สถิติการเป็นโรคหัวใจ โรคหัวใจเต้นผิดปกติ อาหารสําหรับคนเป็นโรคหัวใจ


1,328 ผู้ชม


สถิติการเป็นโรคหัวใจ  โรคหัวใจเต้นผิดปกติ อาหารสําหรับคนเป็นโรคหัวใจ

สถิติการเกิดโรคหัวใจ

สถิติการเกิดโรคหัวใจในผู้หญิงที่น่าตกใจ สตรีประกอบด้วย 60% ของหัวใจเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการโจมตีสหรัฐอเมริกาทุกปีและมีแนวโน้มที่จะตายจากโรคหัวใจมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงมักจะละเลยสัญญาณเตือนเริ่มต้นของการโจมตีหัวใจกำลังจะเกิดขึ้นเนื่องจากอาการมักจะคลุมเครือและสามารถคล้ายเงื่อนไขอื่น ๆ ดังนั้นผู้หญิงจะ apt ความล่าช้าในการได้รับการรักษาอาการของพวกเขาเพราะพวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงสัญญาณและไม่เข้าใจความเสี่ยงของพวกเขา

ในขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงเหมือนเดิมสำหรับทั้งชายและหญิง, หลักฐานที่น่าสนใจแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงตอบสนองแตกต่างกว่าผู้ชายเนื่องจากความเชื่ออุปาทานเกี่ยวกับโรคหัวใจและไม่แสวงหาการรักษาเป็นช่วงต้นของพวกเขาควรจะ ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะมีอายุมากกว่าและมีอุบัติการณ์ที่สูงขึ้นของความดันโลหิตสูงคอเลสเตอรอลสูงและระดับน้ำตาลในเลือด แต่จะมีโอกาสน้อยที่จะสูบบุหรี่ มุมมองของผู้หญิงโรคหัวใจเป็นโรคหลักของผู้ชายและไม่เคยพิจารณาว่าอาการของพวกเขาอาจจะเป็นโรคหัวใจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจมีผลกระทบร้ายแรงหัวใจวายควรเป็นผลตามมา

ผู้หญิงที่ทุกข์ทรมานหัวใจวายมีแนวโน้มที่จะมีประสบการณ์ไหล่และปวดท้องเป็นอาการคลื่นไส้ถี่ของลมหายใจและความเหนื่อยล้า เหล่านี้เป็นอาการที่ว่าผู้หญิงโดยทั่วไปจะไม่เชื่อมโยงกับการมีอาการหัวใจวาย พวกเขามักจะตำหนิอาการของพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งอื่นทั้งหมดปฏิเสธโอกาสตัวเองเพื่อความอยู่รอดสิ่งที่อาจเป็นหัวใจของเหตุการณ์การโจมตีทำลายล้าง นานก็จะได้รับการรักษาเครื่องดูดควันมีแนวโน้มมากขึ้นในการสนับสนุนให้เกิดความเสียหายมากขึ้นเพื่อกล้ามเนื้อหัวใจตัวเอง

ผู้หญิงที่มีรายงานหัวใจวายมีอาการในสัปดาห์ที่นำไปสู่​​อาการหัวใจวาย แต่ไม่เคยรู้จักความสัมพันธ์กับโรคหัวใจ, ใส่ตัวเองที่มีความเสี่ยงสำหรับการโจมตีครั้งที่สองภายในห้าปีหลังแรกอย่างใดอย่างหนึ่ง

มันเป็นความอยากรู้อยากเห็นที่จะทราบว่าหลังจากมาถึงที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลผู้หญิงอาจจะเผชิญกับความล่าช้าในการตรวจสอบว่าหัวใจวายได้เกิดขึ้นจริง EKG การทดสอบได้พบไม่ได้ที่จะสอดคล้องกับสิ่งที่จะถือว่าเป็นอาการคลาสสิกของการโจมตีในหัวใจจึงผู้หญิงมีโอกาสน้อยที่จะเข้ารับการรักษาที่หน่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้ผู้หญิงมีโอกาสน้อยที่จะได้รับการช่วยชีวิตยา thrombolytic อย่างรวดเร็วเป็นผู้ชายจึงสถิติผู้หญิงมีอัตราการมีคุณธรรมที่สูงขึ้นสำหรับโรคหัวใจมากกว่าผู้ชาย

