โรคหูดหงอนไก่ในชาย ลักษณะของอาการโรคหูดหงอนไก่ อันตรายจากโรคหูดหงอนไก่


7,716 ผู้ชม


โรคหูดหงอนไก่ในชาย ลักษณะของอาการโรคหูดหงอนไก่ อันตรายจากโรคหูดหงอนไก่

            โรคหูดหงอนไก่ในชาย

 

คลินิก สบายดี  ถือเป็นคลินิกแห่งแรกที่ให้บริการตรวจ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และให้คำปรึกษาโดยสมัครใจ
เกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวี(Voluntry Counseling
and Testing : VCT) ต่อชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย
อย่างเป็นมิตรในเขตป่าตอง รวมทั้งให้บริการรักษาและ
ส่งต่อผู้รับบริการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และ
เอชไอวีไปยังสถานพยาบาลที่เหมาะสมอีกด้วย

หูดหงอนไก่ (Condyloma acuminate)

หูดหงอนไก่ เกิดจากไวรัสหูดชนิดพิเศษซึ่งอยู่ในและบริเวณรอบๆ อวัยวะเพศชายช่องคลอดปากมดลูก ลูก
อัณฑะและทวารหนักหรืออาจการสัมผัสโดยตรงผู้ได้รับเชื้อ
ไวรัสชนิดนี้อาจจะเกิดมีหูดซึ่งมองเห็นหรือรู้สึกสัมผัสได้
รอบๆบริเวณอวัยวะเพศแต่ก็มีหูดบางชนิดที่มอง
ไม่เห็นหูดที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศชายจะมีลักษณะเป็นก้อนนูนเล็กๆ
หรือเป็นติ่งเนื้อสีชมพูงอกบานออก
ทางด้านนอก ดูคล้ายหงอนไก่หรือดอกกระหล่ำ

อาการ

อาการในผู้ชาย  มักเป็นด้านในของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศบางครั้งอาจเกิดที่ปากท่อปัสสาวะและอาจงอก
ลามลึกเข้าไปภายในได้ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายมักพบหูดที่รอยทวารหนักซึ่งอาจ
ลุกลามเข้าภายในได้เช่นเดียวกัน

อาการในผู้หญิง  ตำแหน่งที่พบบ่อยคือที่ปากช่องคลอดปากมดลูกในผู้หญิงไวรัสหูดชนิดพิเศษนี้จะเข้าไป
เปลี่ยนเซลล์ของปากมดลูก(ซึ่งอยู่ด้านในช่องคลอด)หากทิ้งไว้และไม่รักษาเซลล์ที่เปลี่ยนไปนี้จะกลายเป็นมะเร็งในปาก
มดลูกในผู้หญิงบางคน

การรักษา

ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหูดหลายวิธี ดังต่อไปนี้

1. ยาทา วิธีการใช้ยาคือ ทาเฉพาะบริเวณที่เป็นโรค หลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นผิวหนังปกติ ควรล้างให้สะอาด
หลังทายา 4 ชั่วโมง หูดจะแห้งหลุดไปในเวลาไม่กี่วัน  ข้อควรระวังในการใช้ยานี้คือ ถ้ามีการดูดซึมเข้าไปมากจะเป็น
พิษต่อร่างกายจึงไม่ควรใช้ยานี้กับหูดในปาก หูดในช่องคลอด หรือปากมดลูก หูดขนาดใหญ่ และในหญิงมีครรภ์

                2. กรดในความเข้มข้นใช้กัดหูดได้ ให้แต้มยาที่ตัวหูดด้วยความระมัดระวัง สัปดาห์ละครั้ง ถ้าทำซ้ำ 4 ครั้ง
ยังไม่หายถือว่าการรักษาไม่ได้ผล

3. ครีมที่มีฤทธิ์ขัดขาวงการสังเคราะห์ DNA ใช้ทาวันละ 1 – 2 ครั้ง แต่ยานี้ทำให้ผิวถลอกเป็นวงกว้าง
และเกิดอาการเจ็บปวดได้มาก จึงเป็นยาที่ใช้ได้ลำบาก

4. วิธีอื่นๆที่ใช้รักษาหูดได้แก่การจี้ความเย็นการจี้ไฟฟ้าการผ่าตัดการรักษาควารอยู่ในความดูแลและข้อแนะ
นำของแพทย์อย่างใกล้ชิด

