โรคปากนกกระจอก โรคปากนกกระจอก เกิดจาก วิธีรักษาโรคปากนกกระจอก


2,480 ผู้ชม


โรคปากนกกระจอก โรคปากนกกระจอก เกิดจาก วิธีรักษาโรคปากนกกระจอก

              โรคปากนกกระจอก

ปากนกกระจอก ป้องกันและรักษาได้

ปากนกกระจอก ป้องกันและรักษาได้

ปากนกกระจอก

ปากนกกระจอก ป้องกันและรักษาได้ (สสส.)
          แผลในช่องปากใครว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ? เพราะความจริงแล้วหากเราไม่ดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากแล้ว อาจเกิด "โรคปากนกกระจอก" ได้
          สำหรับบางคนแล้ว โรคปากนกกระจอก นั้นอาจเป็นโรคธรรมดาที่สามารถเกิดซ้ำได้อีก ถ้าหากเราไม่หมั่นทำความสะอาดช่องปาก...ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว โรคปากนกกระจอก จะมีลักษณะเป็นวงกลมขาว ๆ ขนาดเล็ก หรือเจ็บรอบ ๆ บริเวณที่เป็น ไม่มีการแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่น
          แต่ ในคนที่มีน้ำลายมากกว่าปกติ ริมฝีปากแห้งและชอบเลียปากจนติดเป็นนิสัยแล้วละก็ อย่าคิดว่าเป็นเพราะบุคลิกส่วนตัว!!! เพราะนั่นอาจแสดงว่าคุณเป็นโรค  "ปากนกกระจอก" แล้ว แต่ต้องสังเกตเพิ่มเติมว่าคุณมีอาการแพ้ หรือระคายเคืองจากลิปสติก ยาสีฟันหรือไม่ร่วมด้วย หรือในผู้ที่ขาดวิตามินรวมถึงผู้สูงอายุที่ไม่มีฟันหรือใส่ฟันปลอม ทำให้รูปปากผิดปกติ เกิดการกดทับที่มุมปากกลายเป็นจุดอับชื้น เมื่อเหงื่อหรือน้ำลายมาอบบริเวณนั้นมากขึ้น ก็จะเกิดเป็นแผลที่มุมปาก และสุดท้ายอาจจะมีการติดเชื้อบางชนิดอย่างเช่นเชื้อรา แบคทีเรีย รวมถึงเชื้อไวรัสอย่างเริมได้
          เพราะ ฉะนั้น วิธีการป้องกันที่จะไม่ให้เกิดโรคปากนกกระจอกขึ้นกับตัวเอง สามารถทำได้เพียงแค่อันดับแรก ต้องหมั่นทำความสะอาดปากและฟัน ด้วยการแปรงฟันและบ้วนปากให้สะอาดหลังทานอาหารอยู่เสมอ และควรเช็ดมุมปากให้แห้งอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งต้องพกผ้าเช็ดหน้าสะอาด ๆ ไว้คอยซับน้ำลาย เพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้นนั่นเอง
          วิธีต่อมา รักษาความสะอาดของเครื่องนอน เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ตลอดจนผ้าเช็ดหน้าที่ใช้เป็นประจำ ที่สำคัญต้องดื่มน้ำมาก ๆ ลดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และต้องเลิกนิสัยชอบเลียมุมปาก ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ เพราะจะช่วยลดโอกาสการเกิดแผลมุมปากได้
          ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ และเราสามารถทำได้เพื่อไม่ไห้เกิดโรคปากนกกระจอก คือ การหมั่นทาปากด้วยลิปปาล์ม หรือขี้ผึ้งที่มีส่วนผสมของวิตามินอี เพราะวิตามินอีจะช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นตัวดีขึ้นด้วย
          และสำหรับคนที่ขาดวิตามิน ควรทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 2 ซึ่งพบมากในข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ปลา ผักใบเขียว สำหรับธาตุเหล็กพบมากในธัญพืช และถั่วชนิดต่าง ๆ ส่วนผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอมก็ควรทำความสะอาดฟันปลอมอยู่เสมอ เพราะฟันปลอมนี่แหละ คือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
          หากทำได้เพียงแค่นี้ "โรคปากนกกระจอก" ก็ จะไม่มาทำให้เราได้กังวลใจอีกเป็นแน่ ที่สำคัญถ้าไม่อยากให้โรคอื่น ๆ นอกจากโรคปากนกกระจอกมากล้ำกลายด้วยแล้วละก็!!! ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างสมุนไพร ผัก และผลไม้ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เราห่างไกล "โรค" ทุก "โรค" ได้แน่นอน....
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                  โรคปากนกกระจอก เกิดจาก

โรคปากนกกระจอกเกิดจากอะไร
แผลมุมปาก เริม ขาดวิตามิน vitamin ulcer riboflavin 

สวัสดีครับคือน้องสาวของผมอายุ 4 ขวบครึ่ง เป็นโรคปากนกกระจอก
เป็นมาประมาณ 2 อาทิตย์ (เป็นบ่อย) ผมอยากทราบว่าเป็นเพราะอะไร ต้องป้องกันอย่างไร และถ้าเป็นแล้วต้องรักษาอย่างไรครับ ผมสงสารน้องครับ ขอบพระคุณมากครับ

สวัสดีครับ

โรคปากนกกระจอกเป็นแผลเปื่อยที่มุมปาก เกิดได้บ่อยๆ  ตามตำรามักระบุถึงสาเหตุว่าเป็นจากการขาดวิตามิน บี 2 riboflavin แต่ที่พบบ่อยกว่าในการตรวจดูเด็กๆที่เป็นมักเป็นจาก การติดเชื้อ เริม herpes simplexที่ริมฝีปาก เด็กมักจะมีแผลเปื่อย เป็นๆ หายๆ กลับไปกลับมาหลายครั้ง
การทานยาแบบวิตามิน ที่หวังว่ารักษาโรคปากนกกระจอกที่เกิดจากการขาด วิตามิน
โรคจึงยังไม่หายครับ

เชื้อเริมที่ว่าก็ไม่จะเป็นต้องใช้ยามาทา หรือยามาทานรักษา
เพียงแต่ขอให้รักษาความสะอาด ของปาก ริมฝีปาก ภายในช่องปาก โดยเฉพาะจากน้ำลาย
ต้องแปรงฟัน บ้วนปากให้สะอาด หลังอาหาร ให้ดีไว้เสมอเชื่อว่าแผลเปื่อยที่มุมปากในที่สุดก็จะหายได้เองครับ

โดย  นพ.จักรพันธ์   สุศิวะ  กุมารแพทย์

       Link   https://www.thaiclinic.com

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

                   วิธีรักษาโรคปากนกกระจอก

วิธีการรักษาโรคปากนกกระจอก

โรคปากนกกระจอกเป็นอาการแผลเปื่อยที่เกิดขึ้นบริเวณรอบ ๆ ปาก มีอาการเจ็บบริเวณเนื้อเยื่อรอบปาก ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด สถาบันนิวเมอร์แนะนำวิธีบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคปากนกกระจอกไว้ดังนี้

  • ใช้ไฮโดรเจนผสมกลีเซอรีนทำความสะอาดแผลและช่วยเคลือบผิวหนังบริเวณที่เจ็บปวดไว้
  • ทำน้ำยาฆ่าเชื้อเองได้ง่าย ๆ โดยใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ผสมกับน้ำ หรืออีกสูตรหนึ่งใช้น้ำผสมกับเบคกิ้งโซดาและเกลือ ใช้ทำความสะอาดแผล แต่ห้ามรับประทานส่วนผสมดังกล่าวเป็นอันขาด
  • ใช้ยาที่ผลิตมาสำหรับโรคนี้โดยเฉพาะ ส่วนมากจะมีส่วนผสมของกาบูร ยูคาลิปตัส และเบนโซเคน
  • ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น

             Link    https://healthy.in.th/

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อัพเดทล่าสุด