใช้ Laserในกรณีที่ก้อนมีขนาดใหญ่ หรือเป็นซ้ำ
- ข้อระวังควันที่เกิดอาจจะติดต่อได้
- ต้องใช้ยาชาเฉพาะที่ทา
- การใช้ยาทาภายนอกได้แก่
- Podophyllin เป็นยาที่ใช้ทาภายนอกที่ตัวหูด ให้ทาสัปดาห์ละครั้ง ข้อระวังของการใช้ยานเพื่อป้องกันมิให้ยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายี้ได้แก่
- การใช้ยาแต่ละครั้งไม่ควรเกิน <0.5 mL
- ขนาดของหูดไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไปโดยไม่เกิน 10 cm2
- บริเวณที่ทาไม่ควรมีแผล เพราะยาอาจจะถูกดูดซึม
- หลังทาปล่อยให้แห้ง และล้างออกหลังจากทาไปแล้ว 1-4 ชม
- TCA (trichloracetic acid)เป็นยาที่ใช้ทาภายนอก ห้ามถูกผิวหนังที่ดี
- Podophyllin เป็นยาที่ใช้ทาภายนอกที่ตัวหูด ให้ทาสัปดาห์ละครั้ง ข้อระวังของการใช้ยานเพื่อป้องกันมิให้ยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายี้ได้แก่
- การให้ผู้ป่วยทายาเอง
- Podofilox 0.5% solution or gel. ให้ทาที่ตัวหูดวันละสองครั้งเป็นเวลาสามวัน และหยุดทาสี่วันให้ทำซ้ำได้สี่ครั้ง ยานี้ไม่ควรใช้ในคนท้อง และไม่ควรใช้ยาปริมาณมากเกินไป
- Imiquimod 5% cream ให้ทายานี้ก่อนนอน อาติตย์ละ 3 วันเป็นเวลา 16 สัปดาห์
การป้องกันการติดเชื้อโรคหูด
หญิงหรือชายวัยเจริญพันธุ์สามารถป้องกันการติดเชื้อโรคหูดโดย
- งดการมีเพศสัมพันธุ์เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด แต่น้อยคนที่ทำได้
- ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพราะนั้นย่อมหมายถึงคุณก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
- ไม่ควรจะเปลี่ยนคู่นอน
- หากผู้ที่มีหูดควรจัดการรักษาให้หายเรียบร้อยก่อนจึงจะมีเพศสัมพันธุ์
- ให้สวมถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันะธุ์ที่ไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัย
- การฉีดวัคซีนป้องกัน
โรคที่เกี่ยวข้อง
- วัคซีนป้องกันเชื้อ HPV
- การติดเชื้อ HPV
- มะเร็งปากมดลูก
- การตรวจภายใน
- การติดเชื้อหูดในผู้ชาย
- หูดที่ผิวหนัง
Link https://www.siamhealth.net/
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โรคหูดหงอนไก่วิธีทำให้หาย
โรคหูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อฮิวแมนแปบปิโลมาไวรัส (Human papilloma virus) หรือเรียกสั้นๆว่า HPV โรคนี้เป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ในเด็กมักมีอาการที่ฝ่ามือฝ่าเท้า ในผู้ใหญ่พบบ่อยในวัยเจริญพันธุ์ คือ ในช่วงอายุ 16-25 ปี เชื้อชนิดนี้ชอบอยู่บริเวณที่อับชื้น ทำให้เกิดรอยโรคที่อวัยวะสืบพันธุ์
การติดต่อ
1. ทางเพศสัมพันธ์ พบประมาณ 50 -70 % ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
2. จากแม่ไปสู่ลูก พบในกรณีที่ทารกคลอดผ่านช่องคลอดของมารดาที่เป็นโรคหูดหงอนไก่ แต่พบได้จำนวนน้อย
ระยะฟักตัว
