โรคเท้าบวม โรคเท้าบวมเกิดจาก สมุนไพรรักษาโรคเท้าบวมหายขาดได้
โรคเท้าบวม
โรคเท้าบวม | ||
โรค ประจำตัวของผู้ป่วย การตรวจร่างกายรวมทั้งอวัยวะที่เกี่ยวข้อง บางครั้งแพทย์อาจพิจารณาส่งตรวจพิเศษเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคเมื่อมีข้อ บ่งชี้บางประการ
สาเหตุ
- โรคไต อาการบวมรอบตา บวมหน้า บวมเท้า สังเกตได้เวลาตื่นนอนหรือช่วงบ่ายๆ หรือมีกิจกรรมในท่ายืนนานๆ สังเกตได้ว่าแหวนหรือรองเท้าที่เคยใส่จะคับขึ้น เมื่อใช้นิ้วกดที่มือ และเท้าจะมีรอยกดบุ๋ม
- โรคหัวใจ อาการขาบวมเกิดจากการที่ร่างกายมีเกลือโซเดียม และน้ำคั่งอยู่ในร่างกาย อาจ เกิดจากโรคหัวใจบางชนิด อาการบวมในผู้ป่วยโรคหัวใจเกิดจากการที่หัวใจด้านขวาทำงานลดลง เลือดจากขาไม่สามารถไหลเทเข้าหัวใจด้านขวาได้โดยสะดวก จึงมีเลือดค้างอยู่ที่ขามากขึ้น โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรังก็ให้อาการเช่นนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อมีอาการขาบวม แพทย์จำเป็นต้องตรวจหลายระบบเพื่อหาสาเหตุ แล้วจึงให้การรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
- โรคตับ อาการบวมที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคตับ มักเกิดขึ้นในระยะท้ายของโรค ร่วม กับอาการบวมน้ำที่ท้อง หรือที่เรียกว่าท้องมาน สาเหตุสำคัญเกิดจากภาวะโปรตีนต่ำในเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรตีนชนิดอัลบูมิน ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการดึงน้ำกลับเข้าสู่หลอดเลือด โรคตับในระยะท้ายทุกชนิดทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้ และพบได้บ่อยที่สุดในโรคตับแข็ง และมะเร็งตับ
- โรคหลอดเลือดดำที่ขาอุดตัน มักเกิดกับผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องพึ่งขาทั้งสองข้างเป็นหลัก เช่น ครู พยาบาล จราจร แม่ครัว ช่างเสริมสวย พนักงานขาย เป็นต้น อาชีพ เหล่านี้ล้วนแต่ต้องใช้ขาทั้งสองข้าง ยืนอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ อย่างน้อยวันละ 4-6 ชั่วโมง การยืนอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการขาบวม เท้าบวม และปวดขา ซึ่งอาจเกิดจากกล้ามเนื้อขาเมื่อยล้า ถ้าได้นั่งพักหรือนวดเบาๆ บริเวณที่ปวดเมื่อย อาการอาจทุเลา หรือลายไปได้ แต่ถ้าอาการปวดขาที่เกิดจากการผิดปกติในการทำงานของหลอดเลือดดำ ทำ ให้การไหลเวียนของเลือดกลับสู่หัวใจไม่สะดวก เกิดการคั่งค้างของเลือดก็จะเกิดอาการอื่นๆ ร่วมกับอาการปวดขา เช่น อาจรู้สึกขาหนักถ่วงๆ เมื่อยล้า บวม ชา หรือร้อนวูบวาบในบางครั้ง มักเป็นตะคริวในเวลาเย็นหรือกลางคืน โดยที่อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเป็นประจำ จนกระทั่งรบกวนความรู้สึก และ การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน อาการดังกล่าวถือเป็นอาการเริ่มต้น หรือสัญญาณเตือนของการเกิดความผิดปกติของหลอดเลือดดำที่ขา ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้ การเสื่อมสภาพของหลอดเลือดดำอาจมากขึ้นจนเห็นได้ชัด เช่น เส้นเลือดขอดอักเสบ แผลเรื้อรัง อาจเกิดลิ่มเลือดอุดตัน เป็นต้น