            Link   https://www.patonghospital.com

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


               ลักษณะของอาการโรคหูดหงอนไก่

หูดหงอนไก่และการรักษาหูดหงอนไก่
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ อาจจะยังไม่รู้จักกับโรคหูดหงอนไก่ หรือรู้จักโรคหูดหงอนไก่มากันบ้างแล้วนะครับ จากข้อมูลในเว็บไซด์ต่างๆ ไม่มากก็น้อย
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับมันให้มากขึ้น คนที่เพิ่งเป็นโรคนี้ เช่น มีติ่งเนื้อเล็กๆ ขึ้นมาแถวอวัยวะเพศของตัวเองหรือรูทวาร ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็อาจจะงง? ว่าเราเป็นอะไรกันแน่ ใช่หูดหงอนไก่หรือป่าว
!!ฟันธงไปก่อนเลยว่าเป็นแน่ 90% เพราะหูดพวกนี้จะขึ้นตามอวัยวะเพศหรือที่อับชื้นเท่านั้น จะได้ไปหาหมอ ให้ตรวจให้แน่ชัด รีบรักษาก็หายเร็วครับ
แต่ยังไม่มีเว็บไหนที่บอกหรือให้คำปรึกษาการรักษาอย่างถูกวิธีว่าใช้ยาตัว ไหนในการรักษาดี รักษาได้ที่ไหนบ้าง ค่ารักษาแพงมั้ย และสามารถมีคนให้คำปรึกษาและติดตามผลการรักษาได้อย่างต่อเนื่อง
วันนี้ผมจึงพยายามเป็นจุดศูนย์กลางในการให้คำปรึกษาของเพื่อนๆ ที่เป็นโรคชนิดนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาทาง MSN Whatapp Line หรือ โทรมาถามทางโทรศัพท์มือถือโดยตรงเลย ตอนนี้มีสมาชิกมากกว่า 2,000 คนที่ผมให้ความช่วยเหลืออยู่ หลายคนในนั้นก็ได้คำปรึกษา และไปรักษาอย่างถูกวิธี หรือทายาที่ชื่อว่า Aldara ด้วยตนเอง หายกันหมดแล้วก็เยอะครับ ใครหาซื้อไม่ได้ก็ฝากผมซื้อ ไปซื้อเองก็แนะนำให้ได้ครับ ใครปรึกษาอย่างเดียวไม่มีปัญหาครับยินดีไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
ผมจะนิยามเกี่ยวกับหูดหงอนไก่ สั้นๆนะครับ สำหรับคนที่กำลังสงสัยว่าคุณเป็นหูดหงอนไก่หรือป่าว หรือไม่เคยรู้ว่าหูดหงอนไก่คืออะไร
หูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกโดยเฉพาะ สายพันธุ์ 6,11 ไวรัสตัวนี้จะเหมือนกับเชื้อไวรัสไข้หวัดที่แฝงตัวอยู่ในร่างกายคนเรา เมื่อใดที่ร่างกายเราอ่อนแอมันก็จะออกมาทำร้ายร่างกายเรานั่นเอง
ลักษณะของหูดหงอนไก่ ในเพศชายจะขึ้นเป็นติ่งเนื้อเล็กๆบริเวณรอบหัวอวัยวะเพศ หรือปลายท่อปัสสาวะ ในเพศหญิงจะพบบริเวณปากช่องคลอดและภายในช่องคลอด ทั้งเพศชายและหญิงอาจพบได้ตรงบริเวณรูทวารใกล้ฝีเย็บอีกด้วย ติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์และใช้ของใช้ร่วมกัน
การรักษาแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ เพศชาย กับเพศหญิง
เพศหญิง การรักษาค่อนข้างจะลำบากกว่าเพศชาย ตรงที่เพศชายสามารถมองเห็นหูดเองได้ ดังนั้นก็สามารถซื้อยามาทาเองได้ แต่เพศหญิงเมื่อเป็นที่บริเวณภายนอกแล้วก็มีสิทธิ์มากที่หูดจะขึ้นภายในช่อง คลอดด้วย
