สาเหตุอาการปวดท้องมดลูกอักเสบตกขาว มดลูกอักเสบอาการเป็นอย่างไร อาการมดลูกอักเสบ


10,334 ผู้ชม


สาเหตุอาการปวดท้องมดลูกอักเสบตกขาว มดลูกอักเสบอาการเป็นอย่างไร อาการมดลูกอักเสบ

มดลูกอักเสบ (Endometritis) หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุภายในโพรงมดลูกโรคนี้เป็นโรคที่พบได้บ่อยในหญิงวัยเจริญพันธุ์ (15-45 ปี) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผ่านช่องคลอดเข้าไปทางปากมดลูก ขึ้นไปในโพรงมดลูก (ทำให้มดลูกอักเสบ) และถ้าหากลุกลามต่อไปในท่อรังไข่ ก็ทำให้กลายเป็นปีกมดลูกอักเสบ มักจะเรียกรวมๆ กันว่า "อุ้งเชิงกรานอักเสบ" (Pelvic inflammatory disease/PID) ซึ่งครอบคลุมถึงการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก ท่อรังไข่ รังไข่ และเยื่อบุช่องท้องภายในอุ้งเชิงกราน โรคนี้พบบ่อยในผู้หญิงที่มีสามีชอบเที่ยว หรือมีเพศสัมพันธ์เสรี ภายหลังคลอดบุตร แท้งบุตร ขูดมดลูก ใส่ห่วงคุมกำเนิด หรือชอบสวนล้างช่องคลอด

สาเหตุ

1.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบบ่อยก็คือ หนองใน (208) ที่ติดจากสามี หรือผู้ชายที่มีประวัติชอบเที่ยว หรือมีเพศสัมพันธ์เสรี (สำส่อนทางเพศ) บางครั้งก็อาจเกิดจากเชื้อคลามีเดียทราโคมาติส(Chlamydia trachomatis)
  
2.การติดเชื้อหลังคลอด (Puerperal infection) อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่เป็นปกติวิสัยในช่องคลอด (เช่น เชื้อสเตรปโตค็อกคัส, สแตฟฟีโลค็อกคัส) ระหว่างคลอดมีปัจจัย (เช่น ภาวะโลหิตจาง, ภาวะถุงน้ำแตกรั่วอยู่นาน, การคลอดยาก, การบาดเจ็บ, ภาวะตกเลือดหลังคลอด, เศษรกค้าง, ภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น) กระตุ้นให้เชื้อเหล่านี้เจริญขึ้นจนเป็นโรค หรือไม่ก็อาจแปดเปื้อนเชื้อจากภายนอกช่องคลอด เข้าไปในช่องคลอดและมดลูก ทำให้เกิดมดลูกอักเสบได้ มักเกิดมีอาการหลังคลอด 24 ชั่วโมง
  
3.การทำแท้ง หากไม่สะอาดมักทำให้มีเชื้อโรคเข้าในมดลูก เกิดการอักเสบขึ้นได้ เรียกว่า “การแท้งติดเชื้อ” มักมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดท้องน้อย ตกขาวออกเป็นหนอง มีกลิ่นเหม็น อาจมีอาการปวดหลังคลื่นไส้ อาเจียน อาจมีประจำเดือนออกมาก และมีกลิ่นเหม็นในรายที่เกิดจากการติดเชื้อหนองใน อาจมีอาการขัดเบา ปัสสาวะปวดแสบขัดร่วมด้วย ถ้าเป็นการติดเชื้อหลังคลอด มักเกิดหลังคลอด 24 ชั่วโมง น้ำคาวปลาอาจออกน้อย หรืออาจออกมากและมีกลิ่นเหม็น ถ้าเกิดจากการทำแท้ง จะมีอาการแบบแท้งบุตรร่วมด้วย คือ ปวดบิดท้องเป็นพัก ๆ และมีเลือดออกจากช่องคลอดร่วมด้วย
สิ่งตรวจพบ

ไข้สูง กดเจ็บมากตรงบริเวณท้องน้อยทั้ง 2 ข้าง (บางรายอาจเจ็บข้างเดียว) อาจได้กลิ่นของตกขาว เลือดประจำเดือน หรือน้ำคาวปลา อาจพบอาการซีด หรือภาวะช็อก

