วิธีรักษาโรคหูดหงอนไก่ การรักษาโรคหูดหงอนไก่ ภาพโรคหูดหงอนไก่ในผู้หญิง
วิธีรักษาโรคหูดหงอนไก่
วิธีการรักษาหูดหงอนไก่ (สำหรับคนที่ยังเป็นไม่มาก)ทีนี้เพื่อนๆก็พอจะรู้จักเจ้า หูดหงอนไก่ นี้กันมาบ้างแล้ว ตอนนี้เรามาคุยเรื่องปัญหาของมันกันบ้างดีกว่า
ขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมเองก็เพิ่งจะหายจากเจ้าหูดหงอนไก่นี้มาไม่นาน และเข้าใจหัวอกคนเป็นโรคนี้อยู่ว่าวิตกเพียงใด เลยต้องหาเวลาว่างมาหัดทำ Blog เผื่อจะได้มีประโยชน์กับเพื่อนๆที่เผชิญชะตากรรมเดียวกัน แล้วก็จะบอกวิธีการรักษาและดูแลตัวเองจากประสบการณ์ตรง จนเริ่มดีขึ้นและหาย ตอนเป็นทีแรกยังไม่ได้สนใจอะไรจนมันใหญ่ขึ้น (ผมเป็นตรงปากท่อปัสสาวะ) ทีนี้ก็เริ่มจิตตก คิดมากเพราะมันลามกันลึกเข้าไปข้างใน ชนิดที่ว่าปลิ้นดูลงไปด้านในรูปัสสาวะกันเลย ก็ยังไม่เห็นว่ามันลึกลงไปขนาดไหน เพราะมันอยู่ด้านในท่อเลย มันจะลามไปถึงตรงไหนยังไง แล้วจะมีอาการร้ายแรงอะไรตามมา เรื่องก็เริ่มจากตรงนี้ ยังไม่รู้จะปรึกษาใคร ถาม Google ก่อนเลย แต่ก็ยังไม่รู้จักชื่อโรค ยังไม่มี keyword ในหัวเลย ได้แต่พิมกามโรค อะไรบ้างก็ว่ากันไป จนมาเจอรูปแล้วมันตรงกับที่เราเป็น ก็เลยรู้มาว่าเจ้าตัวนี้ชื่อว่าหูดหงอนไก่ ตั้งแต่นั้นทุกอย่างก็เริ่มง่าย ใช่สิก็เรารู้จักชื่อมันแล้วนิ แต่ก็ไม่นิ่งนอนใจเพราะเจ้าหูดนี่เล่นลามกันชนิดวันต่อวัน มองที่ไรก็คิดมากทุกที แล้วยิ่งกว่านั้นที่สำคัญเลยก็คือการตรวจเลือด เพราะเจ้าหูดนี้จะมีก็ต่อเมื่อเรามีเชื่อ HPV (ไม่ใช่ HIV นะครับ อย่าเพิ่งตกใจไป ชื่ออาจจะคล้ายๆ แต่ความร้ายแรงห่างกันมากมายนัก ) แต่สิ่งนึงที่อยากจะบอกเพื่อนๆในนี้คือ อยากให้ตรวจเลือดกันก่อน ไปคลีนิคหรือ รพ. ให้ไวหน่อย เพราะว่าเราอาจจะเป็นโรคอื่นที่ตามมาด้วยรึเปล่า อันนี้สำคัญ เพราะโรคนี้เป็นบ่อเกิดของมะเร็งในลำใส้ได้ (ในกรณีที่ขึ้นในรูทวาร ) หากเราไม่รักษาอย่างทันท่วงที โรคนี้เกิดได้ทั้ง ญ และ ชาย แถมยังขึ้นได้ที่ จุดอับซอกขา ใต้สะดือลงมา แต่โดยทั่วไปจะขึ้นกัน ตามอวัยวะเพศ เพราะเป็นที่อับและมีเชื่อโรคมากมายจากมากมีเพศสัมพันธ์ แต่ผู้ชายจะรักษาได้ง่ายกว่าผู้หญิง และเชื่อได้เลยว่าผู้ที่เป็นโรคนี้กว่า 80% ไม่กล้าที่จะไปพบแพทย์ ซึ่งก็เป็นธรรมดา โดยเฉพาะผู้หญิง แต่หากผู้ใดที่เป็นมากและลามอย่างรวดเร็วผมแนะนำให้รีบไปหา แพทย์เร็วที่สุดอย่าให้มันลามลงไปในที่อับที่ทำการรักษาลำบาก เพราะจะทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากและมีค่าใช้จ่ายที่แพง อาจถึงขั้นผ่าตัด ซึ่งไม่ควรรีรอ แต่ว่าโรคนี้ก็ไม่ได้มีแต่ความเลวร้ายซะทีเดียว บางคนซึ่งส่วนน้อย ก็อาจจะหายเอง เพราะร่างกายเราจะมีภูมิต้านทานต่อต้านโรคนี้ขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ แต่ต้องได้รับวิตามินที่เพียงพอ ไม่เป็นโรคหวัด หรือโรคอื่นๆอยู่ วิตามินที่สำคัญก็คือวิตามิน C และการออกกำลังกาย จะช่วยให้เจ้าหูดนี้ไม่ลุกลาม ซึ่งจะอธิบายการดูแลร่างกายในส่วนต่อไป
วิธีการรักษาในปัจจุบัน
ปัจจุบันมีวิธีการรักษาหูดหลายวิธี ดังต่อไปนี้
1. ยาทา วิธีการใช้ยาคือ ทาเฉพาะบริเวณที่เป็นโรค หลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นผิวหนังปกติ ควรล้างให้สะอาด
หลัง ทายา 4 ชั่วโมง หูดจะแห้งหลุดไปในเวลาไม่กี่วัน ปัจจุบันมียาตัวใหม่ออกมาชื่อ Aldara cream ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดและได้ผลในระยะยาว แต่จะใช้ได้ผลดีก็ต่อเมื่อยังเป็นไม่มาก หรือยังไม่ลุกลามจนเยอะนั่นเอง (ซึ่งเจ้าของ Blog เองก็หายจากตัวยานี้)
2. กรดในความเข้มข้นใช้กัดหูดได้ ให้แต้มยาที่ตัวหูดด้วยความระมัดระวัง สัปดาห์ละครั้ง ถ้าทำซ้ำ 4 ครั้ง
ยังไม่หายถือว่าการรักษาไม่ได้ผล
3. ครีมที่มีฤทธิ์ขัดขวางการสังเคราะห์ DNA ใช้ทาวันละ 1 – 2 ครั้ง แต่ยานี้ทำให้ผิวถลอกเป็นวงกว้าง
และเกิดอาการเจ็บปวดได้มาก จึงเป็นยาที่ใช้ได้ลำบาก
4. วิธีอื่นๆที่ใช้รักษาหูดได้แก่การจี้ความเย็นการจี้ไฟฟ้าการผ่าตัดการรักษาควารอยู่ในความดูแลและข้อแนะ
นำของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ส่วน ใครเป็นอยู่และต้องการฝากผมซื้อยาส่งให้ สั่งได้เลยนะครับ เมลล์มาได้ที่ [email protected] หรือ 083-9938342 กมลรัตน์ครับ ผมจะส่ง EMS ไปให้ไม่เกิน 1-2 วันถึงครับ
Link https://www.bloggang.com
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
การรักษาโรคหูดหงอนไก่
โรคหูดเกิดจากเชื้อไวรัสส่วนใหญ่จะหายเอง การรักษาทำได้โยการใช้ครีมทา ใช้กรดทา การผ่าตัด การใช้ความเย็น |
การรักษา
การรักษาด้วยตัวเอง
พึงระลึกเสมอว่าหูดเกิดจากเชื้อไวรัสหายเองได้ 65 % ในเด็กร้อละ 50 หายภายใน 6 เดือน ร้อยละ 90 หายใน 2 ปี ดังนั้นการใช้ยาทาไม่ควรใช้แรงเกินไป การรักษามีหลายวิธีควรเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง
การใช้ plaster
- ใช้ plaster กันน้ำปิดบริเวณที่เป็นหูดหลายชั้น ใช้ได้ผลดีกับหูดที่เล็บ ปิดไว้ประมาณ 6 วัน
- แกะ plaster ออก 12 ชั่วโมงและติด plaster ซ้ำ
- plaster จะลดอากาศและความชื้นทำให้เชื้อไม่เจริญเติบโต
การใช้กรด salicylic
- กรด salicylic ที่ขายตามร้านขายยามีด้วยกันสองรูปแบบ คือแบบน้ำยา หรือแบบ plaster อาบน้ำยา
- บริเวณที่เป็นหูดให้แช่น้ำอุ่นประมาณ 5-10 นาที
- หลังจากนั้นใช้ตะไบเนื้อที่แข็งออก
- ทายาหรือปิด plaster
การรักษาที่โรงพยาบาล
- การขูดออกโดยสันมีดหรือใช้ไฟจี้ Eletrodessication and curettage ใช้ไฟแรงไปอาจเกิดแผลเป็น และปวด
- การใช้ laser
- Cryosurgery เป็นการจี้ด้วย nitrogen เหลว และน้ำแข็งแห้งวิธีนี้สะดวก และไม่ไคร่เกิดแผลเป็น
- การใช้ยาทาเฉพาะที่ เช่น 40% salicylic acid,10% Lactic acid,30-50% Trichloroacetic acid ยามีขายที่ร้านขายยามีสองชนิดคือ ชนิดที่เป็นแผ่นเคลือบยา และชนิดที่เป็นน้ำยาเข้มข้น วิธีการใช้ ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นหูด แล้วติดplaster หรือทายา หลังจากนั้นจะใช้หินขัดเท้า หรือตะไบขูดเอาเนื้อตายออกทีละน้อยซึ่งอาจจะใช้เวลาเป็นปีในการเอาเนื้อ งอกออกจนหมด
- หูดที่เป็นติ่งใช้กรรไกรเฉือนหลังใช้ยาชาเฉพาะที่พ่น
- หูดหงอนไก่ใช้ 25% podophyllin
- หูดที่ผ่าเท้า ห้ามใช้ไฟจี้ หรือตัดออก เพราะจะทำให้เจ็บเวลาเดิน วิธีการรักษา
- เฉือนให้บางลง หรือ
- ปิดด้วย 40%salicylic acid plaster หรือ
- ทาด้วย nitrogen เหลว หรือ
- ใช้มีดทู่ๆค่อยๆแซะหูด
การป้องกัน
- สำหรับหูดที่อวัยวะเพศจะฉีดวัคซีนป้องกันได้ อ่านที่นี่
เมื่อไรที่จะต้องให้แพทย์ตรวจ
- อาการไม่ดีขึ้นภายใน 12 สัปดาห์หลังจากใช้ยา salicylic acid
- หูดมีการเปลี่ยนแปลงสี หรือขนาด
- หูดนั้นเลือดออกง่าย
- เป็นหูดที่อวัยวะเพศควรจะต้องปรึกษาแพทย์
โรคหูด ชนิดของหูด การรักษาโรคหูด
โรคที่เกี่ยวข้อง
Link https://www.siamhealth.net
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภาพโรคหูดหงอนไก่ในผู้หญิง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ |
ลักษณะนูนเหมือนหัวกะหล่ำ ตุ่มนูนเล็กผิวด้านบนแห้งหนา ตุ่มนูนแต่แบนด้านบน เป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ลักษณะชุ่มชื้น |
| |||||
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
|