โรคเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ โรคเลือดออกในสมอง ขอทราบสาเหตุคนเป็นโรคเลือดเลี้ยงสมอง ไม่พอ
โรคเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
ครูไวยุ์
สาเหตุของอาการเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
ทีมนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ไฟน์เบิร์ก มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น (Feinberg School of Medicine, Northwestern University) มลรัฐชิคาโก สหรัฐอเมริกา ศึกษาสมองหนูและคน พบว่าหากเลือดไปเลี้ยงสมองน้อย อาจเนื่องจากความดันเลือดต่ำ ทำให้มีปริมาณน้ำตาลและแก๊สออกซิเจนที่ไปเลี้ยงเซลล์สมองไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดการสะสมของโปรตีนที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ประสาท ซึ่งไม่ได้เกิดแบบเฉียบพลัน แต่เป็นอาการที่ค่อยๆ สั่งสมขึ้นจากการที่ความดันเลือดต่ำอย่างเรื้อรัง นอกจากนี้ยังพบอีกหลายสาเหตุที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น
- กระดูกคอข้อที่หนึ่งเคลื่อนไปเบียดทับเส้นประสาท หรือเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง
- กินอาหารที่ผัดน้ำมันเป็นเวลานาน แล้วเกิดไขมันเกาะตัวเหนียวสะสมในลำไส้ เล็ก ทำให้การดูดซึมสารอาหารได้น้อย ก็มีโอกาสที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย
- มีพยาธิในลำไส้ พยาธิที่ผิวหนังจะกัดกินเลือดในร่างกาย ทำให้ปริมาณเลือดน้อยลง
- การไม่กินอาหารเช้าเป็นสาเหตุให้ในเลือดมีสารอาหารไม่เพียงพอในการเลี้ยงสมอง
อาการเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
ผมร่วง หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย นอนไม่ค่อยหลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ฝันบ่อย ปวดไหล่ ตื่นกลางดึกบ่อยๆ ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวสองข้าง ปวดหู ปวดกระบอกตา เป็นไซนัส เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น ปวดชายโครง ปวดหลัง ปวดเข่า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนได้ง่าย ปวดสะโพก ปวดข้อเท้า หลังเท้า วิตกกังวล อาจมีอาการทีละอย่าง หรือหลายอย่างพร้อมกัน
สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมองส่วนหลังอยู่กันคนละส่วน แต่มีเซลล์ประสาทกลุ่มเดียวที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดทั้งสามส่วน
เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้น้อย
วัน ข้างหน้าก็จะมีหินปูนเกาะที่สมองส่วนหน้า แล้วจะมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ เป็นเหตุให้ ตาเป็นต้อ จอประสาทตาเริ่มเสื่อม ปัสสาวะบ่อย เป็นฝ้า หน้าดำ
เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้น้อย
จะ มีอาการ ง่วงนอนบ่อย หรือง่วงนอนทั้งวัน ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดสันเท้า ขี้โมโห ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ต่อไปวันข้างหน้าความจำจะเสื่อม เริ่มจำไม่ค่อยได้ แต่ความจำระยะยาว คือเรื่องเก่าๆ ยังจำได้ ส่วนความจำระยะสั้น คือเรื่องใหม่ๆในปัจจุบันจะจำไม่ค่อยได้ หลงๆ ลืมๆ พูดวกไปวนมา ความจำจะเสื่อมลงเรื่อยๆ
เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหลังได้น้อย
จะมีอาการ แขนขาไม่ค่อยมีแรง เดินไม่ค่อยไหว ตอนตื่นนอนบางครั้ง จะมีอาการแขนขาตายเหมือนผีอำ ขยับตัวไม่ค่อยได้
ที่มา : พฤติกรรมที่ทำลายการทำงานของสมอง
: เคล็ดวิธี..กินอย่างไร..ไร้โรคภัย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โรคเลือดออกในสมอง
โรคเลือดออกในสมอง
ความพิการ และไม่สามารถดูแลตนเองได้ เป็นสิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปมักกลัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสังคมปัจจุบัน ที่เริ่มเปลี่ยนเป็นครอบครัวเดี่ยว จะมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ จากญาติพี่น้องอย่างใกล้ชิด ดังเช่นแต่ก่อนยากลงไปทุกที
ภาวะหลอดเลือดในสมองแตก หรือภาวะเลือดออกในสมอง เป็นภาวะหนึ่งที่ทำให้เกิดความพิการ หรือบางครั้งร้ายแรงได้ถึงชีวิต ภาวะเลือดออกในสมองส่วนใหญ่เกิดขึ้นจาก 3 สาเหตุหลัก ก็คือ
- มีการแตกของเส้นเลือดในสมองขนาดเล็ก เนื่องจากการเสื่อมสภาพของหลอดเลือด
- มีการเปลี่ยนสภาพของภาวะสมองขาดเลือด และทำให้มีเลือดออก
- เกิดจากพยาธิสภาพที่ผิดปกติ เช่น ภาวะเส้นเลือดขอดในสมอง (AVM) เนื้องอกในสมองบางชนิด เป็นต้น
แนวทางการรักษา
โดยปกติแล้ว เมื่อเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก ส่วนใหญ่จะทำให้การรักษาโดยการใช้ยาเป็นเบื้องต้น แต่มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อย ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยการผ่าตัด การผ่าตัดมีได้หลายวิธี แต่ที่ทำกันบ่อยมี 2 วิธี ดังนี้
