อ้วน สาเหตุของความอ้วน ความอ้วนเกิดจากอะไร รวบรวมวิธีลดความอ้วน ลดความอ้วน วิธีลดความอ้วนที่ได้ผลเร็วที่สุด


11,299 ผู้ชม


สาเหตุของความอ้วน

   
1.เกิดจากสาเหตุภายนอก เป็นสาเหตุใหญ่ที่เกิดโรคอ้วน เพราะตามใจปากมากเกินไป กินมากเกินความต้องการของร่างกาย อาหารที่กิน เนื้อ ไขมัน หรือแป้ง ของหวาน สิ่งเหล่านี้จะถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกาย ถ้ามีมากเกินไปก็จะกลายเป็นไขมันพอกพูนตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ออกกำลังกายน้อย กินแล้วนอน
•นิสัยในการรับประทาน คนที่มีนิสัยการรับประทานที่ไม่ดี เรียกว่า กินจุบกินจิบไม่เป็นเวลา
•ขาดการออกกำลังกาย ถ้ารับประทานอาหารมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ แต่ได้ออกกำลังกายบ้างก็อาจทำให้อ้วนช้าลง แต่หลายคนไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย ไม่ช้าจะเกิดการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย   
2.มาจากสาเหตุภายใน พบได้จากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อไทรอยด์ ทำให้มีไขมันตามบริเวณต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง
•จิตใจและอารมณ์ มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่การกินอาหารขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น กินดับความโกรธ ดับความคับแค้นใจ กลุ้มใจ กังวลใจ หรือดีใจ บุคคลเหล่านี้ จะรู้สึกว่าอาหารที่ทำให้จิตใจสงบ จึงหันมายึดเอาอาหารไว้เป็นที่พึ่งทางใจ ตรงกันขามกับบางคนกลุ้มใจเสียใจก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ
•ความไม่สมดุลระหว่างความรู้สึกอิ่มกับความหิว เมื่อใดที่ความอยากเพิ่มขึ้น เมื่อนั้นการกินก็จะเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงขั้นเรียกว่า กินจุ ในที่สุดก็อ้วนเอาๆ 
3.เพราะกรรมพันธุ์ ซึ่งพบได้น้อย กรรมพันธุ์นี้พิสูจน์ไม่ได้ แต่ถ้าพ่อและแม่อ้วนทั้งสองคน ลูกจะมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 80 ถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งอ้วน ลูกมีโอกาสอ้วนได้ถึงร้อยละ 40   
4.โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง   
5.จากการกินยาบางชนิด ก็ส่งผลกระทบให้อ้วน ผู้ป่วยบางโรคได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ก็ทำให้อ้วนได้ และในผู้หญิงที่ฉีดยาหรือกินยาคุมกำเนิดก็ทำให้อ้วนง่ายเช่นกัน   
6.เพศ เพศหญิงนั้นมักอ้วนกว่าเพศชาย ก็ธรรมชาติเธอมักสรรหาจะกิน กิน และกิน ตลอดเวลา อีกทั้งตอนตั้งครรภ์ ก็ต้องกินมากขึ้น เพื่อบำรุงร่างกายและลูกน้อยในครรภ์ แต่หลังจากคลอดลูกแล้ว บางรายก็ลดน้ำหนักลงมาได้ แต่บางรายก็ลดไม่ได้ ผู้หญิงทำงานน้อย ออกกำลังน้อยกว่าชาย ผู้หญิงอ้วนมากกว่าผู้ชาย 4 : 1
7.อายุ เมื่อมากขึ้น โอกาสโรคอ้วนถามหาก็ง่ายขึ้น เนื่องจากพออายุมาก มีความเชื่องช้า ใช้พลังงานน้อยลง กินมากกว่าใช้ หญิงและชายที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป มักจะอ้วนง่าย เพราะคนวัยนี้ ยังอยู่ในวัยทำงานมาก กินมากขึ้นเพื่อชดเชยกำลังงานที่ถูกใช้ไป คนมีสุขภาพจิตดีมักมีรูปร่างสมส่วนแข็งแรง บางคนสุขภาพจิตไม่ดี อารมณ์เครียดเป็นประจำ ทำให้เกิดความท้อถอย เบื่อหน่าย ขี้เกียจออกกำลัง โรคอ้วนก็จะถามหา
        เมื่อเรารู้สาเหตุของโรคความอ้วนว่าเกิดจากอะไรได้บาง ทีนี้หาทางป้องกันก่อนดีกว่ารักษา เพราะการป้องกันจะทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดีไปในตัว อีกทั้งไม่ต้องไปนั่งช้ำใจว่าเป็นเคยอ้วนมาแล้ว
หลักการป้องกันนั้นง่ายสุด เมื่อสาเหตุเรารู้ก็แก้ตรงประเด็นนั่นเลย ชัดๆ ตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อมให้สับสน จนขนเงินไปให้หมอตี๋ หมอปริญญามากมาย ทั้งที่แก้ไม่ยาก ถ้าอยากจะแก้ เพราะลองรู้สาเหตุ แต่ยังไม่ป้องกัน รับรองว่าไม่มีเทวดาหมอไหนช่วยคุณได้ นอกจากตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เข้าขั้นตอนป้องกันกันเลย
     