ดังนั้นการรักษาของเพศหญิงควรจะไปพบสูตินรีเวศดีที่สุดครับ เพราะหูดหงอนไก่บางสายพันธุ์เป็นเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์เดียวกันกับชนิดที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกอีกด้วย ครั้งแรกที่ไปพบหมอ
1.ต้องทำการตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นอันดับแรกหรือ ตรวจเชื้อ HPV นั้นเอง ประมาณ 1,500-2,500 บาท
2.ถ้า เกิดตรวจเจอว่าหูดขึ้นภายในช่องคลอด หมอจะทำการแต้มยาที่ชื่อว่า podophyllin ให้เลย เพื่อยับยั้งการกระจายของหูด โดยหมอจะทายาให้อาทิตย์ละครั้ง หมอจะนัดมาแต้มยาทุกอาทิตย์ ใน 2-3 เดือน หมออาจจะนัดทุกอาทิตย์ครับ แต่เมื่อผลการรักษาดีขึ้นหูดหายไป ก็จะนัดมา 2-3 อาทิตย์ครั้ง หรือเดือนละครั้งก็ได้ครับ ค่าใช้จ่ายในการแต้มยาแต่ละครั้งก็แล้วแต่โรงพยาบาลนะครับ อยู่ที่ 400-800 บาท
3.อีกวิธีที่หมออาจจะแนะนำคุณว่าจี้ไฟฟ้า ขอบอกนะครับว่าจี้ไฟฟ้าไม่ใช่ว่าจี้แล้วหายเลยนะครับ มันยังขึ้นมาอีกแถมยังแพงอีกด้วย ถ้าเพศชายก็2,500-4,000 เพศหญิงนี่ต้องเข้าห้องผ่าตัดเลย 8,000-12,000 แล้วแต่ปริมาณหูดและโรงพยาบาลที่รักษาครับ
ดังนั้นทายาก่อนดีกว่าครับ ถ้าไม่หายหรือหูดกระจายโตขึ้นถึงจะจี้ไฟฟ้าดีกว่าครับ
เมื่อพบว่าเป็นหูดหงอนไก่จะซื้อยาอะไรมาทาดี
ยามี 2 ชนิด podophyllin และ Aldara cream คำถามที่พบบ่อย ยาสองชนิดนี้ใช้อย่างไร แตกต่างกันยังไง
Podo VS Aldara
Podo ออกฤทธิ์เป็นเหมือนกรดครับ จะกัดเนื้อเยื่อตรงที่เป็นหูดออกไปเท่านั้น แต่ตัวเชื้อของเจ้าหูดนี้ยังอยู่ มันก็จะไปขึ้นในจุดอื่นหรือขึ้นที่เก่าอีกน่ะครับโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูงครับ เมื่อหูดขึ้นมาก็ต้องทายาให้หลุดอีกไปเรื่อยๆ ดังนั้นอาจจะต้องใช้เวลาในการรักษานานมาก 7เดือน ถึง 1ปี เลย
การใช้ยา ทาที่หูด อาทิตย์ละครั้ง ตอนทาจะแสบมากมาย ห้ามโดนน้ำ 4 ชม.นะครับ ( ยามีผลข้างเคียงสูง )
Aldara ออกฤทธิ์โดยกระตุ้นภูมิต้านทานในร่างกายให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานไวรัส ชนิดนี้ขึ้นมา จะทำให้หูดค่อยๆยุบไปเองครับหายแน่นอน โอกาสกลับมาเป็นซ้ำน้อยมาก เป็นวิธีที่แพทย์ชั้นนำใช้ในการรักษา
การใช้ยา โดยใช้ยาทาบริเวณหูดครับ ทาวันเว้นวันบางๆ ควรทาทิ้งไว้ห้ามโดนน้ำ 4 ชม. หรือไม่มีเวลาจริงๆแนะนำทาก่อนนอนครับ ตื่นมาอาบน้ำค่อยล้างออก เมื่อหูดยุบแล้ว ทา4-5 วัน หรือ อาทิตย์นึงทาทีก็ได้ครับ ทาติดต่อกัน 16 อาทิตย์ครับ
การรักษาแบบการจี้ podo ส่วนมากจะใช้รักษากับผู้ป่วยเพศหญิงครับ เพราะยาจะออกฤทธิ์เลยตอนจี้โดนหูดแสบ5วินาที จะใช้รักษาภายในช่องคลอดน่ะครับ เพราะข้างในนั้นมีของเหลวอยู่ ไม่แนะนำใช้ ยา aldara เพราะเป็นครีมเมื่อโดน ของเหลวข้างใน ก็จะไม่ค่อยได้ผลครับ

