คุณแม่จะได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเตรียมตัวคลอด จะทราบได้อย่างไรว่าใกล้คลอด ? เมื่อมาฝากครรภ์คุณแม่จะได้รับ แจ้งเกี่ยวกับกำหนดวันคลอด ซ่ึงอาจคลาดเคลื่อนจากกำหนดจริง ประมาณ 2 สัปดาห์ และอาจมีอาการแสดงว่าใกล้คลอดล่วงหน้า ซึ่งคุณแม่สามารถสังเกตได้เอง คือ 1. ท้องลดและปัสสาวะบ่อย สาเหตุเกิดจากส่วนนำหรือศีรษะของลูกน้อยเคลื่อนลงสู่ช่องเชิงกราน คุณแม่จะรู้สึกว่าหายใจสะดวกขึ้น แต่กระเพาะปัสสาวะจะถูกกดเบียด ทำให้ความจุน้อยลง คุณแม่จึงเกิดความรู้สึกอยากถ่ายปัสสาวะบ่อยขึ้น 2. อาการเจ็บครรภ์เตือน ในระยะใกล้คลอด มดลูกจะมีการหดรัดตัวจนคุณแม่รู้สึกได้ แต่ในระยะแรกๆจะไม่รุนแรง และไม่สม่ำเสมอ อาการนี้จะหายไปเมื่อทำกิจกรรมอื่น ข้อควรระวัง ควรงดร่วมเพศโดยเฉพาะในระยะ 2 สัปดาห์ ใกล้คลอด และควรรีบมาโรงพยาบาลเมื่อพบสิ่งผิดปกติต่อไปนี้ ลูกดิ้นน้อยลงหรือไม่ดิ้น หรือดิ้นรุนแรงแล้วหยุดดิ้น ถุงน้ำคร่ำแตกหรือรั่ว สังเกตได้จากมีน้ำใสๆ ไม่ใช่มูกหรือปัสสาวะไหลออกมาทางช่องคลอดและอาจมี หรือไม่มีอาการเจ็บครรภ์ร่วมด้วย คุณแม่ควรมาคลอดเมื่อไร ? แม้ว่ายังไม่ถึงกำหนดคลอดก็ตาม แต่เมื่อใดที่คุณแม่มีอาการเหล่านี้ ควรเตรียมตัวมาคลอดทันที 1. มีอาการเจ็บครรภ์จริง • ปวดบริเวณหลังหรือบั้นเอว ร้าวมาทางหน้าท้อง และลงไปถึงต้นขา ขณะที่มีการหดรัดตัวของมดลูก • มดลูกหดรัดตัวสม่ำเสมอ ถี่ขึ้น ยาวนานขึ้นและแรงขึ้น แม้ว่าจะเปลี่ยนท่าทาง นอนพัก ลุกเดินหรือทำงาน อาการดังกล่าวก็ยังคงอยู่และเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ เช่น ในระยะแรกอาจหดรัดตัวทุก 30 นาที นาน 10-15 วินาที ในระยะต่อมาหดรัดตัวถี่ขึ้นเป็นทุก 10 - 15 นาที นาน 20 - 30 วินาที เป็นต้น 2. มีมูกหรือมูกเลือดออกมาทางช่องคลอด เนื่องจากปากมดลูกเริ่มมีการเปิดขยาย 3. มีน้ำคร่ำไหลออกมาทางช่องคลอด ที่เรียกว่า " น้ำเดิน " เนื่องจากถุงน้ำคร่ำแตกหรือรั่ว ข้อควรปฏิบัติสำหรับคุณแม่เมื่อเริ่มเข้าสู่ระยะคลอด • จดจำเวลาเริ่มเจ็บครรภ์จริง มีมูกหรือมูกเลือดออก และเวลาที่น้ำเดิน • สังเกตลักษณะและจำนวนน้ำคร่ำ • ทำความสะอาดร่างกาย(อาบน้ำและสระผม) • เตรียมบัตรประจำตัวผู้รับบริการ สมุดฝากครรภ์และของเครื่องใช้ที่จำเป็นมาโรงพยาบาล • งดน้ำและอาหารถ้ามารดาเคยได้รับ การผ่าท้องคลอด |
ที่มา www.sk-hospital.com |