ประมาณ 3 สัปดาห์ถึง 8 เดือน โดยเฉลี่ยประมาณ 2 -3 เดือน แต่ผู้ที่สัมผัสเชื้อนี้ไม่ได้ติดโรคทุกราย ขึ้นอยู่กับภาวะภูมิคุ้มกันและจำนวนเชื้อที่ได้รับ ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อนี้จะมีอาการของโรคมากกว่าคนที่ไม่ตั้งครรภ์
อาการ
เริ่ม จากรอยโรคเล็กๆแล้วขยายตัวใหญ่ขึ้น เป็นติ่งเนื้อขรุขระคล้ายหงอนไก่ บางชนิดไม่เป็นติ่งแต่มีลักษณะแบนราบ ผิวขรุขระ บางชนิดมีขนาดใหญ่มากและผิวขรุขระคล้ายดอกกะหล่ำ ผู้ที่เป็นโรคนี้มีโอกาสติดเชื้อกามโรคอื่นร่วมด้วย เช่น ซิฟิลิส หนองใน พยาธิในช่องคลอด การติดเชื้อเหล่านี้ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะแสบ มีตกขาว คัน หรือมีแผลที่อวัยวะเพศเพิ่มขึ้น
ตำแหน่งที่พบ
ในผู้หญิง พบ ได้ที่ปากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ปากมดลูกทวารหนักและบริเวณฝีเย็บ หูดจะเริ่มจากขนาดเล็กๆและโตขึ้นเรื่อยๆ การตั้งครรภ์จะทำให้หูดโตเร็วกว่าปกติ
ในผู้ชาย มักพบใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ เส้นสองสลึง และรูเปิดท่อปัสสาวะ และอาจพบบริเวณรอบทวารหนักในผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
ใน ทารกที่คลอดผ่านช่องคลอดของมารดาที่มีหูดหงอนไก่ อาจจะทำให้เกิดโรคซึ่งมีอาการแตกต่างกัน ตั้งแต่เสียงแหบจนถึงมีการอุดกั้นของกล่องเสียง
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
1. มีคู่นอนหลายคน
2. มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
3. มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ
4. คู่นอนมีการติดเชื้อหูดหงอนไก่
การเลือกใช้วิธีการรักษาชนิดใดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างดังต่อไปนี้
1. อาการของโรค
2. ค่าใช้จ่ายในการรักษา
3. การเดินทางของผู้ป่วย
4. ดุลพินิจของแพทย์
5. ตำแหน่งที่เป็น
6. การตั้งครรภ์
การรักษา
1. การจี้ด้วยสารเคมี เช่น 80% กรดไตรคลอโรอะเซติค (Trichloroacetic acid) และ 25% โพโดฟิลลีน (Podophyllin) จี้บริเวณที่เป็นหูดโดยบุคลากรทางการแพทย์สัปดาห์ละครั้ง ติดต่อกันทุกสัปดาห์จนหาย ถ้า รักษาติดต่อกันเกิน 6 ครั้งแล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จะพิจารณารักษาด้วยวิธีอื่น หลังจี้ยาประมาณ 1 ชั่วโมงไม่ควรให้บริเวณที่ถูกจี้โดนน้ำ
2. การใช้ยาทาบริเวณที่เป็นหูด เช่น 5% อิมิควิโมดครีม (5% Imiquimod cream) จะช่วยลดปริมาณไวรัสทำให้หูดหายไปและยังช่วยลดอัตราการกลับเป็นซ้ำของโรค อีกทั้งสะดวกในการใช้เพราะผู้ป่วยสามารถนำกลับไปทา เองที่บ้านได้ แต่มีข้อเสียคือ ราคาแพง
3. การผ่าตัด ทำได้หลายวิธี คือ
3.1 การจี้หรือการตัดออกด้วยไฟฟ้า
3.2 การจี้หรือตัดออกโดยใช้ความเย็นจัด
3.3 การผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ มักใช้รักษาหูดที่มีขนาดใหญ่
Link https://www.si.mahidol.ac.th
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รูปภาพโรคหูดหงอนไก่
โรคหูดหงอนไก่คืออะไร ?