            Link     https://www.bloggang.com

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

               อันตรายจากโรคหูดหงอนไก่

โรคหงอนไก่

โรคหงอนไก่เป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนังเกิดจากเชื้อ HPV มักจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ลักษณะเป็นผื่นยื่นออกมา การรักษาจะทำได้โดยการจี้ด้วยยา

โรคหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ

โรคหูดที่อวัยวะเพศหรือที่เรียกว่า Condyloma acuminatum เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า human papillomavirus (HPV) ซึ่งมีมากกว่าร้อยชนิด โรคหูดส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เกิดจากเชื้อ HPV type 6,11ซึ่งไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ชนิดที่อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้แก่ชนิด types 33, 35, 39, 40, 43, 45, 51-56, 58 ชนิดชนิดที่ทำให้เกิดมะเร็งได้มากได้แก่ชนิด (types 16, 18)


ตำแหน่งที่พบโรคหูด

โรคหูดที่อวัยวะเพศตำแหน่งที่พบบ่อยได้แก่ อวัยวะเพศชาย penis, แคมใหญ่ vulva, ช่องคลอด vagina, ปากมดลูก cervix, บริเวณหัวเหน่า perineum, และบริเวณรอบๆทวารหนัก perianal ตำแหน่งอื่นที่อาจจะพบได้แก่ คอ หลอดลม บางแห่งติดเชื้อแต่ไม่มีอาการซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็ง

ลักษณะของหูดเป็นอย่างไร

หูดจะมีลักษณะแบน สีออกชมภูหรือดำ มักจะไม่เป็นติ่ง มักจะเกิดได้หลายๆแห่ง

โรคนี้พบบ่อยแค่ไหน

  • เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุด มักจะพบในวัยรุ่นและวัยหนุ่ม
  • ผู้ที่มีโรคทำให้ภูมิอ่อนแอ เช่นโรคเบาหวาน ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยเหล่านี้จะมีขนาดของหูดใหญ่กว่าปกติ กลับเป็นซ้ำหรือมีโรคแทรกว้อน
  • โรคนี้อาจจะกำเริบในขณะตั้งครรภ์ทำให้หูดมีขนาดใหญ่และขวางการคลอดตามธรรมชาติ
หูดที่อวัยวะเพศหญิง หูดที่ทวาร หูดที่อวัยวะเพศ หูดที่ปลายอวัยวะเพศ
fbgoogle

อาการของโรคเป็นอย่างไร

  • ผู้ที่สูบบุหรี่ ทานยาคุมกำเนิด มีคู่นอนหลายคน หรือมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้
  • ประมาณร้อยละ60ของผู้ป่วยจะเกิดโรคหูดหลังจากสัมผัสผู้ป่วยไปแล้วประมาณสามเดือน
  • อาการทีสำคัญของผู้ป่วยโรคหูดคือ มีก้อนไม่เจ็บปวด อาจจะมีอาการคัน หรือมีตกขาว
  • สำหรับผู้ที่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์ทางทวาร หรือทางปากอาจจะมีก้อนบริเวณดังกล่าว
  • ผู้หญิงอาจจะมาด้วยเรื่องมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ส่วนผู้ชายอาจจะมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก

แพทย์จะตรวจหาหูดได้ที่ไหนบ้าง

สำหรับผู้ชาย

  • พบก้อนได้บริเวณอวัยวะเพศ
  • ส่วนหัวของอวัยวะเพศ
  • หรือเยื่อบุในท่องปัสสาวะ
  • สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักอาจจะก้อนบริเวณรอบทวารหนัก

สำหรับผู้หญิง

  • ผิวหนังแถวอวัยวะเพศ
  • แคมใหญ่ แคมเล็ก
  • ช่องคลอด
  • ทวานหนัก

แพทย์จะต้องตรวจพิเศษอะไรบ้าง

การที่ท่านเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แพทย์จะต้องตรวจหาว่าท่านติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นอีกหรือไม่ โดยจะตรวจ

  • หนองในแท้ หนองในเทียม
  • โรคเอดส์
  • โรคซิฟิลิส
  • ตรวจภายในทำ PAP Smear
  • ตรวจหารการติดเชื้อโดยที่ไม่มีอาการ โดยการใช้ acetic acid ปิดไว้ห้านาที แล้วใช้แว่นขยายส่อง ซึ่งอาจจะพบรอยโรค
  • การตัดชิ้นเนื้อตรวจ

