การออกกำลังกายหลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี บำบัดโรคนิ่วในถุงน้ำดีด้วยวิธีธรรมชาติ อาการข้างเีคียงการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
การออกกำลังกายหลังผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
นิ่วในถุงน้ำดี | ||
|
นิ่วในทางเดินน้ำดี
ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความอ้วน, เบาหวาน, โรคโลหิตจางบางชนิด, อาหารไขมัน, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่ามีอุบัติการณ์ของโรคนี้ สูงขึ้น ข้อดีของการผ่าตัดถุงน้ำดีออกโดยใช้กล้อง ข้อเสีย คำแนะนำทั่วไปสำหรับผู้ป่วยผ่าตัด
Link https://www.phraehospital.go.th +++++++++++++++=+++++ บำบัดโรคนิ่วในถุงน้ำดีด้วยวิธีธรรมชาติ บรรยากาศคอร์สล้างพิษตับ-นิ่วในถุงน้ำดีโครงการส่งเสริมและช่วยฟื้นฟูให้ร่างกายกลับคืนสภาพเดิม โค รการนี้ไม่ใช่การรักษาแต่เป็นการดูแลสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติแบบองค์รวมซึ่ง มีความเชื่อมั่นว่า “ร่างกาย” มีกลไกลในการดูแลปรับสภาพต่างๆให้อยู่ในภาวะสมดุลย์ได้ด้วยตัวเองการที่เกิด การเจ็บป่วย เนื่องมาจากการเสียสมดุลย์ของร่างกาย ดังนั้นวิธีการคือ ต้องดูแลช่วยเหลือให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ทำหน้าที่ “เยียวยา” รักษาความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น ตารางคอร์ส ล้างพิษวิธีธรรมชาติบำบัด วันที่ 1 15.00 น.เป็นต้นไป หยุดรับประทานของขบเคี้ยว ดื่มน้ำผลไม้ หรือน้ำเปล่าได้ ลงทะเบียน ตรวจ/กรอกขอมูลสุขภาพ / วัดความดัน/ ชั่งน้ำหนัก / รับอุปกรณ์ แนะนำตัววิทยากร / แนะนำเกี่ยวกับการเข้าคอร์ส 16.30-17.00น. สวนลำไส้ระบายพิษ 18.00 น. ดื่มน้ำสมุนไพรขับพิษ 1 แก้ว 20.00 น. พักผ่อน วันที่ 2 04.30-05-30น. ตื่นนอน , เช็คค่าน้ำลาย , อมน้ำมันมะพร้าวกลั้วในปาก 05.30-06.00น. ออกกำลังกาย 06.00-06.30น. ดื่มน้ำชาข้าวกล้องงอก / น้ำสมุนไพร 5 แก้ว ดื่มไปเรื่อยๆ 06.30-09.00น. แช่เท้า 30 นาที , พอกหน้าด้วยสมุนไพร ทำดีท็อกซ์สวนล้างลำไส้ 09.00.09.15น. ดื่มน้ำสมุนไพรขับพิษ 1 แก้ว 10.30-11.00น. ดื่มน้ำมะละกอดิบผสมน้ำสับประรด 1 แก้วเพื่อล้างลำไส้ช่วยให้ขับนิ่วในไต และนิ่วถุงน้ำดี 11.00-12.00น. กิจกรรม 12.00-12.15น. ดื่มน้ำสมุนไพรขับพิษ 1 แก้ว 13.00-13.15น. ดื่มน้ำแอปเปิ้ล ช่วยล้างลำไส้และขจัดสารพิษออกจากร่างกาย / น้ำผลไม้หมัก 15.00 น. ดื่มน้ำสมุนไพรขับพิษ 1 แก้ว 16.40-18.00น. ทำดีท็อกซ์จนลำไส้สะอาด ( อาจมากกว่า 1 ครั้ง ) 18.00-18.15น. รับประทานดีเกลือครั้งที่ 1 20.00-20-15น. รับประทานดีเกลือครั้งที่ 2 20.15-22-00น. กิจกรรม 22.00-22.15น. ดื่มน้ำมันมะกอก 150 cc ผสมน้ำมะนาว 150 cc 22.15-22.30น. หลังดื่มน้ำมันมะกอกแล้วควรนอนตะแคงขวา หรือนอนหงายยกศรีษะสูง หลัง 02.00 น. หากมีการขับถ่ายให้เริ่มเก็บสิ่งขับถ่ายไว้ในถังที่เตรียมไว้ เพื่อให้ทีมวิทยากร / ผู้ดูแลได้วินิจฉัยต่อไป วันที่ 3 05.30-06.00น. อมน้ำมันมะพร้าว ออกกำลังกาย 06.00-06.30น. ดื่มน้ำชาข้าวกล้องงอก / น้ำสมุนไพร 5 แก้ว ดื่มไปเรื่อยๆ 06.30-09.00น. แช่เท้า 30 นาที , พอกหน้าด้วยสมุนไพร 08.00 น. รับประทานดีเกลือครั้งที่ 3 10.30-11.00น. ทำดีท็อกซ์ สวนล้างลำไส้ และเก็บสิ่งขับถ่ายไว้เพื่อการวินิจฉัยดูแล 12.00น. รับประทานอาหารอ่อนๆ ทานครั้งละน้อยๆแต่บ่อยๆ 13.00น. สรุปการเข้าร่วมโครงการแนะแนวทางการปฎิบัติตัวเพื่อปรับสมดุลการ ใช้ชีวิต ให้มีสุขภาพที่ดี ปิดโครงการ ****ระหว่างวันควรคื่มน้ำข้าวกล้องงอก น้ำสมุนไพร น้ำอัลคาไรน์บ่อยๆ เมื่อรู้สึกหิว อ่อนเพลีย หรือผิดปกติใดๆควรแจ้งทีมวิทยากร / ผู้ดูแล**** จากแนวคิดเรื่อง นาฬิกาชีวิต เผยแพร่โดยอาจารย์สุทธิวัฒน์ คำภา ได้ กล่าวไว้ว่าถุงน้ำดีจะเปิดตอนห้าทุ่ม-ตีหนึ่ง การดื่มน้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาวจะถูกดูดซึมเข้าสู่ตับและถุงน้ำดีโดยตรงส่งผล ให้เก็บกวาดและทำความสะอาดตับและถุงน้ำดีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ครั้งที่ 1
แช่เท้า
ผลงานบางส่วนจากผู้เขาคอร์ส การล้างพิษตับและถุงน้ำดีเป็นการรักษาจากต้นตอของการเกิดความผิดปกติในร่าง กาย การฟื้นตัวของร่างกายขึ้นอยู่ที่คุณภาพของตับในขณะที่ทำการล้างพิษตับ ถ้าตับมีคุณภาพดีร่างกายก็จะฟื้นตัวเร็ว ถ้าตับย่ำแย่ก็ฟื้นตัวช้า นิ่วเกิดที่ตับ ไม่ใช่เกิดที่ถุงน้ำดีฉะนั้นการตัดถุงน้ำดีทิ้งแทบไม่เกิดประโยชน์อะไรแถม เจ็บตัวเปล่าๆ เราสามารถทำการล้างพิษตับได้เดือนละครั้ง บางท่านนิ่วจะออกมาหลังล้างพิษตับได้ 1-3 วัน ในวันที่ล้างพิษตับ (วันที่ดื่มน้ำมันมะกอกผสมน้ำมะนาว) จากการถ่ายจะมีนิ่ว ออกมาครั้งละ 50 เม็ด ถึง 400 เม็ด ขนาดของนิ่วที่ออกมาจะมีขนาดตั้งแต่เท่า เมล็ดงา เมล็ดข้าวสาร เมล็ดข้าวโพด หัวแม่มือ จนกระทั่งเท่าลูกมะกรูดขนาดเขื่องๆ สีของนิ่วที่ออกมาจะมีหลายสี ส่วนใหญ่จะมีสี เขียว และสีเทา นิ่วที่มีสีเขียวจะเป็นพวกคอลเลสเตอรอล ( cholesterol ) เวลาถ่ายออกมาจะลอย นิ่วสีเทาจะเป็นพวกแคลเซี่ยม (calcium ) เวลาถ่ายออกมาจะจม ในตับสามารถเกิดนิ่วได้มากกว่า 20,000 เม็ด นิ่วจะออกมากที่สุดในช่วงการล้างพิษตับ ครั้งที่ 6-7 แล้ว เมื่อนิ่วออกหมดแล้วให้ล้างพิษตับปีละ 2 ครั้งสุขภาพก็จะดีตลอดไป ตับที่มีสุขภาพแข็งแรงจะต้องกลั่นกรองเลือดประมาณ 1,500 ml ต่อนาที และหลั่งน้ำดี 1-1.5 L ต่อวัน ซึ่งนั่นจะสามารถทำให้ตับและอวัยวะส่วนอื่นๆในร่างกายสามารถทำงานได้อย่าง ปกติ นิ่วในถุงน้ำดีจะไปอุดตันท่อ ทำให้ตับไม่สามารถขับสารพิษในเลือดได้อย่างเต็มที่และยังทำให้ตับไม่สามารถ ส่งสารอาหารและพลังงานที่จำเป็นไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายไดอย่างทันการ ปัญหาโรคกระดูกพรุนนั้นมีต้นเหตุมาจากน้ำดีที่หลั่งไม่พอและปัญหาระบบการดูด ซึมไขมัน ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการดูดซึมแคลเซี่ยมได้ไม่พอเพียง