ปัญหาทางการพยาบาลโรคกรวยไตอักเสบ เมื่ออาการ กรวยไตอักเสบ ไม่มีไข้ |
ลักษณะทั่วไป หน่วยไต (glomerulus) เป็นหน่วยเล็ก ๆ ที่กระจายอยู่ในเนื้อไต ทำหน้าที่กรองของเสียและน้ำออก มาเป็นปัสสาวะ เมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นที่หน่วยไต ทำให้ร่างกายขับปัสสาวะออกได้น้อย มีของเสีย คั่งอยู่ในเลือดมากกว่าปกติ รวมทั้งมีเม็ดเลือดแดง และสารไข่ขาวรั่วออกมาในปัสสาวะ ทำให้เกิด อาการบวม และปัสสาวะออกมาเป็นสีแดง สาเหตุ โรคนี้มักเกิดตามหลังการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า บีตา-สเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ (Beta-streptococcus group A) เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ ผิวหนังอักเสบ ไฟลามทุ่ง พุพองตาม ผิวหนังประมาณ 1-4 สัปดาห์ (เฉลี่ย 10-14 วัน) โดยทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นที่หน่วยไต ทำให้หน่วยไต เกิดการอักเสบไปทั่ว นอกจากนี้ยังอาจเกิดร่วมกับโรคเอสเอลอี , ซิฟิลิส , การแพ้สารเคมี (เช่น ตะกั่ว) เป็นต้น อาการ ผู้ป่วยจะสังเกตเห็นปัสสาวะออกมาเป็นสีแดงเหมือนน้ำล้างเนื้อ หรือน้ำหมาก และจำนวนปัสสาวะ มักออกน้อยกว่าปกติ อาจพบอาการบวมที่หน้า หนังตา เท้า และท้อง มักมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหารคลื่นไส้ อาเจียน ถ้าเป็นรุนแรง อาจมีอาการหอบเหนื่อย หรือชัก สิ่งตรวจพบ ไข้ หน้าบวม หนังตาบวม เท้าบวมกดบุ๋ม อาจมีอาการท้องบวม ปัสสาวะขุ่นแดง และตรวจพบสาร ไข่ขาว (albumin) ขนาด 1+ ถึง 3+ อาจมีความดันโลหิตสูงร่วมด้วย อาการแทรกซ้อน อาจมีความดันโลหิตสูงมาก ๆ จนเกิดอาการทางสมอง เช่น ชัก ไม่ค่อยรู้สึกตัวบางรายอาจพบ ภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) ใช้เครื่องฟังปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) มีอาการหอบเหนื่อยและเกิดภาวะหัวใจวาย อาจทำให้เกิดภาวะไตวาย ซึ่งร้ายแรงถึงตายได้ การรักษา 1.หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจปัสสาวะซึ่งจะพบเม็ดเลือดแดงเกาะกันเป็นแพ (red blood cell cast) และพบเม็ดเลือดขาวอยู่กันเดี่ยวหรือเกาะกันเป็นแพ และตรวจเลือด อาจพบความผิดปกติต่าง ๆ เช่น สารบียูเอ็น (BUN) และครีอะตินีน (creatinine) สูง ซึ่งแสดง ว่าไตขับของเสียไม่ได้เต็มที่ควรให้การรักษา โดยให้นอนพักผ่อน งดอาหารเค็ม ให้ยาปฎิชีวนะ ได้แก่ เพนวี หรือ อีริโทรไมซิน ,ให้ยาขับปัสสาวะ (เช่น ลาซิกซ์) และยาลดความดัน 2. ถ้ามีอาการชักหรือหอบ ให้ฉีดไดอะซีแพม และลาซิกซ์ 1/2-1 หลอด เข้าหลอดเลือดดำ แล้ว ส่งโรงพยาบาลทันที ข้อแนะนำ โรคนี้ส่วนใหญ่ (ประมาณ 95%) จะหายได้ อาการทั่วไปจะดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่ควรตรวจ ปัสสาวะ ตรวจปัสสาวะบ่อย ๆ ต่อไปอีกหลายเดือน ประมาณ 2% อาจกลายเป็นเรื้อรัง และ 2% อาจตายระหว่างที่มีอาการ ดังนั้นจึงควรแนะนำให้ผู้ป่วยรักษากับแพทย์อย่างจริงจัง การป้องกัน เมื่อเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ หรือแผลพุพอง ควรกินยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 10 วัน เพื่อป้องกันมิให้ เกิดโรคหน่วยไตอักเสบแทรกซ้อน รายละเอียด เป็นหน่วยไตอักเสบ ควรให้แพทย์ตรวจปัสสาวะบ่อย ๆ |
ที่มา www.thailabonline.com |