อาการโรคหัวใจ 

ความเป็นจริงแล้วคำว่า"โรคหัวใจ"มีความหมายกว้างมาก   อาการที่เกิดจากโรคหัวใจหรือสัมพันธ์กับหัวใจนั้น มีไม่มากนัก ดังอาการ ข้างล่างนี้ แต่อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าวก็มิได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคหัวใจเท่านั้น ยังมีโรคอื่นๆที่ให้อาการคล้ายกัน ดังนั้นการที่ แพทย์จะพิจารณาให้การวินิจฉัยนั้น จำเป็นต้องอาศัยประวัติ อาการโดยละเอียด ร่วมกับการตรวจร่างกาย บางครั้งต้องอาศัยการ ตรวจพิเศษต่างๆ เช่น เลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์ เป็นต้น เพื่อแยกโรคต่างๆที่มีอาการคล้ายกัน

เจ็บหน้าอก

อวัยวะที่อยู่ในทรวงอกนอกจากหัวใจแล้วยังมี เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด เยื่อหุ้มปอด หลอดอาหาร หลอดเลือดแดงใหญ่ กระดูกหน้าอก กระดูกซี่โครง เต้านม กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก เมื่อมีการอักเสบหรือพยาธิสภาพของอวัยวะเหล่านี้ก็ทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก ได้ทั้งสิ้น แต่ลักษณะอาการอาจแตกต่างกัน

อาการต่อไปนี้เข้าได้กับอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด
1 เจ็บแน่นๆ อึดอัด บริเวณกลางหน้าอก อาจจะเป็นด้านซ้าย หรือ ทั้งสองด้าน (มักจะไม่เป็นด้านขวาด้านเดียว) บางรายจะร้าวไป ที่แขนซ้าย หรือ ทั้งสองข้าง หรือ จุกแน่นที่คอ บางรายเจ็บบริเวณกรามคล้ายเจ็บฟัน
2 อาการตามข้อ 1 เกิดขึ้นขณะออกกำลัง เช่น เดินเร็วๆ รีบ หรือ ขึ้นบันได วิ่ง โกรธโมโห อาการดังกล่าวจะดีขึ้นเมื่อหยุดออกกำลัง
3 ในบางรายที่อาการรุนแรง อาการแน่นหน้าอกอาจเกิดขึ้นในขณะพัก เช่น นั่ง หรือ นอน หรือ หลังอาหาร
4 กรณีที่เกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อาการจะรุนแรงมาก อาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก มาก เป็นลม (อาการเช่นนี้ยังพบได้ในโรคของหลอดเลือดแดงใหญ่ปริ ฉีก)

อาการต่อไปนี้ไม่เหมือนอาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจขาดเลือด
1 เจ็บแหลมๆคล้ายเข็มแทง เจ็บแปล๊บๆ เจ็บจุดเดียว กดเจ็บบริเวณหน้าอก
2 อาการเจ็บเกิดขึ้นในขณะพัก มีอาการนานเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน
3 อาการมากขึ้นเมื่อเปลี่ยนท่า หรือ ขยับตัว หรือ หายใจเข้าลึกๆ
4 อาการเจ็บร้าวขึ้นศีรษะ ปลายมือ ปลายเท้า
อาการตามข้อ 1,2 และ 3 อาจเกิดจากกระดูก กล้ามเนื้อหน้าอก เยื่อหุ้มปอดอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ

อย่างไรก็ตามการวินิจฉัยโรคหัวใจขาดเลือด นอกจากอาการเจ็บหน้าอกแล้ว ต้องอาศัยประวัติอื่นๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัย เสี่ยงต่างๆ ดังนั้นในผู้ป่วยบางรายที่อาการไม่เหมือนนัก แต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายข้อ ก็ควรได้รับการตรวจพิเศษเพิ่มเติมด้วย

หอบ เหนื่อยง่ายผิดปกติ

อาการหอบ เหนื่อยง่าย เวลาออกแรง เช่น เดิน วิ่ง ทำงาน มีสาเหตุมากมาย เช่น โลหิตจาง(ซีด) โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง โรคปอด ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคหัวใจ ภาวะหัวใจล้มเหลว (heart failure) แม้แต่ความวิตกกังวล หรือ โรคแพนิค ก็ทำให้เหนื่อยได้เช่นกัน อาการเหนื่อยง่ายจากโรคหัวใจ และ ภาวะหัวใจล้มเหลวนั้น จะเหนื่อย หอบ หายใจเร็ว โดยเป็นเวลาออกแรง แต่ในรายที่เป็นรุนแรง จะเหนื่อยในขณะพัก บางรายจะเหนื่อยมากจนนอนราบไม่ได้ (นอนแล้วจะเหนื่อย ไอ) ต้องนอนศีรษะสูงหรือ นั่งหลับ

