โรคหูดหงอนไก่ในชาย ลักษณะของอาการโรคหูดหงอนไก่ อันตรายจากโรคหูดหงอนไก่
โรคหูดหงอนไก่ในชาย
|
หูดหงอนไก่ (Condyloma acuminate) |
หูดหงอนไก่ เกิดจากไวรัสหูดชนิดพิเศษซึ่งอยู่ในและบริเวณรอบๆ อวัยวะเพศชายช่องคลอดปากมดลูก ลูก อาการ อาการในผู้ชาย มักเป็นด้านในของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศบางครั้งอาจเกิดที่ปากท่อปัสสาวะและอาจงอก อาการในผู้หญิง ตำแหน่งที่พบบ่อยคือที่ปากช่องคลอดปากมดลูกในผู้หญิงไวรัสหูดชนิดพิเศษนี้จะเข้าไป การรักษา ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหูดหลายวิธี ดังต่อไปนี้ 1. ยาทา วิธีการใช้ยาคือ ทาเฉพาะบริเวณที่เป็นโรค หลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นผิวหนังปกติ ควรล้างให้สะอาด 2. กรดในความเข้มข้นใช้กัดหูดได้ ให้แต้มยาที่ตัวหูดด้วยความระมัดระวัง สัปดาห์ละครั้ง ถ้าทำซ้ำ 4 ครั้ง 3. ครีมที่มีฤทธิ์ขัดขาวงการสังเคราะห์ DNA ใช้ทาวันละ 1 – 2 ครั้ง แต่ยานี้ทำให้ผิวถลอกเป็นวงกว้าง 4. วิธีอื่นๆที่ใช้รักษาหูดได้แก่การจี้ความเย็นการจี้ไฟฟ้าการผ่าตัดการรักษาควารอยู่ในความดูแลและข้อแนะ |
Link https://www.patonghospital.com
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ลักษณะของอาการโรคหูดหงอนไก่
หูดหงอนไก่และการรักษาหูดหงอนไก่
เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ อาจจะยังไม่รู้จักกับโรคหูดหงอนไก่ หรือรู้จักโรคหูดหงอนไก่มากันบ้างแล้วนะครับ จากข้อมูลในเว็บไซด์ต่างๆ ไม่มากก็น้อย
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับมันให้มากขึ้น คนที่เพิ่งเป็นโรคนี้ เช่น มีติ่งเนื้อเล็กๆ ขึ้นมาแถวอวัยวะเพศของตัวเองหรือรูทวาร ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็อาจจะงง? ว่าเราเป็นอะไรกันแน่ ใช่หูดหงอนไก่หรือป่าว
!!ฟันธงไปก่อนเลยว่าเป็นแน่ 90% เพราะหูดพวกนี้จะขึ้นตามอวัยวะเพศหรือที่อับชื้นเท่านั้น จะได้ไปหาหมอ ให้ตรวจให้แน่ชัด รีบรักษาก็หายเร็วครับ
แต่ยังไม่มีเว็บไหนที่บอกหรือให้คำปรึกษาการรักษาอย่างถูกวิธีว่าใช้ยาตัว ไหนในการรักษาดี รักษาได้ที่ไหนบ้าง ค่ารักษาแพงมั้ย และสามารถมีคนให้คำปรึกษาและติดตามผลการรักษาได้อย่างต่อเนื่อง
วันนี้ผมจึงพยายามเป็นจุดศูนย์กลางในการให้คำปรึกษาของเพื่อนๆ ที่เป็นโรคชนิดนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาทาง MSN Whatapp Line หรือ โทรมาถามทางโทรศัพท์มือถือโดยตรงเลย ตอนนี้มีสมาชิกมากกว่า 2,000 คนที่ผมให้ความช่วยเหลืออยู่ หลายคนในนั้นก็ได้คำปรึกษา และไปรักษาอย่างถูกวิธี หรือทายาที่ชื่อว่า Aldara ด้วยตนเอง หายกันหมดแล้วก็เยอะครับ ใครหาซื้อไม่ได้ก็ฝากผมซื้อ ไปซื้อเองก็แนะนำให้ได้ครับ ใครปรึกษาอย่างเดียวไม่มีปัญหาครับยินดีไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