- โรคเท้าช้าง คนที่มีอาการมักจะเกิดจากการที่ถูกยุงที่มีเชื้อพยาธิเท้าช้างกัดซ้ำหลายครั้ง อาการในระยะแรก ผู้ป่วยอาจมีไข้ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของต่อม และ ท่อน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ขาหนีบ หรืออัณฑะ เนื่องจากพยาธิตัวแก่ที่อยู่ในท่อน้ำเหลืองสร้างความระคายเคืองแก่เนื้อ เยื่อภายใน รวมทั้งมีการปล่อยสารพิษออกมาด้วย อาการอักเสบจะเป็นๆ หายๆ อยู่เช่นนี้ และจะกระตุ้นให้เกิดอาการบวมขึ้น หากเป็นนานหลายปีจะทำให้อวัยวะนั้นบวมโตอย่างถาวร และผิวหนังหนาแข็งขึ้นจนมีลักษณะขรุขระ ต่อมาต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาจะบวมแดง และเมื่อเป็นนานๆ ทำให้ผิวหนังบริเวณนี้หนา และ ขรุขระ ขาจะเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ อาการขาโตเกิดจากการที่มีพยาธิโรคเท้าช้างตัวแก่ที่ตายแล้วหรือยังมีชีวิต อยู่ได้เข้าไปอุดตันท่อน้ำเหลือง ทำให้เกิดการระคายเคืองในท่อน้ำเหลือง รวมทั้งปล่อยสารพิษที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ
- โรคติดเชื้อ
- โรคข้ออักเสบ เช่น โรคเก๊าต์ เอ็นอักเสบ พังผืดอักเสบ
ข้อมูลเพิ่มเติมที่สำคัญที่ช่วยในการวินิจฉัยโรค
- เท้าที่บวมมีอาการปวด แดง หรือ ร้อน ร่วมด้วยหรือไม่ หรือลองกดดูว่าเจ็บหรือไม่
- เท้าบวมทั้งสองข้าง หรือข้างเดียว
- บวมเฉพาะที่หลังเท้า หรือ บวมเลยขึ้นมาถึงหน้าแข้ง
- บวมเวลาใดมากเป็นพิเศษ เช่น ตอนเช้าตื่นนอนไม่ค่อยบวม ตกเย็นจะบวมมาก หรือว่าบวมเท่าๆ กันทั้งวัน
การรักษาและข้อควรปฏิบัติ
- หลักสำคัญการรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ
- ออกกำลังกายวันละครึ่งชั่วโมงทุกวัน เพื่อ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด และป้องกันไม่ให้น้ำไหลลงไปคั่งที่ขา การออกกำลังกายที่ช่วยให้กล้ามเนื้ และหลอดเลือดแข็งแรง ได้แก่ ว่ายน้ำ วิ่ง ขี่จักรยาน แต่ควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่รุนแรงเกินไป เช่น กระโดดสูง กระแทกเท้า
- กินอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี และฟลาโวนอยด์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของผนังหลอดเลือดฝอย
- ลดการกินอาหารที่มีรสเค็ม และไม่ควรปล่อยให้น้ำหนักตัวมากเกินไป
- ถ้าต้องยืนหรือนั่งนานๆ ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณน่องบ่อยๆ เพื่อดันให้เลือดไหลกลับขึ้นมาด้านบน และลดอาการข้อเท้าบวม
- ไม่ควรยืนนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ ถ้าจำเป็นควรเปลี่ยนอริยาบทบ่อยๆ
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ขาสัมผัสกับความร้อน เช่น อาบน้ำที่ร้อนเกินไป ยืนบนพื้นร้อนๆ อาบแดดนานๆ
- สวมรองเท้าสูงไม่เกิน 5 ซม.