การรักษา

หลักการรักษาเมื่อพบหูดจะเอาหูดออก หากไม่รักษา ก้อนอาจจะมีขนาดเท่าเดิม หรือหายไปเอง หรืออาจจะมีขนาดใหญ่ขึ้น การเอาก้อนหูดออกไม่ได้กำจัดการติดเชื้อ HPV ออกจากร่างกาย การเอาหูดออกจะลดการติดต่อลง

  • การจี้ด้วยความเย็น Cryotherapy
    • ใช้ความเย็น(nitrogen เหลว) จี้บริเวณเนื้องอก 10-15 วินาที และสามารถทำซ้ำได้ ระวังอย่าให้ถูกผิวหนังบริเวณที่ดี
    • การใช้ความเย็นจี้เป็นวิธีการรักษาสำหรับหูดโดยเฉพาะที่รอบทวารหนัก
    • การตอบสนองต่อการรักาาดี และมีแทรกซ้อนน้อย
    • โรคแทรกซ้อนที่สำคัญได้แก่ เกิดผล ปวดขณะทำ สีผิวซีดลง
    • สามารถทำในคนท้องได้
  • การใช้ไฟฟ้าจี้ ไม่แนะนำเพราะควันที่เกิดอาจจะติดต่อได้
  • การขูดเอาเนื้องอกออก Curettage
  • การผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออก Surgical excision
    • การผ่าตัดจะให้ผลดี และมีโรคแทรกซ้อนต่ำ และอัตราการเป็นซ้ำต่ำ
    • อัตราการหาย 63-91%.
  • การใช้ Laser Carbon dioxide laser treatment
    • ใช้ Laserในกรณีที่ก้อนมีขนาดใหญ่ หรือเป็นซ้ำ
    • ข้อระวังควันที่เกิดอาจจะติดต่อได้
    • ต้องใช้ยาชาเฉพาะที่ทา
  • การใช้ยาทาภายนอกได้แก่
    • Podophyllin เป็นยาที่ใช้ทาภายนอกที่ตัวหูด ให้ทาสัปดาห์ละครั้ง ข้อระวังของการใช้ยานเพื่อป้องกันมิให้ยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายี้ได้แก่
      • การใช้ยาแต่ละครั้งไม่ควรเกิน <0.5 mL
      • ขนาดของหูดไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไปโดยไม่เกิน 10 cm2
      • บริเวณที่ทาไม่ควรมีแผล เพราะยาอาจจะถูกดูดซึม
      • หลังทาปล่อยให้แห้ง และล้างออกหลังจากทาไปแล้ว 1-4 ชม
    • TCA (trichloracetic acid)เป็นยาที่ใช้ทาภายนอก ห้ามถูกผิวหนังที่ดี
  • การให้ผู้ป่วยทายาเอง
    • Podofilox 0.5% solution or gel. ให้ทาที่ตัวหูดวันละสองครั้งเป็นเวลาสามวัน และหยุดทาสี่วันให้ทำซ้ำได้สี่ครั้ง ยานี้ไม่ควรใช้ในคนท้อง และไม่ควรใช้ยาปริมาณมากเกินไป
    • Imiquimod 5% cream ให้ทายานี้ก่อนนอน อาติตย์ละ 3 วันเป็นเวลา 16 สัปดาห์

การป้องกันการติดเชื้อโรคหูด

หญิงหรือชายวัยเจริญพันธุ์สามารถป้องกันการติดเชื้อโรคหูดโดย

  • งดการมีเพศสัมพันธุ์เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด แต่น้อยคนที่ทำได้
  • ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพราะนั้นย่อมหมายถึงคุณก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
  • ไม่ควรจะเปลี่ยนคู่นอน
  • หากผู้ที่มีหูดควรจัดการรักษาให้หายเรียบร้อยก่อนจึงจะมีเพศสัมพันธุ์
  • ให้สวมถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันะธุ์ที่ไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัย
  • การฉีดวัคซีนป้องกัน

อ่านเพิ่มเติมที่นี่

โรคที่เกี่ยวข้อง

               Link     https://www.siamhealth.net

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด