15 โรคหน้าฝน รับมือโรคหน้าฝน โรคหน้าฝน 2555


1,370 ผู้ชม


15 โรคหน้าฝน รับมือโรคหน้าฝน โรคหน้าฝน 2555

              15 โรคหน้าฝน

เตือนประชาชนระวัง 15 โรคหน้าฝน หวั่นเชื้อแพร่ระบาดได้ง่าย

 เตือนประชาชนระวัง 15 โรคหน้าฝนหวั่นเชื้อแพร่ระบาดได้ง่าย 'วิทยา' สั่ง สสจ.จับตาใกล้ชิด

เตือนประชาชนระวัง15โรคหน้าฝนหวั่นเชื้อแพร่ระบาดได้ง่าย 'วิทยา'สั่งสสจ.จับตาใกล้ชิด


นายวิทยา บุรณศิริ รมว.กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน สภาพอากาศที่ชื้นเย็น ทำให้เชื้อโรค หลายชนิดแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ที่สำคัญเช่น ไข้เลือดออก โรคฉี่หนู ไข้หวัดใหญ่ ไข้มาลาเรีย โรคไข้สมองอักเสบ โรคปอดอักเสบ โรคไข้หวัดนก เป็นต้น ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) โรงพยาบาลทุกแห่ง จับตาเป็นพิเศษตั้งแต่เนิ่นๆ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2555 ขอให้แพทย์ตรวจคัดกรองผู้ป่วยโดยละเอียด โดยโรคที่ต้องติดตามต่อเนื่องคือโรคไข้หวัดนก ที่แพร่ระบาดมาจากสัตว์ปีก ซึ่งในไทยไม่พบผู้ป่วยมาเป็นเวลาเกือบ 6 ปี แต่ประมาทไม่ได้ เพราะหากมีโรคนี้เกิดขึ้นในฤดูฝน เชื้ออาจมีการผสมข้ามสายพันธุ์กับเชื้อไข้หวัดใหญ่ในคนที่อยู่ในช่วงระบาดใน ฤดูฝน โดยได้ให้กรมควบคุมโรคออกประกาศคำเตือนประชาชน เพื่อป้องกันโรคติดต่อที่พบบ่อยในฤดูฝน จัดส่งให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศเพื่อเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชน ในการดูแลสุขภาพตนเองและคนในครอบครัว ไม่ให้เจ็บป่วย


นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคที่มักมาพร้อมกับฤดูฝนที่พบบ่อยมี 5 กลุ่ม รวม 15 โรค ได้แก่ 1.กลุ่มโรคติดต่อทางน้ำและอาหาร ที่พบบ่อย มี 5 โรค ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน บิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ และตับอักเสบ สาเหตุเกิดจากกินอาหาร ดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน หรือกินสุกๆ ดิบๆ 2.กลุ่มโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ที่พบบ่อย 5 โรค ได้แก่ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ และโรคปอดบวม โดยเฉพาะโรคปอดบวม มีอันตรายอาจถึงชีวิตได้ อาการเริ่มจากไข้ ไอ หายใจเร็วหรือ หอบเหนื่อย 3.กลุ่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อบุผิวหนัง ที่พบบ่อยคือโรคเลปโตสไปโรซิสหรือโรคไข้ฉี่หนู อาการเด่นของโรคนี้คือ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะมักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่องและโคนขาอย่างรุนแรง และตาแดง


4.กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุง ที่สำคัญ 3 โรค ได้แก่ ไข้เลือดออก มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งกว่าร้อยละ 80 เป็นยุงลายที่อยู่ในบ้าน ไข้สมองอักเสบ เจ อี (Japanese Encephalitis) ตัวนำโรคมาจากยุงรำคาญ ซึ่งมักแพร่พันธุ์ตามแหล่งน้ำในทุ่งนา และโรคมาลาเรีย ซึ่งมียุงก้นปล่องที่อยู่ในป่าเป็นพาหะนำโรค ทั้ง 3 โรคนี้ อาการเริ่มจากมีไข้สูงปวดศีรษะมาก คลื่นไส้อาเจียน โดยเฉพาะโรคไข้สมองอักเสบ อาจทำให้พิการภายหลังได้ และ 5.กลุ่มโรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง เกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำสกปรก กระเด็นเข้าตา


ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ในช่วงฤดูฝนในปี 2554 ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายน พบผู้ป่วยจาก 15 โรค ฤดูฝน 658,429 คน มากที่สุด คือ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน 397,703 คน รองลงมาคือโรคปอดบวม 63,945 คน และไข้หวัดใหญ่ 32,950 คน เสียชีวิตรวม 551 คน อันดับ 1 จากปอดบวม 401 คน โรคฉี่หนู 74 คน ไข้เลือดออก 40 คน และอุจจาระร่วงเฉียบพลัน 21 คน


ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

               Link     https://www.thaihealth.or.th/

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                   รับมือโรคหน้าฝน

ตรียมตัวให้พร้อม รับมือ กับ(โรค)หน้าฝน

ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง

 

          ใน ช่วงรอบเดือนที่ผ่านมาสภาพอากาศของบ้านเรา ต้องเจอกับสายฝนที่โปรยปรายหนักเกือบทั่วทุกที่ของประเทศ ทำให้ผู้คนที่ใช้ชีวิตประจำวันต้องปรับตัวในการทำกิจวัตรประจำวันให้สอด คล้องเข้ากับสภาพดินฟ้าอากาศแบบนี้

          การ ดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝนของแต่ละคนจึงมีความสำคัญ เนื่องจากฤดูมรสุมแบบนี้ไม่ได้มีแค่สายฝนที่เทกระหน่ำลงมาเพียงอย่างเดียว แต่บรรดาสารพัดโรคชนิดต่างๆ ก็อาศัยในช่วงฤดูนี้ออกมาระบาดสู่คนในสังคมเช่นกัน ซึ่งสอดคล้องกับกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ประกาศเตือนให้ เดือน มิ.ย.-ส.ค.นี้ เป็นช่วง 90 วันอันตรายและให้สาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาลทุกแห่งเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยให้แพทย์ตรวจคัดกรองผู้ป่วยอย่างละเอียด โดยโรคที่ต้องระวังเป็นพิเศษ   แบ่งได้เป็น 5 กลุ่มรวม 15 โรคได้แก่

            1. กลุ่มโรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร ที่พบบ่อย ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน บิด ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ ตับอักเสบ สาเหตุเกิดจากกินอาหารดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคหรือกินอาหารสุกๆ ดิบๆ          

2.กลุ่มโรคติดเชื้อผ่านทางบาดแผลหรือเยื่อบุผิวหนัง โดยโรคที่พบบ่อยคือ โรคเลปโตสไปโรซิส หรือ ไข้ฉี่หนู อาการเด่น คือ ไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ มักปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่องและโคนขาอย่างรุนแรงและตาแดง         

3. กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ ที่พบบ่อยได้แก่ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบหรือปอดบวม อาการเริ่มจากไข้ ไอ หายใจเร็ว หรือหอบเหนื่อย         

4. กลุ่มโรคติดต่อที่เกิดจากยุง ที่สำคัญ 3 โรค คือ ไข้เลือดออก มียุงลายเป็นพาหนะนำโรค ซึ่งกว่าร้อยละ 80 เป็นยุงลายที่อยู่ในบ้าน ไข้สมองอักเสบเจอี มียุงรำคาญ มักแพร่พันธุ์ในแหล่งน้ำตามทุ่งนาเป็นตัวนำโรคและโรคไข้มาลาเรีย มียุงก้นป่องที่อยู่ในป่า เป็นพาหนะนำโรค ทั้ง 3 โรคนี้ อาการเริ่มจากมีไข้สูง ปวดศรีษะมาก คลื่นไส้อาเจียน โดยเฉพาะโรคไข้สมองอักเสบ อาจทำให้พิการภายหลังได้ และ          

5.โรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา    

ขณะเดียวกัน ในช่วงหน้าฝนต้องระวังอีก 2 เรื่อง คือ ปัญหาน้ำกัดเท้าที่เกิดจากเชื้อรา สาเหตุเกิดจากการแช่น้ำสกปรกนานๆ และอันตรายจากสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง ที่หนีน้ำมาอาศัยในบริเวณบ้าน         

นอกจากจะดูแลในเรื่องสุขภาพ แล้ว หน้าฝนแบบนี้ ปัญหาหนึ่งที่น่าห่วงคือ เรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน เพราะเป็นที่เข้าใจในกลุ่มผู้ใช้รถอยู่แล้วว่า ถ้าฝนตกโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากถนนที่ ลื่นและทัศนวิสัยในการมองเห็นขณะขับรถก็ไม่ชัดเจน ดังนั้น การเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถก็มีส่วนช่วยให้การเดินทางปลอดภัยมากยิ่ง ขึ้น  และควรตรวจเช็คหรือเตรียมสภาพความพร้อมของรถที่จะใช้ทุกส่วนไม่ว่าจะเป็น สัญญาณไฟต่างๆ  ที่ ปัดน้ำฝน ควรตรวจว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ รวมถึงเรื่องของระบบเบรคที่ควรเช็คให้สามารถใช้งานได้ดีในสภาพถนนเปียกลื่น ในส่วนของยางรถ ก็ต้องดูว่าสภาพยางยังพร้อมใช้งาน โดยการสังเกตที่ดอกยางว่ายังละเอียดอยู่หรือไม่ นอกจากนั้นการเติมลมยางให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว เพื่อให้หน้ายางแข็ง  ซึ่งจะช่วยให้ยางมีกำลังในการรีดน้ำดียิ่งขึ้น         

ในเรื่องของการขับรถในขณะฝนตก อันดับแรกเลยคือการใช้ความเร็วที่ไม่เร็วมากคือไม่ควรเกิน60 กม./ชม. เพราะหากใช้ความเร็วมากโอกาสที่รถจะไถลออกถนนเป็นไปได้สูง เนื่องจากน้ำฝนที่ตกลงมาจะชะล้างคราบดินและฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนพื้นถนน ซึ่งมีลักษณะคล้ายการละเลงโคลน และถ้าหากใช้ความเร็วสูงก็อาจทำให้รถไถลจนเกิดอุบัติเหตุได้

นอก จากนั้นการขับรถก็ไม่ควรขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป เนื่องจากสภาพถนนที่เปียกลื่น ทำให้ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น ผู้ขับขี่ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าการขับขี่ในช่วงปกติ 10-15 เมตร เพื่อให้สามารถหยุดรถได้ทัน          

หน้า ฝนในปีนี้ถึงแม้ฝนจะตกหนักมากเพียงใด แต่หากเราดูแลสุขภาพอนามัยของเราให้แข็งแรงอยู่เสมอ เช่นการออกกำลังกายให้ร่างกายอบอุ่น พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่สะอาด  เพียงแค่นี้เราก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันในช่วงที่ฝนเทลงมาได้อย่างมีความสุข โดยที่โรคร้ายต่างๆ ไม่กล้าอย่างกรายเข้ามา

ที่มา: คมสัน ไชยองค์การ Team content www.thaihealth.or.th

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                   โรคหน้าฝน 2555

เมืองน่านคุมเข้มโรคหน้าฝน หลังพบโรคมือเท้าปากระบาดในเด็ก

เมื่อเวลา 09.00 น.นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน พร้อมเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและอนามัยเข้าตรวจสุขภาพเด็กนักเรียนใน โรงเรียนสามัคคีวิทยา (เทศบาลบ้านพระเนตร) ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ได้ออกให้คำแนะนำแก่ เจ้าหน้าที่ครูผู้ดูแลเด็กเล็ก พร้อมทั้งให้ครูอาจารย์ ผู้ดูแลเด็กสอนวิธีการล้างมืออย่างถูกวิธีให้กับเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้น อนุบาลถึงมัธยมศึกษา เพื่อป้องกันโรคที่มากับฤดูฝน โดยเฉพาะมือ เท้า ปาก หลังพบในพื้นที่จังหวัดน่าน เริ่มมีการระบาดของโรคมือเท้าปากในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 10 ปี จำนวน กว่า 10 ราย กระจายอยู่ใน 3 - 4 อำเภอ โดยให้แยกเด็กที่ป่วยไปพักรักษาตัวที่บ้านรออาการหายดีถึงจะให้กลับมาเรียน ได้ ซึ่งในขั้นแรกเด็กจะมีอาการตัวร้อนเป็นไข้ มือเท้า ปากเป็นตุ่มมีแผลเบื่ออาหาร อาเจียน นอกจากนั้น ยังพบโรคไข้เลือดออกในพื้นที่จังหวัดน่านมีผู้ป่วยอีก 31 ราย จากการตรวจสุขภาพเด็กนักเรียนไม่พบเป็นโรคมือเท้าปากและไข้เลือดออก

นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวว่า แม้จะยังไม่พบผู้ป่วยด้วยโรคมือเท้าปากและไข้เลือดออกในเด็กนักเรียน โรงเรียนดังกล่าว แต่ก็พบว่า เด็กมีอาการไข้หวัดหลายราย จึงแนะนำให้ทางเจ้าหน้าที่ครูผู้ดูแลเด็กเล็กได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้า หน้าที่สาธารณสุข โดยการฝึกให้เด็กรู้จักวิธีการล้างมือด้วยเยลฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธี และมีการทำความสะอาดเก็บรักษาของเล่นเด็กอย่างดีเพื่อป้องกันโรคที่เป็น อันตรายสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะโรคไข้เลือดออก และโรคมือเท้าปากที่กำลังมีการระบาดตามอำเภอต่างๆ ของจังหวัดน่าน โดยเน้นการป้องกันเป็นหลัก โดยเฉพาะด้านสุขอนามัยของร่ายกาย ผู้ปกครองควรหมั่นตัดเล็บเด็กให้สั้น ทำความสะอาดล้างมือเท้าอย่างถูกวิธี รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ สถานที่สะอาด รวมทั้งของเด็กเล่นต่างๆ ต้องหมั่นทำความสะอาดด้วย ขณะนี้ ในจังหวัดน่านยังไม่พบสายพันธุ์ที่มีอาการรุนแรง แต่ก็ได้เข้มงวดในการป้องกันอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ระบาดไปมากกว่านี้ต่อไป

           Link    https://www.naewna.com

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด