อาการ เท้าบวมน้ํา ตาเหลืองเท้าบวมหน้าบวม เป็นดีซ่านหรือไหม (คำตอบจากหมอ)


1,847 ผู้ชม


ดีซ่าน : ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลือง
 
“คุณหมอครับ หมู่นี้มีคนเขาทักว่าตาผมเหลืองหลายคนแล้ว ไม่ทราบว่าจะเป็นโรคดีซ่านหรือเปล่าครับ ?”
“ลองเล่าให้หมอฟังซิว่า มีอาการผิดปกติอะไรบ้าง ?”
“ก็รู้สึกสบายดีเหมือนปกติธรรมดาแหละครับ”
“อ่อนเพลีย, เบื่ออาหารไหม ?”
“ ไม่ครับ”
“ปัสสาวะสีอะไร ?”
“สีเหลือง ครับ”
“เหลืองเหมือนอะไร เหมือนสีน้ำชา หรือสีขมิ้น ?”
“เหมือนสีน้ำชาครับ”
“ปัสสาวะเหลืองทุกครั้งเลยหรือเปล่า”
“บางครั้งก็เหลือง บางครั้งก็ใส”
“เอา ละ มายืนตรงริมหน้าต่าง แดดสว่างๆตรงนี้ เอ้า! เหลือกตามองลงไปปลายเท้าซิ หมอขอเลิกเปลือกตาบน จนได้เห็นตาขาวชัด ๆ หน่อย .....ตาขาวของคุณก็ดูไม่เหลืองเลยนี่ คุณคงไม่มีอาการดีซ่านหรอกนะ”
“คุณหมอครับ ดีซ่านนี่จะมีอาการอะไรบ้างครับ ?”
“ก็ ต้องมีอาการตาเหลือง (ดูรูปที่ 1) คือ ถ้าตรวจดูตาขาวในที่ ๆ มีแดดสว่าง ๆ จะเห็นเป็นสีเหลือง แล้วก็มีอาการตัวเหลืองเหมือนย้อมด้วยขมิ้น (รูปที่ 3) จะเหลืองมากเหลืองน้อยก็แล้วแต่จะเป็นมากหรือน้อย นอกจากนี้ปัสสาวะจะต้องมีสีเหลืองเหมือนขมิ้น และจะเหลืองทุกครั้งที่ปัสสาวะ อย่างที่คุณตาไม่เหลืองแบบสีน้ำชาเป็นบางครั้งอย่างนี้ ก็ไม่เรียกว่า เป็นดีซ่านหรอกครับ”
“ถ้าเป็นดีซ่าน จะเป็นอันตรายไหมครับ ?”
“ความ จริง ดีซ่าน นี่ หมอเราถือว่าเป็นอาการของโรค ไม่ใช่ชื่อโรค หมายถึง อาการตาเหลืองตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเหมือนขมิ้นนั่นเอง มันมีสาเหตุหลาย ๆ อย่างด้วยกัน เช่น อาจเกิดจากโรคทางเลือด ได้แก่ โรคธาลัสซีเมีย โรคเม็ดเลือดแดงแตกง่าย ก็ได้ โรคทางตับ เช่น ตับอักเสบ ตับแข็ง ก็ได้ หรือโรคติดเชื้อ เช่น มาล้เรีย ทัยฟอยด์ ก็ได้ คนที่มีอาการดีซ่านจะมีอันตรายหรือไม่ ก็สุดแต่สาเหตุและความรุนแรงของโรค
“ถ้าเช่นนั้น คนที่เป็นดีซ่าน ควรจะหาหมอทุกคนเลยใช่ไหม ?”
“ถ้า มีหมออยู่ใกล้ ๆ ก็ควรจะแวะไปปรึกษาดูก็ดี แต่ถ้าไม่มีหมออยู่ใกล้บ้าน หรือมีความลำบากในการเดินทางไปหาหมอ ก็ให้สังเกตอาการดังนี้ :-
ถ้า มีอาการดีซ่านร่วมกับมีไข้ ตัวร้อน หนาวสั่น หน้าซีด มือซีด เปลือกตาซีด ปวดท้องมาก อาเจียนมาก กินไม่ได้ เท้าบวม หรือซูบผอมลงมาก อย่างหนึ่งอย่างใดก็ควรไปหาหมอ เพราะอาจเป็นโรคร้ายแรงได้แต่ถ้ามีอาการดีซ่าน แต่ยังกินข้าวได้ ตัวไม่ร้อน ไม่ซีด ไม่บวม ไม่ซูบผอมมาก ไม่มีอาการปวดท้องหรืออาเจียนมาก อาจมีเพียงอาการท้องอืดท้องเฟ้อหรือแน่น ๆ ชายโครงข้างขวาบ้างเล็กน้อย แบบนี้ก็ให้ดูแลรักษาเอง โยการพักผ่อนให้เต็มที่ ห้ามทำงานหนัก ดื่มน้ำและน้ำหวานให้มาก ๆ เข้าไว้ อย่ากินอาหารมัน ๆ ควรหยุดงานหรือหยุดเรียนสักเดือนหรือครึ่งเดือน”
“แล้วไม่ต้องกินยาฉีดยาอะไรหรือครับ”
“ไม่ ต้องกินยาอะไรทั้งสิ้น อาการดีซ่านอย่างหลังนี้มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสลงตับ หรือที่หมอเรียกว่า “โรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส ” นั่นแหละ คนที่มีอาการดีซ่าน 10 คน จะมีสาเหตุมาจากโรคนี้เสีย 7-8 คน ที่ชาวบ้านเราเรียกว่า “โรคดีซ่าน” ก็หมายถึง โรคนี้นั่นเอง”
“การที่มีเชื้อไวรัสลงตับ ไม่ต้องกินยาไปฆ่ามันหรือครับ?”
“ขณะ นี้ยังไม่มียาอะไรที่จะไปฆ่าแกงเจ้าเชื้อไวรัสได้ การดูแลรักษา จึงเพียงแต่ประคับประคองไปตามอาการเช่นเดียวกับโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิด อื่น ๆ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หัด คางทูม เป็นต้น”
“หมายความว่า โรคนี้เป็นเองหายเองโยธรรมชาติของมันใช่ไหม ?”
“ครับ โรคนี้ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง ร่างกายคนเราสามารถต้านทานมันได้ เมื่อได้พักผ่อนและดูแลรักษาดังกล่าว สัก 1-2 อาทิตย์ ตาและปัสสาวะจะค่อย ๆ หายเหลือง กินข้าวได้มากขึ้นและหายอ่อนเพลีย
แต่ก็มีบางคนที่อาการอาจ รุนแรง จนกลายเป็นโรคตับแข็ง หรืออันตรายถึงตายได้ ซึ่งก็นับว่ามีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น พวกนี้ตาจะเหลืองมากขึ้น อ่อนเพลียมากขึ้น บางคนอาจมีอาการท้องบวมน้ำและเท้าบวมได้ ถ้ามีอาการเหล่านี้ ก็ควรจะรีบไปหาหมอครับ”
 

 รูปที่1
ตรวจดูตาเหลือง โดยให้ผู้ป่วยเหลือกตามองลงปลายเท้า ผู้ตรวจใช้นิ้วมือเลิกเปลือกตาบน เพื่อให้เห็นตาขาวชัดๆควรตรวจในที่ๆมีแสงสว่างพอ


 รูปที่ 2
อาการตาเหลือง ตาขาวกลายเป็นสีเหลือง

 รูปที่ 3
อาการตัวเหลืองเหมือนย้อมด้วยขมิ้น

 รูปที่ 4

ปัสสาวะสีเหลืองเข้มในผู้ป่วยดีซ่าน

ที่มา   www.doctor.or.th

อัพเดทล่าสุด