อาการแทรกซ้อน

อาจทำให้เกิดเป็นฝีในรังไข่ หรือท่อรังไข่ ซึ่งจะทำให้เป็นแผลเป็นจนกลายเป็นหมันได้ และมีโอกาสเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก มากกว่าปกติ บางคนอาจมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง และเจ็บปวดเวลาร่วมเพศนอกจากนี้ในบางรายเชื้อโรคอาจลุกลาม จนทำให้เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ถ้ารุนแรงอาจกลายเป็นโลหิตเป็นพิษ ถึงตายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเกิดจากการทำแท้ง

การรักษา

ผู้หญิงที่มีไข้สูง ปวดและกดเจ็บตรงท้องน้อย ควรส่งโรงพยาบาลด่วน เพื่อตรวจหาสาเหตุด้วยการตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ, นำหนองในช่องคลอดไปตรวจหาเชื้อ รวมทั้งอาจทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ(เช่น อัลตราซาวนด์) การรักษา ผู้ป่วยอาจต้องพักรักษาในโรงพยาบาล ให้การรักษาตามอาการ (เช่นให้น้ำเกลือ ให้เลือดถ้าซีด) และให้ยาปฏิชีวนะตามเชื้อที่ก่อโรคในรายที่เป็นปีกมดลูกอักเสบเฉียบพลัน จะให้ยาปฏิชีวนะที่สามารถครอบคลุมเชื้อหนองใน และเชื้อคลามีเดีย

ข้อแนะนำ

  
1.ผู้ป่วยควรงดการร่วมเพศนาน 3-4 สัปดาห์
  
2.ผู้ป่วยที่ใส่ห่วงคุมกำเนิด ควรเอาห่วงออก และแนะนำให้คุมกำเนิดโดยวิธีอื่นแทน
  
3.ถ้าเกิดจากเชื้อหนองใน ต้องรักษาสามีพร้อมกันไปด้วย
  
4.โรคนี้อาจแสดงอาการภายหลังการมีประจำเดือน ซึ่งอาการมีไข้หลังมีประจำเดือน
ตกขาวที่ไม่ปกติ

ก็คือ ตกขาวที่ตรงข้ามกับตกขาวปกติ กล่าวคือ มีปริมาณมาก บางครั้งไหลโจ๊กยังกะมีรอบเดือนยังไงยังงั้น มีกลิ่นเหม็น ลักษณะอาจเป็นหนอง มูกปนหนอง ปนเลือด มีฟอง และมักมีอาการอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น คัน แสบ ออกร้อนที่บริเวณปากช่องคลอด หรือมีปวดท้องน้อยร่วมด้วยก็ได้

ต้นเหตุที่ทำให้ตกขาวผิดปกติ ที่พบบ่อย 3 อันดับแรกคือ

•จากเชื้อแบคทีเรีย (bacterial vaginosis) พบได้ร้อยละ 30-35
  
•จากเชื้อรา, ยีสต์ (vulvovaginal candidiasis) พบได้ร้อยละ 20-25
  
•จากเชื้อพยาธิ trichomoniasis พบได้ร้อยละ 10
ในจำนวนนี้มีผู้ป่วยที่พบเชื้อสองชนิดหรือมากว่าสองชนิด อยู่ร้อยละ 15-20 เรียกว่า ได้หนึ่งแถมหนึ่งว่างั้นเถอะ
เชื้อ 3 ตัวนี้พบร้อยละ 90 ของผู้ป่วยตกขาวผิดปกติ

สาเหตุของการตกขาวผิดปกติ แบ่งตามตำแหน่งที่เกิดคือ

1.ช่องคลอดอักเสบ ที่พบบ่อยคือ - แบคทีเรีย (bacterial vaginosis)
    
•เชื้อพยาธิ (trichomonas)
  
•เชื้อรา (candida)
  
•เชื้อไวรัส เช่น โรคเริม
  
•เชื้อแบคทีเรียอื่นๆ
  
2.ปากมดลูกอักเสบ - การติดเชื้อหนองใน
    
•การติดเชื้อคลามิเดีย
  
•การติดเชื้อเริม
  
3.ปากมดลูกมีแผล, เป็นเนื้องอก
  
4.สิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด เช่น เศษกระดาษทิชชู, สำสี, ผ้าก็อซ, เมล็ดผลไม้, ถุงยางอนามัย เป็นต้น
  
5.เนื้องอกและมะเร็งมดลูก, ปากมดลูก ซึ่งตกขาวจะมีกลิ่นเหม็นมาก
  
6.สตรีวัยหมดระดู ขาดฮอร์โมน ก็ทำให้เกิดช่องคลอดแห้งอักเสบ มีตกขาวได้ ในวัยเจริญพันธุ์ มักเกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
 
แหล่งข้อมูล : www.bangkokhealth.com

อัพเดทล่าสุด