- ในกรณีที่ต้องยืนนานๆ ควรสวมถุงน่องที่ช่วยพยุง และกระชับกล้ามเนื้อขา ซึ่งมีแรงบีบรีดไม่น้อยกว่า 30 มิลลิเมตรปรอท และควรสวมตั้งแต่เท้าจนถึงเหนือเข่า
- ยกเท้าสูงประมาณ 45 องศาขณะนอนพัก จนกระทั่งรู้สึกสบายขึ้น จึงนอนต่อในท่าปกติ
Link https://www.108health.com
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โรคเท้าบวมเกิดจาก
ขยายผิดปกติของ ankles เนื่องจากการจัดเก็บของเหลวเรียกว่าเป็นข้อเท้าบวม ข้อเท้าบวม ๆ จะมีเท้าบวมขาบวมและอุปกรณ์ต่อพ่วงบวม
ข้อ เท้าบวมเป็นปัญหาที่พบ บ่อยในผู้สูงอายุและไม่เจ็บปวดในธรรมชาติ ข้อเท้าบวมอาจเกิดขึ้นในขา และบวมอาจเกิดขึ้นในลูกโคและแม้ในเพลา แรงโน้มถ่วงนี้ยังนำไปสู่ การเก็บของเหลวใน ankles และทำให้ข้อเท้าบวม
สาเหตุของข้อเท้าบวมปวด เท้ามี …
* ตำแหน่งยืนเป็นเวลานาน
* rides รถยนต์ยาว
* ระหว่างประจำเดือนที่
* การตั้งครรภ์ — eclampsia พื้นฐานอาจทำให้ข้อเท้าบวมเป็นผลจากการสะสมของของเหลวส่วนเกินในพื้นที่ข้อ เท้าเนื่องจากความดันโลหิตเพิ่มขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์
* โรคเกาต์และการสะสมของผลึกกรดยูริคในข้อเท้าอาจทำให้ข้อเท้าบวม
* โรคกระดูกเสื่อม, โรคไขข้อและโรคข้อเท้าข้อต่ออาจทำให้เกิดอาการบวมของ ankles อย่างไรก็ตาม
* Toxemia ระหว่างตั้งครรภ์เป็นสาเหตุหนึ่งของข้อเท้าบวมในหญิงตั้งครรภ์
ทำให้เกิดโรคอ้วน * หรือมีน้ำหนักเกินยังข้อเท้าบวม
สาเหตุ * Aging กระบวนการข้อเท้าบวม
* บาดเจ็บหรือบาดเจ็บเกิดขึ้นในข้อเท้าหรือเท้านำไปสู่ข้อเท้าบวม บาดเจ็บบาดแผลเช่นแพลงข้อ เท้าข้อเท้าหักเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของข้อเท้าบวม
* บวมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เป็นหนึ่งในปัญหาไหลเวียนเป็นเห็นในขาทั้งสอง บวมปลายที่เจ็บปวดเป็นปกติ กับอายุ ความผิดปกติของหลอดเลือดดำ ทำให้เรื้อรังบวม
เช่นโรค หัวใจล้มเหลวล้ม เหลวไตและโรคตับล้มเหลวกับระบบอื่น ๆ อาจทำให้ข้อเท้าบวมหรือขาบวม ส่วนเกินสะสมในร่างกายเป็น ของเหลวในพื้นที่สำรองในข้อเท้าเนื่องจากแรงโน้มถ่วงและทำให้ข้อเท้าบวม
อื่น ๆ ทำให้เกิดสภาพทางการแพทย์ข้อเท้าบวมมีดังนี้
* แข็งตัวของเลือดในบริเวณข้อเท้า
* การติดเชื้อในเท้าหรือต่ำกว่าขา
ไม่สามารถ * ของหลอดเลือดดำในขาขึ้นปั๊มเลือดหัวใจ
* หลอดเลือดดำโป่งขด
* Burns (รวมถึงยาแก้ผิวไหม้)