ผมจะนิยามเกี่ยวกับหูดหงอนไก่ สั้นๆนะครับ สำหรับคนที่กำลังสงสัยว่าคุณเป็นหูดหงอนไก่หรือป่าว หรือไม่เคยรู้ว่าหูดหงอนไก่คืออะไร
หูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกโดยเฉพาะ สายพันธุ์ 6,11 ไวรัสตัวนี้จะเหมือนกับเชื้อไวรัสไข้หวัดที่แฝงตัวอยู่ในร่างกายคนเรา เมื่อใดที่ร่างกายเราอ่อนแอมันก็จะออกมาทำร้ายร่างกายเรานั่นเอง
ลักษณะของหูดหงอนไก่ ในเพศชายจะขึ้นเป็นติ่งเนื้อเล็กๆบริเวณรอบหัวอวัยวะเพศ หรือปลายท่อปัสสาวะ ในเพศหญิงจะพบบริเวณปากช่องคลอดและภายในช่องคลอด ทั้งเพศชายและหญิงอาจพบได้ตรงบริเวณรูทวารใกล้ฝีเย็บอีกด้วย ติดต่อกันทางเพศสัมพันธ์และใช้ของใช้ร่วมกัน
การรักษาแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ เพศชาย กับเพศหญิง
เพศหญิง การรักษาค่อนข้างจะลำบากกว่าเพศชาย ตรงที่เพศชายสามารถมองเห็นหูดเองได้ ดังนั้นก็สามารถซื้อยามาทาเองได้ แต่เพศหญิงเมื่อเป็นที่บริเวณภายนอกแล้วก็มีสิทธิ์มากที่หูดจะขึ้นภายในช่อง คลอดด้วย
ดังนั้นการรักษาของเพศหญิงควรจะไปพบสูตินรีเวศดีที่สุดครับ เพราะหูดหงอนไก่บางสายพันธุ์เป็นเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์เดียวกันกับชนิดที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกอีกด้วย ครั้งแรกที่ไปพบหมอ
1.ต้องทำการตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นอันดับแรกหรือ ตรวจเชื้อ HPV นั้นเอง ประมาณ 1,500-2,500 บาท
2.ถ้า เกิดตรวจเจอว่าหูดขึ้นภายในช่องคลอด หมอจะทำการแต้มยาที่ชื่อว่า podophyllin ให้เลย เพื่อยับยั้งการกระจายของหูด โดยหมอจะทายาให้อาทิตย์ละครั้ง หมอจะนัดมาแต้มยาทุกอาทิตย์ ใน 2-3 เดือน หมออาจจะนัดทุกอาทิตย์ครับ แต่เมื่อผลการรักษาดีขึ้นหูดหายไป ก็จะนัดมา 2-3 อาทิตย์ครั้ง หรือเดือนละครั้งก็ได้ครับ ค่าใช้จ่ายในการแต้มยาแต่ละครั้งก็แล้วแต่โรงพยาบาลนะครับ อยู่ที่ 400-800 บาท
3.อีกวิธีที่หมออาจจะแนะนำคุณว่าจี้ไฟฟ้า ขอบอกนะครับว่าจี้ไฟฟ้าไม่ใช่ว่าจี้แล้วหายเลยนะครับ มันยังขึ้นมาอีกแถมยังแพงอีกด้วย ถ้าเพศชายก็2,500-4,000 เพศหญิงนี่ต้องเข้าห้องผ่าตัดเลย 8,000-12,000 แล้วแต่ปริมาณหูดและโรงพยาบาลที่รักษาครับ
ดังนั้นทายาก่อนดีกว่าครับ ถ้าไม่หายหรือหูดกระจายโตขึ้นถึงจะจี้ไฟฟ้าดีกว่าครับ
เมื่อพบว่าเป็นหูดหงอนไก่จะซื้อยาอะไรมาทาดี
ยามี 2 ชนิด podophyllin และ Aldara cream คำถามที่พบบ่อย ยาสองชนิดนี้ใช้อย่างไร แตกต่างกันยังไง
Podo VS Aldara