นอกจากสลายไขมันในอาหารแล้ว น้ำดียังช่วยขับพิษในตับ ช่วยลดกรดในลำไส้ และทำความสะอาดลำไส้อีกด้วย เมื่อการหลั่งน้ำดีในตับขาดความสมดุล ผลึกคอลเลสเตอรอล ( ผลึกไขมัน ) ก็จะไปผนึกกับน้ำดี กลายเป็นก้อนนิ่ว และไปอุดตันในท่อน้ำดีเล็กๆทำให้น้ำดียิ่งไหลได้ช้าลง เป็นเหตุให้น้ำดีผนึกตัวกับผลึกไขมันเหล่านี้ได้มากขึ้นไปอีก ท่อตับนั้นจะถูกนิ่วในตับ ( นิ่วที่ก่อขึ้นภายในตับ ) นับไม่ถ้วนอุดตัน ทำให้ประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหารลดลงเนื่องจากว่าตับจะหลั่งน้ำดีออกมา เรื่อยๆ ดังนั้นจึงมีผลึกตัวของน้ำดีมากขึ้นเรื่อยๆน้ำดีบางส่วนจะไหลเข้าสู่เส้น เลือด เมื่อใดที่น้ำดีเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว จะทำให้มีตัวเหลือง(ดีซา่น) แต่ละคนล้วนมีนิ่วในตับอยู่จำนวนหนึ่ง บางคนมีนิ่วอยู่ในถุงน้ำดีด้วยเช่นกัน เมื่อใช้วิธีการบำบัดชะล้างตับและดูแลสุขภาพที่ถูกเราก็จะมีสุขภาพร่างกาย ที่แข็งแรงขึ้น หากอยากรู้ว่าคุณมีนิ่วอยู่ในตับหรือไม่มีวิธีคือ การล้างพิษตับ แล้วคุณจะพบว่าเมื่อคุณได้ขับนิ่วที่ก่อตัวเป็นผลึกออกไปแล้ว อาการโรคต่างๆภายในร่างกายก็จะค่อยๆหายไปและทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ โครการล้างพิษตับ -นิ่วในถุงน้ำดี คือการดูแลฟื้นฟูร่างกายแบบธรรมชาติเหมาะสำหรับทุกคน ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ ผู้ที่ทานอาหารไม่ถูกหลักอนามัย เช่นอาหารทอด ปิ้ง ย่าง ผู้ที่มีความเครียดสูง พักผ่อนไม่เพียงพอ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีสารพิษสะสม อันเป็นสาเหตุให้ตับทำงานหนัก และเกิดโรคต่างๆตามมาเช่น ไขมันเกาะตับ ( fatty liver ) ตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งในตับ โรคนิ่ว โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง เป็นต้น วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้ผลและปลอดภัย และทำความสะอาดลำไส้ด้วย +++++++++++++++++++++++++++++++ |
อาการข้างเีคียงการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี
นิ่วในถุงน้ำดีเกิดได้อย่างไร
ตับ liver เป็นอวัยวะสร้างน้ำดี ซึ่งจะส่งไปเก็บที่ถุงน้ำดี เมื่อต้องการไปย่อยไขมัน ถุงน้ำดีก็บีบตัวส่งน้ำดีไปตามท่อน้ำดี common bile duct เข้สู่ลำไส้ doudenum และย่อยอาหาร น้ำดีประกอบด้วย น้ำ ,cholesterol ,ไขมัน, bile salt เมื่อน้ำในน้ำดีลดลงก็ทำให้เกิดนิ่ว พบบ่อยๆมี 2 ชนิดคือ นิ่วที่เกิดจาก cholesterol และนิ่วที่เกิดจากเกลือต่างๆ
นิ่วในถุงน้ำดีอาจจะหลุดและอุดทางเดินน้ำดีทำให้เกิดตัวเหลืองตาเหลือง ถุงน้ำดีอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่ว
- คนอ้วนจะเกิดนิ่วที่มี cholesterol เนื่องจากการบีบตัวของถุงน้ำดีลดลง
- การได้ฮอร์โมน estrogen จากการรับประทานหรือตั้งครรภ์ทำให้ระดับ cholesterol ในน้ำดีสูง
- เชื้อชาติ
- เพศ หญิงพบมากกว่าชาย
- อายุที่พบบ่อยอายุ 60 ขึ้นไป
- ได้ยาลดไขมันบางชนิด ทำให้ cholesterol ในน้ำดีสูง
- ผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากมีระดับ triglyceride สูง
- การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายละลายไขมันมากไป
อาการของโรคนิ่วในถุงน้ำดี
ผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่มีอาการอะไร บางรายมีอาการปวดเฉียบพลัน
- ปวดท้องบนขวาปวดตลอดอาจจะปวดนานเป็นชั่วโมง
- ปวดมักจะปวดอยู่บริเวณสะบัก
- อาจจะปวดร้าวไปไหล่ขวา
- มีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย
ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการเรื้อรังโดยมากมักจะสัมพันธ์กับอาหารมัน อาการอื่นที่พบมี
- ท้องอืด
- รับประทานอาหารมันแล้วทำให้ท้องอืด
- ปวดมวนท้อง
- เรอเปรียว
- มีลมในท้อง
- อาหารไม่ย่อย
ถ้าท่านมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์
- ไข้สูง และมีเหงื่อออก
- ไข้เรื้อรัง
- ตัวเหลืองตาเหลือง หรือที่เรียกดีซ่าน
- อุจาระเป็นสีขาว
การวินิจฉัย
หลังจากซักประวัติและตรวจร่างกายหากสงสัยว่าเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี แพทย์จะส่งตรวจ ultrasound โดยใช้คลื่นเสี่ยงความถี่สูงตรวจหานิ่ว บางรายแพทย์จะตรวจพิเศษ เช่น Endoscopic retrograde cholangiopancreatography (ERCP) เป็นการตรวจโดยการส่องกล้องเข้าในท่อน้ำดีเพื่อหาตำแหน่งของนิ่วในท่อน้ำดี
การรักษา
นิ่วในถุงน้ำดีที่ไม่มีอาการไม่จำเป็นต้องผ่าตัด นิ่วที่มีอาการต้องผ่าตัดเอานิ่วออกวิธีทีนิยมคือ laparoscopic cholecystectomy โดยการเจาะที่หน้าท้องเป็นรูหลายรูแล้วใส่เครื่องมือเพื่อตัดเอาถุงน้ำดีออกมา วิธีนี้สะดวก เจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเก่า และอยู่ในโรงพยาบาลไม่นาน ผู้ป่วยบางรายหลังส่องดูแล้วผ่าตัดแบบ laparoscopic cholecystectomy ไม่ได้ต้องเปลี่ยนโดยการผ่าตัดแบบเก่า
นิ่วที่อยู่ในท่อน้ำดีอาจจะเอาออกโดยการทำ Endoscopic retrograde cholangiopancreatography (ERCP) และเอานิ่วออก
การรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดผลที่ได้ยังไม่ดี คือ
- Oral dissolution therapy เป็น bile acid ใช้ละลายนิ่วที่เป็น cholesterol ที่ก้อนไม่ใหญ่ ต้องใช้เวลานานในการละลาย ผลข้างเคียงอาจทำให้เกิดท้องร่วง และตับมีการอักเสบเล็กน้อย
- Extracorporeal shockwave lithotripsy (ESWL).โดยการใช้คลื่นแสงกระแทกให้นิ่วแตก หลังการทำผู้ป่วยอาจจะปวดท้อง และอัตราผลสำเร็จต่ำ
ถุงน้ำดีถูกตัดออกไปแล้วมีผลอย่างไรต่อร่างกาย
เนื่องจากถุงน้ำดีเป็นที่เก็บน้ำดีไว้ เมื่อต้องการใช้ถุงน้ำดีก็จะบีบตัวไล่น้ำดีออกมา คนที่ถูกตัดถุงน้ำดีจะมีน้ำดีไหลออกมาตลอดทำให้ผู้ป่วยบางรายมีอาการท้องร่วง บางรายงานแนะนำต้องตรวจระดับ cholesterol
Link https://www.siamhealth.net
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++