แมลงกัดต่อย * หรือ
* อดอาหารหรือขาดสารอาหาร
* ศัลยกรรมในขาลงหรือเท้า
* การใช้ยาบางชนิดอาจทำให้ขาบวมหรือข้อเท้าบวม
* ฮอร์โมนเช่น estrogen และฮอร์โมนเพศชายที่เป็นสาเหตุของโรคข้อเท้าบวมแทน
* Calcium channel blockers และความดันโลหิตลดยาอื่น ๆ เช่น Nifedipine, amlodipine, ตำรับอาจก่อให้เกิดข้อเท้าบวมเป็นผลข้างเคียง
* ใช้เตียรอยด์อาจข้อเท้าบวม
* Antidepressants และยา tricyclic เช่น nortriptyline desipramine,, อาจนำไปสู่ข้อเท้าบวม
Home Care ให้สำหรับข้อเท้าบวม
* ยกระดับขาสูงกว่าหัวใจของคุณขณะนอนราบ ยกปลายล่างของเตียงหรือใช้ หมอนใต้ขาสำหรับวางอาหารสูง
* การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อปกติหรือกล้ามเนื้อขาลูกวัวช่วย ปั๊มเลือดขึ้นและช่วยในการลดข้อเท้าบวม
* สวมถุงน่องยังสนับสนุนการบรรเทาข้อเท้าบวม
* โซเดียมอาหารอุดม จำกัด หรือใช้อาหารเกลือต่ำเนื่องจากจะช่วยลดการเก็บน้ำและข้อเท้าบวมจึงช่วย บรรเทา
หากคุณมีอาการต่อไปนี้ พร้อมกับข้อเท้าบวมแพทย์ติดต่อ
* ถ้าคุณรู้สึกว่าหายใจถี่
* เจ็บหน้าอกและอาการไม่สบายหัวใจเป็นกรณีฉุกเฉินต้องดูแลพยาบาล
ต้องได้รับกังวลและพบแพทย์ ทันทีถ้าคุณไม่มี
* ปัสสาวะออกลดลง
* ถ้าคุณมีประวัติของโรคตับที่เกี่ยวข้องกับการบวมขาหรือท้องของคุณ
* เท้าบวมหรือขาเป็นสีแดงหรืออบอุ่นอาจเป็นเพราะการอักเสบของข้อเท้าข้อต่อ เนื่องจากการบาดเจ็บหรือแตกหัก
* Mild ทั่วไปบวมระหว่างตั้งครรภ์และถ้าคุณได้รับหรือเพิ่มขึ้นทันทีในข้อเท้าบวม
ทั้งหมดเหล่านี้จำเป็นต้อง รักษาพยาบาล แต่คุณสามารถพบแพทย์ในภายหลังและเงื่อนไขเหล่านี้ทั้งหมดจะไม่อันตรายถึง ชีวิต
วินิจฉัยทดสอบทำสำหรับข้อ เท้าบวม
นับเลือด * Complete และทดสอบเคมีเลือด
* คลื่นไฟฟ้าหัวใจสำหรับการวินิจฉัยโรคหัวใจหรือโรคหัวใจ
* Chest x – ray เพื่อวินิจฉัยอาการบวมน้ำปอดหรือหัวใจ
* ตรวจปัสสาวะเพื่อยืนยันการติดเชื้ออื่นๆ
รักษาข้อเท้าบวม
รักษา ข้อเท้าบวมจะได้รับ จากการรักษาทำให้เกิดต้นแบบ Diuretics อาจได้รับเพื่อลดการบวมเนื่องจากการบวมการดูแลหน้าเช่นยกปลายเท้ายังแนะนำ การรักษาด้วยยาเป็น ประโยชน์
ป้องกัน ข้อเท้าบวมไม่นั่ง หรือยืนเป็นเวลานานโดยไม่ต้องย้ายร่างกาย หากคุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับ การช่วยเหลือทางการแพทย์ในการป้องกันความดันโลหิตสูง
ดีกว่าไม่สวมใส่เสื้อผ้า ข้อ จำกัด หรือ garters รอบต้นขาของคุณ
ออกกำลังกายเป็นประจำและ การลดน้ำหนักแนะนำสำหรับคนอ้วน
ที่มา healthcaretips.psyphil.com
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สมุนไพรรักษาโรคเท้าบวมหายขาดได้
สมุนไพรรักษาโรคไมเกรน
กระเทียม เป็นพืชครัวตัวหนึ่ง ที่นอกจากจะใช้รับประทานและปรุงเป็นอาหารหลายอย่างแล้ว “กระเทียม” ยังมีสรรพคุณทางยา ใช้รักษาโรคได้อีกด้วย โดยเฉพาะใครที่มีอาการปวดท้ายทอยบ่อย ๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอาการเพียงเล็กน้อยเป็น ๆ หาย ๆ ในช่วงที่เป็น จะรู้สึกตึงคล้ายจะเป็นลม ต้องนั่งหลับตา หรือนั่งพัก อาการจะทุเลาและหายเองได้ อาการดังกล่าว เป็นเฉพาะจุด ถ้าไม่รักษาหรือให้แพทย์ตรวจอาการอาจทำให้ผู้เป็นเกิดอาการ “โรควูบ” ได้ ซึ่งสาเหตุที่กล่าวข้างต้นเกิดจากเส้นเลือดบริเวณท้ายทอยตีบตันนั่นเอง โดยในส่วนของสมุนไพร ที่มีสรรพคุณรักษาอาการปวดท้ายทอยมีเหมือนกัน คือ
ให้เอา “กระเทียม” จำนวน 2 กลีบ ปอกเอาเปลือกหุ้มกลีบออกแล้วหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ นำไปผึ่งลมให้แห้ง จากนั้นเอาไปใส่ถ้วยเติมน้ำส้มสายชูของ อสม. เล็กน้อย กินให้หมดทั้งน้ำ และเนื้อวันละครั้ง จะก่อนอาหารหรือหลังอาหาร หรือกินตอนไหนก็ได้ โดยกิน 3 วันครั้ง ทำกินได้เรื่อย ๆ จะช่วยให้อาการปวดท้ายทอย หรือชาวบ้านชอบเรียกว่า ท้ายทอยเย็น ค่อย ๆ ทุเลาลง และหายได้ในที่สุด คนที่เป็นไม่รุนแรง หรือเพิ่งจะมีอาการใหม่ ๆ จะเห็นผลเร็ว
กระเทียม หรือ ALLIUM SATIVUM LINN. อยู่ในวงศ์ ALLIACEAE เป็นพืชล้มลุก มีหัวใต้ดิน ต้นสูง 30 – 40 ซม. ใบรูปแถบยาว ดอกเป็นสีขาวแกมม่วง หรืออมชมพู หัวใต้ดินประกอบด้วยหัวย่อยจำนวนมาก เรียกว่า “กลีบ” มีสรรพคุณเฉพาะ ใบรสร้อนฉุน ทำให้เสมหะแห้ง กระจายโลหิต แก้ลมปวดบวมในท้อง หัว แก้ไอ แกโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน แก้แผลเน่าเปื่อย เนื้อร้าย บำรุงธาตุ ขับโลหิตระดู แก้โรคประสาท แก้ปวดหู หูอื้อ ระบายพิษไข้ แก้ริดสีดวงงอก ขับพยาธิในท้อง แก้โรคในปาก แก้อัมพาต แก้ลมเข้าข้อ แก้จุกแน่นเฟ้อ แก้ขัดปัสสาวะ บำรุงปอด แก้วัณโรคปอด แก้เสมหะ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้ฟกบวม และแก้สะอึก
สอบถามผลิตภัณฑ์สมุนไพร กระเทียมโทน แก้หืดหอบ ละลายเสมหะ แก้ไอที่เกิดจาหืดหอบ แก้ถุงลมโป่งพอง
“กระเทียม” กับสูตรแก้ปวดฟัน