Podo ออกฤทธิ์เป็นเหมือนกรดครับ จะกัดเนื้อเยื่อตรงที่เป็นหูดออกไปเท่านั้น แต่ตัวเชื้อของเจ้าหูดนี้ยังอยู่ มันก็จะไปขึ้นในจุดอื่นหรือขึ้นที่เก่าอีกน่ะครับโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูงครับ เมื่อหูดขึ้นมาก็ต้องทายาให้หลุดอีกไปเรื่อยๆ ดังนั้นอาจจะต้องใช้เวลาในการรักษานานมาก 7เดือน ถึง 1ปี เลย
การใช้ยา ทาที่หูด อาทิตย์ละครั้ง ตอนทาจะแสบมากมาย ห้ามโดนน้ำ 4 ชม.นะครับ ( ยามีผลข้างเคียงสูง )
Aldara ออกฤทธิ์โดยกระตุ้นภูมิต้านทานในร่างกายให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานไวรัส ชนิดนี้ขึ้นมา จะทำให้หูดค่อยๆยุบไปเองครับหายแน่นอน โอกาสกลับมาเป็นซ้ำน้อยมาก เป็นวิธีที่แพทย์ชั้นนำใช้ในการรักษา
การใช้ยา โดยใช้ยาทาบริเวณหูดครับ ทาวันเว้นวันบางๆ ควรทาทิ้งไว้ห้ามโดนน้ำ 4 ชม. หรือไม่มีเวลาจริงๆแนะนำทาก่อนนอนครับ ตื่นมาอาบน้ำค่อยล้างออก เมื่อหูดยุบแล้ว ทา4-5 วัน หรือ อาทิตย์นึงทาทีก็ได้ครับ ทาติดต่อกัน 16 อาทิตย์ครับ
การรักษาแบบการจี้ podo ส่วนมากจะใช้รักษากับผู้ป่วยเพศหญิงครับ เพราะยาจะออกฤทธิ์เลยตอนจี้โดนหูดแสบ5วินาที จะใช้รักษาภายในช่องคลอดน่ะครับ เพราะข้างในนั้นมีของเหลวอยู่ ไม่แนะนำใช้ ยา aldara เพราะเป็นครีมเมื่อโดน ของเหลวข้างใน ก็จะไม่ค่อยได้ผลครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อันตรายจากโรคหูดหงอนไก่
โรคหงอนไก่ โรคหงอนไก่เป็นโรคติดเชื้อที่ผิวหนังเกิดจากเชื้อ HPV มักจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ลักษณะเป็นผื่นยื่นออกมา การรักษาจะทำได้โดยการจี้ด้วยยา |
โรคหงอนไก่ที่อวัยวะเพศ
โรคหูดที่อวัยวะเพศหรือที่เรียกว่า Condyloma acuminatum เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า human papillomavirus (HPV) ซึ่งมีมากกว่าร้อยชนิด โรคหูดส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เกิดจากเชื้อ HPV type 6,11ซึ่งไม่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ชนิดที่อาจจะก่อให้เกิดมะเร็งได้แก่ชนิด types 33, 35, 39, 40, 43, 45, 51-56, 58 ชนิดชนิดที่ทำให้เกิดมะเร็งได้มากได้แก่ชนิด (types 16, 18)
ตำแหน่งที่พบโรคหูด
โรคหูดที่อวัยวะเพศตำแหน่งที่พบบ่อยได้แก่ อวัยวะเพศชาย penis, แคมใหญ่ vulva, ช่องคลอด vagina, ปากมดลูก cervix, บริเวณหัวเหน่า perineum, และบริเวณรอบๆทวารหนัก perianal ตำแหน่งอื่นที่อาจจะพบได้แก่ คอ หลอดลม บางแห่งติดเชื้อแต่ไม่มีอาการซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็ง
ลักษณะของหูดเป็นอย่างไร
หูดจะมีลักษณะแบน สีออกชมภูหรือดำ มักจะไม่เป็นติ่ง มักจะเกิดได้หลายๆแห่ง
โรคนี้พบบ่อยแค่ไหน
- เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุด มักจะพบในวัยรุ่นและวัยหนุ่ม
- ผู้ที่มีโรคทำให้ภูมิอ่อนแอ เช่นโรคเบาหวาน ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ป่วยเหล่านี้จะมีขนาดของหูดใหญ่กว่าปกติ กลับเป็นซ้ำหรือมีโรคแทรกว้อน
- โรคนี้อาจจะกำเริบในขณะตั้งครรภ์ทำให้หูดมีขนาดใหญ่และขวางการคลอดตามธรรมชาติ
อาการของโรคเป็นอย่างไร
- ผู้ที่สูบบุหรี่ ทานยาคุมกำเนิด มีคู่นอนหลายคน หรือมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้
- ประมาณร้อยละ60ของผู้ป่วยจะเกิดโรคหูดหลังจากสัมผัสผู้ป่วยไปแล้วประมาณสามเดือน
- อาการทีสำคัญของผู้ป่วยโรคหูดคือ มีก้อนไม่เจ็บปวด อาจจะมีอาการคัน หรือมีตกขาว
- สำหรับผู้ที่มีประวัติมีเพศสัมพันธ์ทางทวาร หรือทางปากอาจจะมีก้อนบริเวณดังกล่าว
- ผู้หญิงอาจจะมาด้วยเรื่องมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ส่วนผู้ชายอาจจะมีปัญหาเรื่องปัสสาวะไม่ออก
แพทย์จะตรวจหาหูดได้ที่ไหนบ้าง
สำหรับผู้ชาย
- พบก้อนได้บริเวณอวัยวะเพศ
- ส่วนหัวของอวัยวะเพศ
- หรือเยื่อบุในท่องปัสสาวะ
- สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักอาจจะก้อนบริเวณรอบทวารหนัก
สำหรับผู้หญิง
- ผิวหนังแถวอวัยวะเพศ
- แคมใหญ่ แคมเล็ก
- ช่องคลอด
- ทวานหนัก
แพทย์จะต้องตรวจพิเศษอะไรบ้าง
การที่ท่านเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แพทย์จะต้องตรวจหาว่าท่านติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างอื่นอีกหรือไม่ โดยจะตรวจ
- หนองในแท้ หนองในเทียม
- โรคเอดส์
- โรคซิฟิลิส
- ตรวจภายในทำ PAP Smear
- ตรวจหารการติดเชื้อโดยที่ไม่มีอาการ โดยการใช้ acetic acid ปิดไว้ห้านาที แล้วใช้แว่นขยายส่อง ซึ่งอาจจะพบรอยโรค
- การตัดชิ้นเนื้อตรวจ
การรักษา
หลักการรักษาเมื่อพบหูดจะเอาหูดออก หากไม่รักษา ก้อนอาจจะมีขนาดเท่าเดิม หรือหายไปเอง หรืออาจจะมีขนาดใหญ่ขึ้น การเอาก้อนหูดออกไม่ได้กำจัดการติดเชื้อ HPV ออกจากร่างกาย การเอาหูดออกจะลดการติดต่อลง
- การจี้ด้วยความเย็น Cryotherapy
- ใช้ความเย็น(nitrogen เหลว) จี้บริเวณเนื้องอก 10-15 วินาที และสามารถทำซ้ำได้ ระวังอย่าให้ถูกผิวหนังบริเวณที่ดี
- การใช้ความเย็นจี้เป็นวิธีการรักษาสำหรับหูดโดยเฉพาะที่รอบทวารหนัก
- การตอบสนองต่อการรักาาดี และมีแทรกซ้อนน้อย
- โรคแทรกซ้อนที่สำคัญได้แก่ เกิดผล ปวดขณะทำ สีผิวซีดลง
- สามารถทำในคนท้องได้
- การใช้ไฟฟ้าจี้ ไม่แนะนำเพราะควันที่เกิดอาจจะติดต่อได้
- การขูดเอาเนื้องอกออก Curettage
- การผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออก Surgical excision
- การผ่าตัดจะให้ผลดี และมีโรคแทรกซ้อนต่ำ และอัตราการเป็นซ้ำต่ำ
- อัตราการหาย 63-91%.