1.ไม่ตามใจปาก เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องตายเป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องอ้วนก็รับไม่ได้ รับไม่ได้ก็ต้องฝืนความรู้สึก กินไร้ระเบียบ กินให้สมดุลกับพลังงานที่ใช้ออกไป จะเป็นตุ่มสามโคกไปโดยพลัน หรือเป็นขวดน้ำชาเขียวก็ตรองกันดู สำคัญ ลด ละ เลิก เหล้า บุหรี่ ทั้งเข้าและไม่เข้าพรรษาไปเลย
2.ถ้าอ้วนเพราะป่วย จากความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ โรคบางอย่างที่ส่งผลให้อ้วน ก็ทำการรักษาอย่างตั้งใจ  
3.อ้วนเพราะกรรมพันธุ์ อาจจะป้องกันยากสักหน่อย แต่ก็ต้องคุมการกิน ไม่ให้อ้วนใหญ่โตเป็นตึก 
4.ควรออกกำลังกาย ไม่ใช่ออกเหยาะๆ แหยะๆ ต้องออกอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอด้วย
5.ควบคุมจิตใจและอารมณ์ เมื่อรู้ว่าจิตอ่อนแอต่อกิเลสยั่วยุ ก็ต้องฝึกจิต อาจฝึกสมาธิ ฝึกจิต ปรึกษานักจิตวิทยา นักสะกดจิต คุมปากได้ ก็คุมน้ำหนักได้  
6.ผู้หญิงอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย ก็ควรระวังจุดอ่อนตรงนี้ ควบคุมตัวเองไว้ก่อนตั้งแต่วัยสาวสะพรั่ง จะได้ไม่แผละเมื่อเลยวัยสาว
7.อายุมากขึ้นต้องระวัง อายุแม้จะเป็นเพียงตัวเลข แต่เลย 30 ยังแจ๋ว อาหารของโรคอ้วนจะวิ่งมาหาง่ายกว่าง่าย จะได้เข้าสู่วัยทองคำแท้ ไม่ใช่ทองคำเทียม
คุมอาหารยั่วปาก
ควรลดอาหารลง เลือกชนิดให้เหมาะสม เช่น ผู้หญิงอายุ 20 – 29 ปี ทำงานนั่งโต๊ะ จะต้องการพลังงานวันละประมาณ 1,400 – 1,800 กิโลแคลอรี หากมากกว่านี้ ก็จะเหลือสะสมไว้ในร่างกาย ถ้ากินลดลง ร่างกายก็จะดึงไขมันที่สะสมไว้มาใช้ ปกติการลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ต้องเผาผลาญพลังงาน 7,700 กิโลแคลอรี หากลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัมใน 10 วัน จะต้องลดพลังงานให้เหลือ 1,000 กิโลแคลอรี/วัน การลดน้ำหนักไม่ใช่ทำเร็วทันใจ เช่น ลด 1 กก. ใน 2 วันได้ หากลดเร็วขนาดนี้ไม่ใช่ไขมันหายไป หากเป็นการเสียน้ำไป พอดื่มน้ำเข้าไปใหม่ก็จะหนักเท่าเดิม การคุมน้ำหนักต้องค่อยเป็นค่อยไป อดเลยก็ไม่ได้ เพราะอดอาหาร 1 – 2 วัน ก็จะหิวมากขึ้น พอหมดความอดทนก็ยิ่งกินมากกว่าเดิม ที่ถูก คือ กินวันละ 3 มื้อ แต่เป็นมื้อเล็กๆ
เมื่ออ้วนควรทำอย่างไร ?
     
1.ควบคุมอาหาร (Diet)
2.ออกกำลังกาย (Exercise)   
3.ปรับนิสัยให้เหมาะสม (Behavior modification)
ข้อที่ 3 ถือว่าสำคัญที่สุด เพราะจากการทดลองแบ่งคนไข้ออกเป็น 2 กลุ่ม ในระหว่างคอร์ส ลดน้ำหนัก ให้คุมอาหาร ร่วมกับการออกกำลังกาย ทั้ง 2 กลุ่ม แต่อีกกลุ่มหนึ่งเพิ่มการปรับพฤติกรรมด้วย พบว่า เมื่อจบการทดลอง 2 เดือน สามารถลดน้ำหนักได้เท่าๆ กันในคนไข้ทั้ง 2 กลุ่ม แต่หลังจากติดตามการรักษา 6 เดือน พบว่า กลุ่มที่ไม่เปลี่ยนนิสัย จะกลับมาเป็นโรคอ้วนอีกมากกว่าร้อยละ 80

ข้อมูลจาก : yourhealthyg

อัพเดทล่าสุด