สมัย ก่อนเวลาปวดฟัน คนโบราณจะให้เอาเกลือป่นอมก่อนแปรงฟัน ซึ่งบางครั้งก็ได้ผล ทำให้หายปวดฟันได้ แต่บางครั้งก็ไม่หายปวดเพราะเป็นมาก ฟันผุหรือที่ชาวบ้านชอบพูด กันว่า “แมงกินฟัน” เป็นรูดำ ๆ ทำให้ปวดร้าวไปถึงสมองเวลาดื่มน้ำเย็น หรือเคี้ยวอาหารโดนตรงจุดของซี่ฟันที่ถูกแมงเจาะ น้ำตาแทบร่วง เหงือกบวม คางโย้ อมเกลือป่นช่วยไม่ได้ ต้องไปให้หมอที่สุขศาลาช่วยถอนจึงจะหายได้ บางคนไม่ยอมไปหาหมอ ใช้ด้ายทำหลายทบคล้องฟันซี่ที่ถูกแมงเจาะดึงจนฟังหลุด หายได้เหมือนกัน
ในทางสมุนไพรโบราณมีทางแก้ ให้เอา “กระเทียม” 3 กลีบ เอาแต่เนื้อ ใบโหระพาสด 6 ใบ เกลือป่นหนึ่งหยิบมือ ตำรวมกันให้ละเอียด เสร็จแล้วเอาใบตองกล้วยน้ำว้าห่อนไปย่างไฟจนเนื้อยาสุก วางไว้ให้เย็นแล้วเอาเนื้อยาไปอุดรู้ซี่ฟันที่ถูกแมงเจาะ ทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที ยาจะออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแมงกินฟันตายเรียบ จากนั้นอาการปวดฟัน เหงือกบวมจะเป็นปกติไม่ปวดอีก ใครมีปัญหาเรื่องฟันถูกแมงเจาะนำสูตรนี้ไปทดลองใช้ดู รับรองว่าได้ผลแน่นอน
”แมงลัก” สูตรแก้ปวดหัวเรื้อรัง
โรค ปวดหัวเรื้อรัง มีคนเป็นเยอะ สาเหตุมาจากหลายอย่าง เป็นแล้วทรมานมาก บางครั้งถึงกับหน้ามืดตามัวเลยทีเดียว ต้องกินยาจากแพทย์จึงจะหาย ในทางสมุนไพรมีวิธีแก้ได้ โดยให้เอาต้น ใบ และดอก ของ “แมงลัก” กับ “ผักเสี้ยนผี” แบบแห้ง และแก่นต้น “ขี้เหล็ก” จำนวนเท่ากัน อย่างละ 15 กรัม หากเป็นแบบสด ต้องเพิ่มเป็น 20 กรัม ต้มกับน้ำ 3 แก้ว เคี่ยวให้เหลือ 1 แก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว ต้มดื่มเรื่อย ๆ อาการปวดหัวเรื้อรังจะดีขึ้นและหายได้ เคยมีคนเป็นไมเกรนดื่มแล้วดีขึ้น เรื่องนี้ต้องทดลองดู ซึ่งตัวยาทั้ง 3 ชนิดมีขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี บริเวณโครง 21 แผง คุณพร้อมพันธุ์ ราคาสอบถามกันเอง
แมงลัก มีลักษณะดอกใบและผลคล้ายโหระพา จะต่างกันที่กิล่น เมล็ด “แมงลัก” แช่น้ำให้พองลื่น รับประทานทำให้ระบายท้องดี บางคนอยากผอม กินแล้วทำให้ไม่อยากอาหาร “ผักเสี้ยนผี” มีสรรพคุณเด่น ได้แก่ ใบ แก้โรคเช่าเสื่อม ถุงน้ำในหัวเข่า และโรคพยาธิด่างขาวด้วย ส่วน “ขี้เหล็ก” มีประโยชน์ทางอาหารแลทางยาเยอะ ที่ดัง ๆ คือ เอาทั้ง 5 ของ “ขี้เหล็ก” กะจำนวนตามต้องการ ต้มน้ำดื่มเรื่อย ๆ เป็นยาช่วยลดความดนโลหิตสูงได้เร็วมาก