- การใช้ Laser Carbon dioxide laser treatment
- ใช้ Laserในกรณีที่ก้อนมีขนาดใหญ่ หรือเป็นซ้ำ
- ข้อระวังควันที่เกิดอาจจะติดต่อได้
- ต้องใช้ยาชาเฉพาะที่ทา
- การใช้ยาทาภายนอกได้แก่
- Podophyllin เป็นยาที่ใช้ทาภายนอกที่ตัวหูด ให้ทาสัปดาห์ละครั้ง ข้อระวังของการใช้ยานเพื่อป้องกันมิให้ยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายี้ได้แก่
- การใช้ยาแต่ละครั้งไม่ควรเกิน <0.5 mL
- ขนาดของหูดไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไปโดยไม่เกิน 10 cm2
- บริเวณที่ทาไม่ควรมีแผล เพราะยาอาจจะถูกดูดซึม
- หลังทาปล่อยให้แห้ง และล้างออกหลังจากทาไปแล้ว 1-4 ชม
- TCA (trichloracetic acid)เป็นยาที่ใช้ทาภายนอก ห้ามถูกผิวหนังที่ดี
- Podophyllin เป็นยาที่ใช้ทาภายนอกที่ตัวหูด ให้ทาสัปดาห์ละครั้ง ข้อระวังของการใช้ยานเพื่อป้องกันมิให้ยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายี้ได้แก่
- การให้ผู้ป่วยทายาเอง
- Podofilox 0.5% solution or gel. ให้ทาที่ตัวหูดวันละสองครั้งเป็นเวลาสามวัน และหยุดทาสี่วันให้ทำซ้ำได้สี่ครั้ง ยานี้ไม่ควรใช้ในคนท้อง และไม่ควรใช้ยาปริมาณมากเกินไป
- Imiquimod 5% cream ให้ทายานี้ก่อนนอน อาติตย์ละ 3 วันเป็นเวลา 16 สัปดาห์
การป้องกันการติดเชื้อโรคหูด
หญิงหรือชายวัยเจริญพันธุ์สามารถป้องกันการติดเชื้อโรคหูดโดย
- งดการมีเพศสัมพันธุ์เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด แต่น้อยคนที่ทำได้
- ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ เพราะนั้นย่อมหมายถึงคุณก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น
- ไม่ควรจะเปลี่ยนคู่นอน
- หากผู้ที่มีหูดควรจัดการรักษาให้หายเรียบร้อยก่อนจึงจะมีเพศสัมพันธุ์
- ให้สวมถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันะธุ์ที่ไม่แน่ใจว่าจะปลอดภัย
- การฉีดวัคซีนป้องกัน
โรคที่เกี่ยวข้อง
- วัคซีนป้องกันเชื้อ HPV
- การติดเชื้อ HPV
- มะเร็งปากมดลูก
- การตรวจภายใน
- การติดเชื้อหูดในผู้ชาย
- หูดที่ผิวหนัง
Link https://www.siamhealth.net
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++