สาเหตุ : หุด หงอนไก่ ติดต่อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าทางสอดใส่หรือการทำรกด้วยปากทำรักทางทวาร หนัก พบมากบริเวณ ปากช่องคลอด ในช่องคลอด รอบๆ ทวารหนัก และแม้แต่ในทวารหนัก หากทำรักด้วยปาก...หูดหงอนไก่สามารถติดในปากคอหลอดลมและ กล่องเสียงได้ด้วย ดังนั้นถ้าไม่แน่ใจ ควรสวมถุงยางอนามัย แม้ถุงยางอนามัยไม่อาจป้องกันโรคนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถป้องกันได้เป็นส่วนใหญ่ โดยเชื้อไวรัส ชื่อ human papilloma virus (HPV) โดยเป็นการติดเชื้อที่ชั้นหนังกำพร้า เชื้อไวรัสในกลุ่มนี้มีมากกว่า 100 ชนิดที่สามารถแยกเชื้อได้ในปัจจุบัน หลายชนิดพบว่าเกี่ยวข้องกับการเกิดเป็นมะเร็งทั้งในเพศชายและเพศหญิง ร้อยละ 90 ของโรคหูดหงอนไก่เกิดจาก HPV types 6 และ 11 ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการเกิดเป็นมะเร็ง ส่วนน้อยหูดหงอนไก่ เกิดจากการใช้ของร่วมกัน การสัมผัสถูกหูดหงอนไก่ หรือในเด็กที่คลอดธรรมชาติ ซึ่งสามารถติดมาจากมารดาที่มีหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ
หูดหงอนไก่ส่วนใหญ่จึงถือว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากไม่มีเพศสัมพันธ์โอกาสเป็นหูดหงอนไก่แม้มี แต่ก็เกิดได้น้อยมาก
อาการ : • ลักษณะโรคหูดหงอนไก่ ปกติจะมีตุ่มหงอนไก่ คล้ายตุ่มหูด หรือหงอนของไก่ สีแดงสด บริเวณอวัยวะเพศ หรือข้างเคียง ถ้ากระทบแรงๆ อาจจะมีเลือดออกได้ บางครั้งถ้าอยู่ในช่องคลอดลึกอาจจะมองไม่เห็นแต่ มีอาจมีอาการตกขาวได้ ถ้าอยู่แถวปากช่องคลอด ก็จะเห็นได้ง่าย
• ในเด็กอาจจะเกิดที่แก้ม ลำตัว แขน ขา ลักษณะผิวในระยะแรกจะเป็นผื่นสีออกน้ำตาลไปทางชมพู เมื่อผื่นมีขนาดใหญ่จะมีสีน้ำตาลผื่นนูนหนาขึ้น อาจจะทำให้เกิดอาการบริเวณผื่นได้เล็กน้อย หากหูดโตขึ้นจะมีลักษณะคล้ายดอกกระหล่ำซึ่งจะพบได้ที่ปลายอวัยวะเพศ อัณฑะ และทวารหนัก ส่วนผู้หญิงจะพบได้บริเวณแคม ช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก นอกจากนั้นหูด ยังสามารถพบได้บริเวณปากมดลูก ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ
2. หูดชนิดแบนราบ มักพบบริเวณปากมดลูก ลักษณะแบนราบ ส่วนใหญ่เกิดจาก HPV 16 ปัจจุบัน
2.ติดต่อโดยการใช้เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่นเสื้อผ้าหรือผ้าเช็ดตัว สบู่อาบน้ำ
3.ติดต่อโดยการสัมผัสหรือเกา แล้วไปสัมผัสบริเวณอื่น
• การกำจัดอาจจะใช้การผ่าตัดเอาออก ใช้ laser หรือจี้ด้วยไฟฟ้า
• หรืออาจจะใช้สารเคมีเช่น podophyllin, cantharidin, phenol, silver nitrate, trichloracetic acid or iodine
• ใช้ความเย็นจี้ Cryotherapy
• สำหรับคนที่ตั้งครรภ์ไม่แนะนำให้ใช้ยาทา
วิธีการใช้สารเคมีจี้ออก
• การใช้ Podofilox 0.5% solution or gel โดยใช้ cotton bud ทาหูดวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 3 วันและพัก 4 วันหากยังไม่หลุดให้ทาซ้ำ
• การใช้ Imiquimod 5% cream ทาวันละครั้งก่อนนอน ทา 3วัน/สัปดาห์เป็นเวลา 16 สัปดาห์ ใช้สบู่ล้างออกหลังจากทาไปแล้ว 6-10 ชั่วโมง
• การใช้ Podophyllin resin 10%-25% ทาบริเวณที่เป็น แล้วปล่อยให้แห้งหลังจากนั้น 4 ชั่วโมงจึงล้างออก ทาสัปดาห์ละครั้ง
• การใช้กรด Trichloroacetic acid (TCA) or Bichloroacetic acid (BCA) 80%-90% ทา บริเวณที่ถูกทาจะมีสีขาว อย่าทาเป็นบริเวณกว้างเกินไป ทาสัปดาห์ละครั้ง
2. ช่วงที่เป็นโรคไม่ควรจะมีเพศสัมพันธ์
3. มีเพศสัมพันธ์กันสามีหรือภรรยาคนเดียว