“หอมหัวใหญ่” บำรุงหัวใจ อสุจิแข็งแรง
สูตร ยาสมุนไพรบางสูตรไม่ได้มั่งเน้นในทางรักษาโรคเพียงอย่างเดียว แต่จะมีจุดประสงค์ทางบำรุง ทำให้ร่างกายบางส่วนที่มีสภาพไม่สมบูรณ์หรืออ่อนแอ มีสภาพแข็งแรงและดีขึ้นได้ เช่นสูตร “หอมหัวใหญ่” ที่คนทั่วไปรู้จักดี มีวางขายทั่วไป ใช้ปรุงเป็นอาหารได้หลายอย่าง หากรู้จักเอาไปผสมกับน้ำผึ้งแท้รับประทาน ก็จะกลายเป็นสูตรโภชนาบำรุง ช่วยทำให้หัวใจและน้ำอสุจิในบุรุษแข็งแรงขึ้นได้
โดยมีวิธีรับประทานง่าย ๆ คือ เอา “หอมหัวใหญ่” ครึ่งหัวแบบสด ปั่นในเครื่องปั่นจนละเอียด ผสมน้ำผึ้งแท้ กะจำนวนพอประมาณ แล้วแบ่งรับประทาน 2 ครั้ง ในหนึ่งวัน เช้ากับเย็น ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ทำกินเรื่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องกินทุกวัน จะมีสรรพคุณช่วยทำให้หัวใจและน้ำอสุจิในบุรุษที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น สูตรนี้นิยมทำกินมานานแต่โบราณแล้ว ใครที่มีบุตรยาก ลองเอาสูตรนี้ไปทดลองทำกินดู อาจทำให้สมหวังก็ได้ ไม่มีอันตรายอะไร
หมอหัวใหญ่ หรือ ALLIUM CEPA LINN. อยู่ในวงศ์ ALLACEAE ซึ่ง “หอมหัวใหญ่” มี “ไซโคลอัลลิซิน” ทำหน้าที่ช่วยไม่ให้ไขมันเกาะผนังหลอดเลือดเหมือนกับไวน์ “ฟลาโวนอยด์” เป็นตัวขจัดไขมันในผนังหลอดเลือดนั่นเอง ซึ่งหากจะดื่มไวน์เพื่อให้สุขภาพหัวใจแข็งแรง กู้กินหอมหัวใหญ่ ประจำ หรือทำตามสูตรที่กล่าวข้างต้น ถือว่าดีกว่าเยอะ เพราะราคาไม่แพงเหมือนกับไวน์และหาได้ง่ายกว่าด้วย โดยเฉพาะน้ำผึ้งก็พบมีบรรจุขวดขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี บริเวณโครงการ 21 แผงคุณพร้อมพันธุ์ ราคาสอบถามกันเอง
คน สูบบุหรี่จัดและดื่มกาแฟวันละหลาย ๆ แก้วแล้ว มีปัญหาฟันติดคราบบุหรี่ และคราบกาแฟเป็นสีเหลืองหรือสีดำ ดูน่าเกลียดมาก เวลานั่งรับประทานอาหาร กับเพื่อน ๆ หรือคนอื่น เขาเห็นเข้าจะแสดงอาการไม่ชอบ ด้วยการย้ายไปนั่งรับประทานที่อื่นทันที ทางแก้ ดีที่สุดคือต้องไปให้หมอฟันช่วยกรอ หรือขัดฟันทำให้หายได้ แต่บางคนไม่ชอบ หรือไม่กล้า เพราะเป็นโรคกลัวหมอฟัน รู้สึกเสียว จึงขอให้ช่วยแนะนำสูตรสมุนไพรแก้อาการดังกล่าวด้วย
