ความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นในการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายกำลังเป็นสิ่งที่นิยมกันมากขึ้นในบ้านเรา แต่กระนั้นก็ดี การออกกำลังกายต้องทำอย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณได้ประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่ มิฉะนั้นแล้ว มันอาจจะเป็นความเสี่ยงอีกอย่างที่คุณไม่รู้ตัว ดังตัวอย่างของความเสี่ยงและความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นได้กับ Exercise lover ทั้งหลาย
1. การออกกำลังกายผิดหลักการหรือพัฒนาเร็วเกินไป ในหลายๆ คนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายแต่หักโหมมากเกินไปในระยะแรก อาจจะทำให้ร่างกายรับสภาวะนั้นไม่ได้ และอาจทำให้เกิดภาวะเหนื่อยจนเกินไปหรือเพิ่มปัจจัยความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ต่างๆได้ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณเพิ่งเริ่มต้นการออกกำลังกายแบบเบาๆเพื่อห่างกายมีการปรับสภาวะ ซึ่งโดยปกติจะมีเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ นอกจากนั้นแล้ว การให้ผู้เชี่ยวชาญในการออกกำลังกายเป็นผู้ดูแลจะเป็นประโยชน์มากในช่วงนี้ เพราะคุณจะต้องเรียนรู้ลักษณะท่าทางของการออกกำลังกายที่ถูกต้องและเหมาะสม กับตัวคุณจริงๆ
2. การไม่ใส่ใจหรือไม่เข้าใจต่อความสามารถของตัวเอง หลายคนเวลาที่ออกกำลังกาย อาจประเมินความสามารถของตัวเองผิดไป และอาจทำให้ตัวเองมีความเสี่ยงจากการออกกำลังกายได้เช่น คนที่มีอาการปวดหลัง ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือไม่ควรออกกำลังกายหนัก เพื่อเพิ่มความกดดันของหลังเป็นต้น เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่แน่ใจในการออกกำลังกาย ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด ถ้าลักษณะของการออกกำลังกายที่ถูกต้องเหมาะสมสำหรับตัวคุณ และคุณเป็นกลุ่มคนที่มีการบาดเจ็บซ้ำๆในจุดเดิมๆควรรักษาให้หายขาดก่อนที่จะ ออกกำลังกายต่อไป
3. การทานอาหารไม่เพียงพอ ในคนที่คิดว่าต้องการลดน้ำหนักด้วยการบริโภคอาหารน้อยๆ และออกกำลังกายมากๆ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเองเป็นอย่างมาก มันเป็นการเข้าใจผิด ถ้าคิดว่าการออกกำลังกายในขณะท้องว่างเป็นสิ่งดี เพราะในขณะที่คุณออกกำลังกาย คุณต้องการพลังงานจากสารอาหารอย่างพอเพียงเพื่อนำไปใช้ในการออกกำลังกาย ดังนั้นการทานอาหารเบาก่อนการออกกำลังกายซัก 30 นาทีจะเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งอาจจะเป็นแอปเปิ้ลซักลูก หรือขนมปังซัก 1-2 แผ่นก็ได้ เพื่อคุณจะได้ไม่สูญเสียพลังงานมากเกินไปขณะออกกำลังกาย เพราะฉะนั้น
• ทานอาหารในส่วนของคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีนเล็กน้อยก่อนการออกกำลังกายซัก 30 นาที
• ทานอาหารให้ครบแต่อย่าทานมากจนเกินไป
4. ขาดการทดสอบสมรรถภาพ เช่น การจัดโปรแกรม exercise คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจในการประเมินสมรรถภาพตัวเองก่อนการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นปัจจัยความเสี่ยงอย่างมาก เพราะในบางกรณีอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ ปัญหาบางอย่างอาจซ่อนเร้นไว้โดยที่คุณไม่รู้ตัวหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ การตรวจเช็คสุขภาพจึงมีความสำคัญมากในการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้ เพราะฉะนั้น คุณควรที่จะมีการตรวจสุขภาพก่อนการออกกำลังกาย เพื่อคุณจะได้มั่นใจว่าการออกกำลังกายนั้น จะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้น ไม่ใช่มีอายุที่สั้นลง
5. ขาดความสนใจในการออกกำลังกาย หลายๆคนทำกิจกรรมอื่นๆไปด้วยในช่วงเวลาของการออกกำลังกาย เช่น คุยโทรศัพท์หรือคุยกับเพื่อนขณะที่เดินหรือวิ่งบนลู่วิ่ง สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้สูงขึ้น และการบาดเจ็บในขณะออกกำลังกาย เป็นเหตุผลหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเราเลิกออกกำลังกาย เพราะฉะนั้น จะต้องมีความสนใจในขณะออกกำลังกาย รวมไปถึงกานตรวจเช็คอุปกรณ์ต่างๆที่คุณใช้ ว่าอยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่ การเพิ่มความสนใจในสิ่งเหล่านี้ จะสามารถป้องกันไม่ให้คุณเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะที่ออก กำลังกาย
6. การรับคำแนะนำที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่พบเห็นได้ง่ายๆเกี่ยวกับการออกกำลังกายใน gym จริงอยู่ที่การออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องยาก แต่การออกกำลังกายให้ถูกต้องเหมาะสมกับตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะนอกจากทำให้เราได้ประโยชน์จากการออกกำลังกายที่ถูกต้องแล้ว ยังเป็นการป้องกันการบาดเจ็บต่างๆได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่แน่ใจเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ควรปรึกษาขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์, นักกายภาพบำบัด หรือนักเวชศาสตร์การกีฬา ร่างกายของคนเรามีความแตกต่างกัน ดังนั้น รูปแบบการออกกำลังกายจึงจำเป็นต้องมีรูปแบบที่เหมาะสมกับเราที่สุด จึงจะได้ประโยชน์อย่างสูงสุด
7. อย่าออกกำลังกายเมื่อร่างกายไม่แข็งแรง เช่น ไอ, เป็นหวัด และอื่นๆ เราควรจะพักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อให้ร่างกายของเราดีขึ้น หายจากการไม่สบายแล้วค่อยๆกลับมาออกกำลังกายใหม่ เพราะการออกกำลังกายขณะที่เราไม่พร้อม นอกจากจะไม่ทำให้เกิดประโยชน์แล้ว อาจจะทำให้สุขภาพของผู้อื่นใน Gym เสียตามคุณไปด้วย เพราะฉะนั้น พักผ่อนอย่างน้อย 5-7 วัน แล้วค่อยกลับมาออกกำลังกายใหม่ก็ได้ แค่นี้ ก็จะทำให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงกลับคืนมาได้
ข้อมูลจาก : women.thaiza.com