คำว่าเหนื่อย หอบ ในความหมายของแพทย์หมายถึง อัตราการหายใจมากกว่าปกติ แต่ในความหมายของผู้ป่วยอาจรวมไปถึง อาการเหนื่อยเพลีย หมดแรง เหนื่อยใจ

อาการเหนื่อยแบบหมดแรง มือเท้าเย็นชา พูดก็เหนื่อย (โดยอัตราการหายใจปกติ) เหล่านี้มักจะไม่ใช่อาการเหนื่อยจากโรคหัวใจ

ใจสั่น

ใจสั่นในความหมายแพทย์หมายถึง การที่หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ผิดจังหวะ หรือ เต้นไม่สม่ำเสมอ เต้นๆหยุดๆ อาการดังกล่าวอาจพบ ได้ในคนปกติ  โรคหัวใจ และโรคอื่นๆที่มีผลต่อหัวใจ เช่น ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคปอด แพทย์จะซักประวัติละเอียดถึงลักษณะของ อาการใจสั่น เพื่อให้แน่ใจว่าเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่ บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยรู้สึก"ใจสั่น"โดยหัวใจเต้นปกติ

การตรวจวินิจฉัยกลุ่มอาการใจสั่นเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัก เนื่องจากผู้ป่วยมักมีอาการชั่วขณะ เมื่อมาพบแพทย์อาการดังกล่าว ก็หายไปแล้ว แพทย์จึงไม่สามารถให้การวินิจฉัยได้ว่าเกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่ ดังนั้นท่านควรศึกษาวิธีจับชีพจรตัวเอง เมื่อเกิดอาการ ว่าหัวใจเต้นกี่ครั้งในเวลา 1 นาที และสม่ำเสมอหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์ให้การวินิจฉัยได้รวดเร็วขึ้น

ขาบวม

อาการขาบวมเกิดจากการที่ร่างกายมีเกลือ(โซเดียม)และน้ำคั่งอยู่ในร่างกาย โดยอาจเกิดจากโรคไต (ขับเกลือไม่ได้) โรคหลอด เลือดดำอุดตัน (การไหลเวียนไม่สะดวก) ขาดอาหาร โปรตีนในเลือดต่ำ โรคตับ ยาและฮอร์โมนบางชนิด โรคหัวใจ หรือ ในบางราย ไม่พบสาเหตุ (idiopathic edema) การบวมในผู้ป่วยโรคหัวใจเกิดจากการที่หัวใจด้านขวาทำงานลดลง เลือดจากขาไม่สามารถ ไหลเทเข้าหัวใจด้านขวาได้โดยสะดวก จึงมีเลือดค้างอยู่ที่ขามากขึ้น โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรังก็ให้อาการเช่นนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อมีอาการขาบวม แพทย์จำเป็นต้องตรวจหลายระบบ เพื่อหาสาเหตุ จึงให้การรักษาได้ถูกต้อง

เป็นลม วูบ

คำว่า "วูบ" นี้เป็นปัญหาในการซักประวัติอย่างมาก เนื่องจากในภาษาไทยคำนี้มีความหมายต่างๆกัน แต่ในความหมายของแพทย์แล้ว จะตรงกับภาษาอังกฤษว่า syncope หมายถึง การหมดสติ หรือ เกือบหมดสติ ชั่วขณะ โดยอาจรู้สึกหน้ามืด จะเป็นลม ตาลาย มองไม่เห็นภาพชัดเจน โดยอาการเป็นอยู่ชั่วขณะ ไม่รวมถึงอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน โคลงเครง วูบวาบตามตัว หายใจไม่ออก อาการดังกล่าวอาจเกิดจาก ความผิดปกติของสมอง เช่น ลมชัก (แม้จะไม่ชักให้เห็น) เลือดออกในสมอง ความผิดปกติของหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง หรือหยุดเต้นชั่วขณะ หรือ ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมหัวใจ นอกจากนั้นแล้ว "วูบ" ยังอาจพบได้ในคนปกติที่ขาดน้ำ เสียเลือด ท้องเสีย ไม่สบาย ขาดการออกกำลังกาย ยาลดความดันโลหิต

ข้อมูล : https://www.thaimemos.com

           https://www.thaiheartweb.com

อัพเดทล่าสุด