- การผ่าตัดเปิดกระโหลกศีรษะ เพื่อผ่าตัดเอาก้อนเลือดในสมองออก
- วิธีการเจาะดูดก้อนเลือดในสมองด้วยเทคนิคนำวิถี โดยใช้อุปกรณ์พิเศษช่วย (Stereotactic Aspiration) ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้บาดแผลของผู้ป่วยมีขนาดเล็ก และทำให้มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผู้ป่วยจะได้รับการรักษาโดยการใช้ยาหรือการผ่าตัด ผู้ป่วยก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำกายภาพบำบัดในการฟื้นฟูสภาพร่าง กายให้กลับมาแข็งแรงดังปกติ ซึ่งปกติแล้วขั้นตอนของการฟื้นฟู และทำกายภาพบำบัดนั้น จะต้องใช้ระยะเวลานาน รวมทั้งต้องอาศัยความอดทน และความร่วมมือของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะเลือดออกในสมอง
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
- โรคเบาหวาน
- โรคไขมันในเส้นเลือด
เราจะเห็นได้ว่าโรคดังกล่าวข้างต้น ส่วนใหญ่เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการ ฉะนั้นการตรวจร่างกายเป็นประจำ จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกในสมอง การรักษาโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น นอกจากจะลดภาวะเลือดออกในสมองแล้ว ยังลดข้อแทรกซ้อนอื่น ๆ ด้วย เช่น โรคหัวใจ โรคไต เป็นต้น
โรงพยาบาลกรุงเทพ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ เพื่อลดภาวะเลือดออกในสมอง และขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วย โรคเลือดออกในสมองทุกท่านในการฟื้นฟูรักษาตนเอง แล้วความสำเร็จก็จะเป็นของท่าน
Link
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอทราบสาเหตุคนเป็นโรคเลือดเลี้ยงสมอง ไม่พอ
เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
ครูไวยุ์
สาเหตุของอาการเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
ทีมนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์ไฟน์เบิร์ก มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น (Feinberg School of Medicine, Northwestern University) มลรัฐชิคาโก สหรัฐอเมริกา ศึกษาสมองหนูและคน พบว่าหากเลือดไปเลี้ยงสมองน้อย อาจเนื่องจากความดันเลือดต่ำ ทำให้มีปริมาณน้ำตาลและแก๊สออกซิเจนที่ไปเลี้ยงเซลล์สมองไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดการสะสมของโปรตีนที่เป็นอันตรายต่อเซลล์ประสาท ซึ่งไม่ได้เกิดแบบเฉียบพลัน แต่เป็นอาการที่ค่อยๆ สั่งสมขึ้นจากการที่ความดันเลือดต่ำอย่างเรื้อรัง นอกจากนี้ยังพบอีกหลายสาเหตุที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น
- กระดูกคอข้อที่หนึ่งเคลื่อนไปเบียดทับเส้นประสาท หรือเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง
- กินอาหารที่ผัดน้ำมันเป็นเวลานาน แล้วเกิดไขมันเกาะตัวเหนียวสะสมในลำไส้ เล็ก ทำให้การดูดซึมสารอาหารได้น้อย ก็มีโอกาสที่เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อย
- มีพยาธิในลำไส้ พยาธิที่ผิวหนังจะกัดกินเลือดในร่างกาย ทำให้ปริมาณเลือดน้อยลง
- การไม่กินอาหารเช้าเป็นสาเหตุให้ในเลือดมีสารอาหารไม่เพียงพอในการเลี้ยงสมอง
อาการเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ
ผมร่วง หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย นอนไม่ค่อยหลับ นอนไม่เต็มอิ่ม ฝันบ่อย ปวดไหล่ ตื่นกลางดึกบ่อยๆ ปวดหัวข้างเดียว ปวดหัวสองข้าง ปวดหู ปวดกระบอกตา เป็นไซนัส เหงือกบวม เจ็บคอ เจ็บลิ้น ปวดชายโครง ปวดหลัง ปวดเข่า กระดูกสะโพกจะเคลื่อนได้ง่าย ปวดสะโพก ปวดข้อเท้า หลังเท้า วิตกกังวล อาจมีอาการทีละอย่าง หรือหลายอย่างพร้อมกัน
สมองส่วนหน้า สมองส่วนกลาง สมองส่วนหลังอยู่กันคนละส่วน แต่มีเซลล์ประสาทกลุ่มเดียวที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดทั้งสามส่วน
เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้น้อย
วัน ข้างหน้าก็จะมีหินปูนเกาะที่สมองส่วนหน้า แล้วจะมีอาการนอนไม่ค่อยหลับ เป็นเหตุให้ ตาเป็นต้อ จอประสาทตาเริ่มเสื่อม ปัสสาวะบ่อย เป็นฝ้า หน้าดำ
เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้น้อย
จะ มีอาการ ง่วงนอนบ่อย หรือง่วงนอนทั้งวัน ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดสันเท้า ขี้โมโห ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ต่อไปวันข้างหน้าความจำจะเสื่อม เริ่มจำไม่ค่อยได้ แต่ความจำระยะยาว คือเรื่องเก่าๆ ยังจำได้ ส่วนความจำระยะสั้น คือเรื่องใหม่ๆในปัจจุบันจะจำไม่ค่อยได้ หลงๆ ลืมๆ พูดวกไปวนมา ความจำจะเสื่อมลงเรื่อยๆ
เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหลังได้น้อย
จะมีอาการ แขนขาไม่ค่อยมีแรง เดินไม่ค่อยไหว ตอนตื่นนอนบางครั้ง จะมีอาการแขนขาตายเหมือนผีอำ ขยับตัวไม่ค่อยได้
ที่มา : พฤติกรรมที่ทำลายการทำงานของสมอง
: เคล็ดวิธี..กินอย่างไร..ไร้โรคภัย