คางทูม เขียนเสือ - เป็น คางทูม ให้ เขียน เสือ หายจริงเหรอ !!


843 ผู้ชม


เป็น คางทูม ให้ เขียน เสือ จริงเหรอ !!

    

  เขียนเสือรักษาโรคคางทูม

              ใน คืนวันหนึ่ง การนอนหลับอย่างฝันหวานของผมก็ต้องถูกทำลายอย่างหมดหวังที่จะกลับกู้คืนมา ได้เมื่อเกิดอาการเจ็บปวดขึ้นอย่างรุนเเรงที่เเก้มข้างขวา  เเรกทีเดียวนึกว่าถูกเเมลงต่อยเข้าเเล้วเเต่เมื่อส่องกระจกเงาดูพบว่าเเก้ม ของผมบวมไปแล้วครึ่งหนึ่งโดยเฉพาะบริเวณกามเเต่ก็หาร่องรอยการถูกกัดต่อยไม่ พบ  คืนนั้นทั้งคืนผมนอนไม่หลับอีกเลย  ผมทนกับอาการเจ็บปวดจนถึงเช้า เมื่อพ่อเเละเเม่เห็นอาการบวมที่เเก้มก็ถามว่าไปโดนอะไรมาเมื่อวานไม่เห็น เป็น  ผมก็ตอบท่านไปว่า "ก็ไม่รู้เหมือนกัน  เเต่มันปวดมาก" พ่อกับเเม่จึงพาผมไปหาหมอ หมอท่านนั้นเป็นที่มีชื่อเสียงมากที่เดียวในจังหวัดสระบุรีเนื่องจากหมอ รักษามานาน เมื่อหมอเห็นอาการของผมก็รู้ทันทีว่าผมเป็นอะไร หมอบอกผมว่า "หนูเป็นโรคคางทูมนะ รักษาไม่หายหรอก" พอหมอพูดเสร็จผมใจหายไปวูปหนึ่ง  เเล้วหมอก็พูดต่อไปว่า "ที่จริงอาการของโรคคางทูมที่เราเป็นอยู่ก็เหมือนกับเป็นโรคหวัดที่ตอนนี้ ยังไม่มียารักษา มีเเต่ยาที่บรรเทาอาการตามที่เป็น เช่น บางคนเป็นหวัดเเล้วน้ำมูกใหลก็ให้ยาลดน้ำมูกไปทาน โรคคามทูมก็เหมือนกัน" หมอพูดเสร็จอาการโล่งใจเกิดขึ้นมาทันทีเลย  "หมอกำลังจะบอกผมว่าโรคคางทูมมันจะหายไปเองใช่ใหมครับ" ผมถามหมออย่างอยากรู้อยากเห็น "ใช่เเล้ว ปล่อยไว้เดี๋ยวมันก็หายไปเอง หมอเห็นว่าคงไม่เกิน ๑๐ วันหรอก" หมอบอกผมอย่างอารมณ์ดี เเต่ผมสิหนักใจ "ตั้ง ๑๐ วันเเนะหมอ ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่ารอเเล้วหรอกหมอ"ผมถามอย่างเอาจริงเอาจัง "จะเอายังไงล่ะ พ่อหนุ่ม ก็ตอนนี้ทางการเเพทย์ยังไม่มียารักษาแล้วจะให้หมอทำยังไงล่ะ " ใบหน้าของผมเเสดงอาการเศร้าใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดถึงเเม้ว่าเเก้มของผมมัน จะบวมจนดูตลกมากว่าที่จะน่าสงสาร หมอคงรับรู้ความรู้สึกนั้นของผมได้ หมอก็พูดออกมา "นี้อย่าหาว่าหมองมงายเลยนะ ที่จริงมันก็อีกวิธีหนึ่งที่น่าจะรักษาได้ ใครๆเขาก็ไปรักษาด้วยวิธีนี้ทั้งนั้น พ่อหนุ่มจะไปรักษาวิธีนั้นมั๊ย" ผมออกอาการงงเล็กน้อยเเต่เเววตาของผมมันก็เป็นประกายตอบรับออกมาเเล้วว่าถ้า มันรักษาหายหมอก็บอกผมมาเถอะ  หมอเห็นตาของผมเเล้วก็เลยพูดต่อไปว่า "รู้จักเขียนเสือใหม"  "เขียนเสือหมอหมายถึงสำนวนไทยนะหรอ"ผมตอบ "ไม่ใช่ หมอหมายถึงการรักษาเเบบหมอพื้นบ้านของไทยโบราณที่รักษาแบบใช้คาถากำกับนะ" ผมตำนิหมออยู่ในใจ นี้หมอจะให้ผมไปรักาด้วยวิธีการเเบบนั้นจริงๆนะหรอ หรือว่าที่หมอรักษาคนไข้หายมาหลายคนหมอใช้คาถารักษาแทนการจ่ายยา  ผมเพียงเเต่รับฟังหมออย่างขุ่นเคืองนิดๆ "คือที่จริงหมอเห็นว่าคนที่ไปรักษาวิธีการนี้เขาก็หายไปหลายคนนะ หมอเลยบอกเราเพื่อเราจะลองดู" ผมผยักหน้ารับความหวังดีของหมอแต่ภายในใจ "เรื่องอะไรจะไปรักษาเเบบนั้น ๑๐ วันก็ ๑๐ วันว่ะ " ผมทนอาการเจ็บปวดที่เเก้มไปได้หลายวัน  เเต่อาการปวดบวมที่เเก้มมันไม่เคยหายไปเเล้วทุกๆวันมันก็ปวดมากขึ้นไปอีกบวม มากขึ้นไปอีก ผมเริ่มถามเพื่อนผมหลายๆคนที่โรงเรียนว่าเคยเป็นเเบบนี้บ้างรึป่าว เพื่อนหลายๆคนให้คำตอบว่า เคยเเล้วตอนที่รักษาก็ไปให้คนเฒ่าคนเเก่ที่มีวิชาอาคมติดตัวรักษาให้ เพื่อนมันบอกผมว่า เป็นได้เเค่สองวันก็ไปให้เขาทำให้เลยเเล้วก็หาย  ไม่เคยมีใครเป็นนานเท่าผมเลยสักคนเดียว  ผมทนจนถึงวันที่ ๗ ผมคิดว่าผมทนความเจ็บปวดนี้ต่อไปไม่ใหวเเล้วเเก้มของผมมันปวดจนชาไปหมด ผมบอกกับพ่อผมว่า พอจะพาผมไปหาคนที่มีวิชาพอที่จะรักษาโรคคางทูมได้มั๊ย พ่อจัดการพาผมไปหาพ่อเฒ่าคนหนึ่ง ที่จริงเเกก็เป็นคนเเถวบ้านนั้นเเหละ เป็นญาติกันอีกด้วย  เเกบอกว่ารักษาได้สบายมาก ถ้ามาเร็วกว่านี้แก้มของผมก็คงไม่บวมมากขนาดนี้หรอก แกว่าอย่างนั้น ว่าเเล้วเเกก็เดินกับเข้าบ้านไปเตรียมอุปกรณ์สำหรับรักษา พอเเกเตรียมเสร็จ เเกเดินออกมาพร้อมอุปกรณ์การรักษาที่เเตกต่างออกไปจากหมอในโรงบาลมาก เเกมีเพียงปูนเเดงที่ไว้ใช้กินหมาก เหล้าขาว ใบพลู   พอแกมาถึงแกก็สั่งให้ผมนั่งลงเเล้วพนมมือ เเกเอามือของเเกจิ้มลงไปที่ปูนเเดงเเล้วมาจิ้มลงบนเเก้มที่บวม   พยายามหาจุดที่ผมปวดที่สุดเมื่อพบเเล้ว ปากของเเก่ก็ท่องคาถาอะไรสักอย่างนิ้วของเเกก็วนไปวนมาบนแก้มของผม แกทำอย่างนั้นอยู่สักพัก พอแกท่องคาถาเสร็จก็เป่าคาถาลงบนเเก้มของผม  ผมรู้สึกเย็นที่เเก้มอย่างมากโดยเฉพาะตรงที่ปวด เเล้วเเกถามผมว่าเย็นใหม ถ้าเย็นก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกพรุ่งนี้หาย น่าเเปลกใจตรงที่ผมรู้สึกว่าแก้มของผมมันลดอาการปวดลง ทั้งๆที่ตลอดเวลามันมีทีท่าว่าจะปวดมายิ่งขึ้นไปอีก  ผมคิดเอาเองว่าผมคงคิดไปเองมันไม่มีอะไรหรอกก็ปวดเหมือนเดินนั้นเเหละ ขณะที่ในใจก็เเอบยิ้มนิดๆว่า "กูหายเเล้วโว้ย" นั้นเเหละในคืนนั้นทั้งคืนผมฝันดี ผมฝันไปว่าเเก้มที่ปวดบวมของผมมันค่อยๆหายปวดลงเเละลดขนาดลงจนหายไปเป็น เหมือนเดิม ตื่นขึ้นมาสิ่งที่เเปลกปลาดก็เกิดขึ้นกับตัวผม   ในขณะที่ผมแปรงฟัน สายตาของผมจ้องมองไปยังกระจก ผมเห็นเงาของตัวเองที่เเก้มไม่บวม โอ้ว!! มันหายไปแล้ว เหมือนในฝันเลย ผมบอกกับตัวเองอย่างดีใจ   ผมไปโรงเรียนอย่างมีความสุขท่ามกลางความมึนงงของเพื่อนๆว่าอะไรมันจะหายเร็ว ขนาดนั้น   อาจการของโรคคางทูมก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับผมอีกเลย  จากวันนั้นถึงวันนี้ผมก็ยังไม่ทราบเเน่ชัดว่าการหายจากโรคคามทูมในครั้งนั้น มันเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร

๑. มันเกิดจากโรคมันครบกำหนดหายของมันพอดี มันก็เลยหาย

๒.มันหายเพราะคาถาของพ่อเฒ่าที่ท่องมนต์ใส่

๓.การหายจากโรคคางทูมมันเกิดจากทั้งสองอย่างพร้อมกัน คือ โรคมันครบกำหนดหาย กับ การรักษาโดยคาถาของพ่อเฒ่าคนนั้น

       เรื่องนี้ใครรู้ช่วยให้คำตอบกับผมที ผมเองก็อยากทราบเหมือนกัน ว่าผมเองนั้นหายจากโรคคางทูมได้อย่างไร

ที่มา  www.oknation.net

อัพเดทล่าสุด