โรคคางทูมเกิดจาก อะไร และ โรคคางทูม การติดต่อ ได้อย่างไร


982 ผู้ชม


โรคคางทูมเป็นโรคติดต่อเกิดจากการติดเชื้อไวรัสมีลักษณะคือ ไข้ ต่อมน้ำลายอักเสบ และบางครั้งอาจจะมีตับอ่อนอักเสบ สำหรับผู้ชายอาจจะมีอัณฑะอักเสบ ผู้หญิงอาจจะมีรังไข่อักเสบ นอกจากนั้นอาจจะมีเยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ

เชื้อที่เป็นสาเหตุ

เป็นเชื้อ RNA ไวรัสในกลุ่ม paramyxovirus

การติดต่อ

ติดต่อกันได้โดย น้ำลาย และเสมหะ มักพบในเด็ก อายุ 5-10 ปีโรคนี้อาจไม่แสดงอาการ เชื้อไวรัสออกทางน้ำลายของผู้ป่วยประมาณ 6 วันก่อนมีคางทูม และออกอยู่ได้นาน 2 สัปดาห์หลังจากนั้น ในผู้ป่วยที่เป็นอัณฑะอักเสบ หรือสมองอักเสบ ก็สามารถพบเชื้อในน้ำลายได้ เมื่อเป็นแล้วจะมีภูมิคุ้มกันตลอดไป

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากได้รับเชื้อ 7-23 วัน

  1. ต่อมน้ำลายอักเสบ มักมีไข้นำมาก่อน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร วันต่อมาจึงมีการอักเสบของต่อมน้ำลาย ที่พบบ่อยที่สุดคือต่อม parotid ซึ่งจะบวมโต ผิวหนังเหนือต่อมมักแดง และร้อน เมื่อกดดูมีลักษณะคล้ายเยลลี่ อาการบวมจะเริ่มจากหน้าใบหนู บวมมาหลังใบหนู และลงมาคลุมขากรรไกร บางรายบวมมากจนมีอาการบวมลงมาถึงส่วนหน้าอก ส่วนใหญ่มักเป็นสองข้าง ข้างที่สองมักเป็นหลังข้างแรก 4-5 วัน การบวมมักไม่เกิน 7 วันผู้ป่วยจะมีอาการปวดเวลาพูด กลืน หรือเคี้ยว โดยเฉพาะอาหารรสเปรี้ยวจะทำให้ปวดมาก

  2. อัณฑะอักเสบ Orchitis มักเกิดหลังต่อมน้ำลาย 4-10 วันหรือบางรายอาจไม่มีการอักเสบของต่อมน้ำลาย และมักเป็นข้างเดียว ผู้ป่วยจะมีอาการปวดอัณฑะ บวม กดเจ็บ

  3. ตับอ่อนอักเสบ pancreatitis เป็นภาวะที่รุนแรง ผุ้ป่วยจะปวดท้องส่วนบน อาเจียน กดเจ็บบริเวณลิ้มปี่

  4. คางทูมกับสมอง อาจจะทำให้เกิด สมองอัเสบ encephalitis ผู้ป่วยจะมีไข้ ปวดศีรษะ และซึมลง บางรายเกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ meningitis ผู้ป่วยอาจมีไข้ ปวดศีรษะ คอแข็ง หลังแข็ง  มักเป็นหลังต่อมน้ำลายอักเสบ 3-7 วัน


การรักษา

  1. ต่อมน้ำลายอักเสบ ให้รักษาความสะอาดในช่องปาก ถ้าปวดมากให้ยาแก้ปวด

  2. อัณฑะอักเสบ ให้นอนพัก และยาแก้ปวด

  3. เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และสมองอักเสบ ไม่มีการรักษาเฉพาะ

การป้องกัน

โดยการฉีดวัคซีน MMR

ควรไปพบแพทย์เมื่อไร

  • วัดไข้ได้มากกว่า 38.5ํ C

  • ปวดอัณฑะ และอัณฑะบวม

  • ปวดท้อง

  • ปวดศีรษะ และซึมลง

ที่มา  www.siamhealth.net

อัพเดทล่าสุด