โรคซิฟิลิสซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Treponema Pallidum หรือบางท่านเรียกว่า The great imitator หรือแปลว่า นักเลียนแบบผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นโรคที่มีอาการและการแสดงออกของโรคในรูปแบบต่างๆ มากมาย จนไม่สามารถแยกออกจากโรคอื่นได้อย่าง่ายดายนัก โรคซิฟิลิสพบได้บ่อยแค่ไหนในประเทศไทยเรานั้นไม่ทราบสถิติที่แน่นอน แต่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี คศ.2006 มีการรายงานผู้ป่วยไว้ที่จำนวน 36,000 คน (รวมผู้ป่วยซิฟิลิสในทุกๆ ระยะของโรค) เราจะติดเชื้อซิฟิลิสได้อย่างไร?
หมายเหตุ: การใช้ห้องน้ำร่วมกัน, การจับลูกบิดประตู, การใช้สระว่ายน้ำร่วมกัน, การใช้อ่างอาบน้ำร่วมกัน, การใช้เสื้อผ้าร่วมกัน, การกินอาหารร่วมกัน ไม่ทำให้ติดโรคนี้ การแสดงออกของโรคนี้ในผู้ใหญ่เป็นอย่างไรคน จำนวนมากติดเชื้อซิฟิลิส โดยที่ไม่แสดงอาการอยู่เป็นปีๆ (หลายปี) แต่คนเหล่านี้ จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวของโรคนี้ ถ้าพวกเขาไม่ได้รับการรักษา, เหตุที่คนที่ติดเชื้อซิฟิลิสแล้วสามารถแพร่โรคได้ เพราะบางคนอาจจะไม่ได้สังเกตเห็นว่า ตนเองนั้นมีแผลที่เป็นการแสดงออกของโรค ในระยะที่สามารถแพร่เชื้อโรคไปสู่บุคคลอื่นได้ จึงไม่ได้ป้องกัน จึงเป็นเหตุให้มีการแพร่โรคออกไป โดยที่คนที่ให้และรับโรคต่างก็ไม่รู้ตัวกันทั้งคู่ ระยะต่างๆ ของโรค1. ระยะแรก (Primary Stage)ระยะนี้เริ่มจากเมื่อเชื้อโรคนี้ เข้าสู่ร่างกายของคนไข้ หลังจากนั้นจะเริ่มมีอาการ (ใช้เวลาประมาณ 10-90 วัน หรือเฉลี่ยประมาณ 21 วัน) อาการที่เกิดคือจะเริ่มมีแผล เดี่ยว หรือ หลายแผล เราเรียกว่า แผล Chancre คือมีลักษณะ แผลขนาดเล็ก สัณฐานกลม นิ่ม และ ไม่เจ็บปวด (แผลนี้บางทีอยู่ในที่ที่ไม่สามารถมองเห็นได้เราก็จะไม่รู้ว่ามีแผล) แผลนี้จะเกิดที่ที่เชื้อเข้าสู่ร่างกาย, แผลนี้จะหายไปเองโดยไม่ต้องได้รับการรักษาภายใน 3-6 สัปดาห์ และถ้าไม่ได้รับการรักษาโรคก็จะเริ่มดำเนินไปสู่ระยะที่ 2 2. ระยะที่ 2 (Secondary Stage)
ระยะนี้มีลักษณะที่สำคัญคือมีผื่นที่ผิวหนังและภายในเยื่อบุ ผื่นนี้มีลักษณะคือ
อาการและอาการแสดงของโรคระยะนี้จะหายไปได้เอง ไม่ว่าจะได้รับการรักษาหรือไม่ก็ตาม และถ้าไม่ได้รักษาโรคจะเข้าสู่ระยะ ท้ายและแอบแฝง ของโรค (Late and Latent Stage) 3. ระยะที่ 3 ระยะแอบแฝงและระยะท้ายของโรค (Late and Latent Stage)
ระยะแอบแฝง (Latent Stage) ระยะนี้เริ่มขึ้นเมื่ออาการของระยะที่ 1 และ 2 นั้นหายไปแล้ว ระยะนี้ไม่มีอาการแต่ยังมีเชื้ออยู่ภายในร่างกาย ระยะอาจจะดำรงอยู่ได้หลายๆปี ประมาณ 15% ของคนไข้ระยะนี้ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะเข้าสู่ระยะท้ายของโรค คือ Late stage ซึ่งกว่าจะเข้าสู่ระยะนี้อาจจะกินเวลา 10-20 ปี นับจากการติดเชื้อครั้งแรก ในระยะท้ายนี้ โรคจะทำร้ายอวัยวะภายในของร่างกายคนไข้ เช่น สมอง ตา เส้นประสาท หัวใจ เส้นเลือด ตับ กระดูก ข้อต่อ จนเกิดอาการเช่น มีการขยับเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อไม่สัมพันธ์กัน จนทำให้เดินได้ไม่สะดวก เป็นอัมพาต มีอาการเหน็บชา ตาบอด สมองเสื่อม และอาจจะถึงตายได้ ซิฟิลิสมีผลต่อหญิงมีครรภ์และทารกอย่างไรทารกสามารถติดเชื้อนี้จากมารดาได้ตั้งแต่ อยู่ในครรภ์ ขึ้นอยู่กับว่ามารดาติดเชื้อมานานมากเท่าไร เด็กที่ติดเชื้ออาจจะมีภาวะ ตายทันทีเมื่อคลอดออกมา หรือตายหลังคลอดไม่นาน หรือไม่มีอาการใดๆ เลยตอนคลอด แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันที อาจจะทำให้ทารกมีปัญหาอย่างรุนแรงภายในไม่กี่สัปดาห์หลังคลอด อาจจะมีการเจริญเติบโตช้า ชัก และเสียชีวิตได้ เราจะวินิจฉัยโรคซิฟิลิสได้อย่างไร
ซิฟิลิส และโรคเอดส์ในขณะที่คนไข้มีแผล Chancre จากซิฟิลิส นั้นมีโอกาสติดเชื้อเอดส์ได้ง่ายกว่าคนทั่วไปถึง 2-5 เท่า เราจะรักษาซิฟิลิสได้อย่างไรในคนไข้ที่ติดเชื้อซิฟิลิสมาไม่ถึงปี การรักษาเพียงการฉีด ยาเพนนิซิลิน เพียงเข็มเดียวก็หายขาดได้ แต่ถ้ามีการติดเชื้อมาเป็นเวลานานกว่า 1 ปี จำเป็นต้องได้รับยามากกว่านั้น และคนไข้ที่แพ้ยาเพนนิซิลินก็มียากลุ่มอื่นๆ ที่สามารถแทนได้ ในการรักษาโรคซิฟิลิสนั้นควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ไม่ควรซื้อยาทานเอง การรักษาฆ่าเชื้อแบคทีเรียซิฟิลิสให้หมดไปเป็นการป้องกันความเสียหาย ของอวัยวะที่จะถูกทำลายในอนาคต แต่ไม่ช่วยทำให้อวัยวะที่ถูกทำลายแล้วเสียหายแล้วกลับมาเป็นปกติได้ เนื่องจากซิฟิลิสเป็นโรคที่รักษาให้หายขาด ได้ คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคนี้ควรได้รับการตรวจหาโรคนี้เป็นระยะๆ เพื่อที่จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ในคนที่กำลังรักษาโรคนี้ควรงดการมีเพศสัมพันธ์กับใครๆ และควรแจ้งให้คู่นอนที่เคยมีเพศสัมพันธ์กันมาเข้ารับการตรวจและรักษาโรคด้วย โรคซิฟิลิสหายขาดหรือไม่ ?ในคนที่ติดเชื้อซิฟิลิสและได้รับการรักษาจนหายแล้ว สามารถติดเชื้อได้ใหม่ได้ ถ้าไปมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ติดเชื้อนี้อีก เราจะไม่มีภูมิป้องกันตนเองจากเชื้อนี้ได้ตลอดไปเหมือนโรคบางโรค เราสามารถติดโรคได้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคอยู่ เราจะป้องกันโรคซิฟิลิสได้อย่างไร
|