ซึ่ง เรื่องนี้ ในทางสมุนไพรมีสูตรรักษาแบบง่าย ๆ และใช้ได้ผลมาแต่โบราณแล้ว คือ ให้เอาผลหรือฝัก "มะขาม" ที่เป็นผลหรือฝักแก่จัดยังดิบอยู่ไม่ถึงสุก ผ่าเอาเมล็ดในออกแล้ว เอาเฉพาะเนื้อ ขัดถูฟันเป็นประจำเช้า กลางวัน และก่อนนอน ถูหรือขัดไปเรื่อย ๆ จะค่อย ๆ ลดคราบบุหรี่ และคราบกาแฟที่ติดฟันได้ ฟันจะขาวสะอาดใสเหมือนเดิม ใครที่เป็นโรคกลัวหมอฟันเอาสูตรนี้ไปใช้รับรองว่า ได้ผลแน่นอน
มะขาม หรือ TAMRINDUS INDICA LINN. อยู่ในวงศ์ CAESAPIACEAE มีสรรพคุณทางยาเฉพาะคือ ใบแก่ ปรุงเป็นยาแก้ไอ แก้โรคบิด ขับเสมหะในลำไส้ เนื้อในผล แก้อาการท้องผูก เป็นยาระบาย แก้ไอ ขับเสมหะ ลดอาการกระหายน้ำ เมล็ดแก่ เป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือนในท้องเด็ก ประโยชน์ทางอาหาร ใบอ่อน ดอก รสเปรี้ยว ต้มส้มใส่ปลาน้ำจืดเนื้ออ่อน หรือไก่ อร่อยมาก เพราะจะมีกลิ่นหอมจากใบมะขาม ทำต้มยำต่าง ๆ หรือต้มโคล้งปลากรอบ หากขาดใบมะขาม จะไม่ได้รสชาติ ฝักอ่อน รสเปรี้ยวเช่นกัน ตำน้ำพริกมะขาม ใส่หมูสับเปิบกับข้าวสวยร้อน ๆ มีผักเคียงเยอะ ๆ เด็ดขาดนัก ฝักแ่ก่ ทุบพอแตก ปรุงแกงส้ม แกงคั่วสุดยอดจริง ๆ
“ขิง ตะไคร้ กระเพรา” บรรเทาข้อเท้าแพลง
เวลา เกิดข้อเท้าแพลง ไม่ว่าจากการเดินแล้วเท้าแพลง หรือเกิดจากการเล่นกีฬา จะรู้สึกเจ็บปวดมาก ข้อเท้าบวม บางครั้งถึงกับเดินไม่ได้ ในสมัยก่อนส่วนใหญ่ใช้แต่น้ำมันหม่อง หรือน้ำมันเขียวทานวดเบา ๆ พอบรรเทาและหายได้ แต่ใช้เวลานาน ในทางสมุนไพรมีวิธีรักษาได้เหมือนกันและนิยมกันแพร่หลาย เพราะได้ผลดีและช่วยทำให้อาการขัดเท้าแพลงหายได้เร็วขึ้น
โดย เวลาที่เกิดข้อเท้าแพลง หรือข้อเท้าพลิก ให้เอาขิง ตะไคร้แกง หรือตะไคร้บ้าน และกะเพรา แบบสด กะจำนวนมากน้อยตามต้องการ ต้มกับน้ำท่วมข้อเท้า ต้มจนเดือดยกลงให้น้ำอุ่น เอาเท้าข้างที่แพลง หรือพลิกลงแช่พร้อมใช้มือนวดเบา ๆ เพื่อกระตุ้นให้เลือดบริเวณดังกล่าวไหลเวียนดี ทำเช่นนี้ 2 – 3 วัน จะทำให้หายปวดและหายเร็วขึ้น
ขิง ตะไคร้ และ กะเพรา เป็นพืชครัว มีวางขายทั่วไปตามตลาดสด ใช้ปรุงอาหารได้หลากหลายแตกต่างกันไปตามรสชาติ และพืชครัวทั้ง 3 ชนิดนี้ นอกจากจะรับประทานได้อร่อยแล้ว แต่ละชนิดยังมีสรรพคุณทางสมุนไพรมากมายไม่เหมือนกันอีกด้วย แต่เมื่อนำไปต้มรวมกันจะมีฤทธิ์เป็นยาช่วยบรรเทาอาการข้อเท้าแพลงหรือข้อ เท้าพลิกเด็ดขาดมาก จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบสมุนไพร ชอบวิธีรักษาแบบธรรมชาติ และต้อมีเวลาในการต้มยาเท่านั้น
ที่มา : คอลัมน์เกษตรบนแผ่นกระดาษ โดยนายเกษตร หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