เป็นตกขาวบ่อย ตกขาวเยอะ มีความรู้เรื่องโรคตกขาวในผู้หญิงมาบอกกัน !


2,252 ผู้ชม


ความรู้เกี่ยวกับ ตกขาว มีประโยชน์มาก สำหรับคุณผู้หญิง


ตก ขาวเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงก็จริง แต่มีอยู่บ่อยครั้งที่หลายคนเกิดความกังวลใจเมื่อตกขาวมีปริมาณมากกว่าปกติ มีสี และกลับผิดปกติ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์ในเรื่องนี้ รศ.นพ.ธีระพงศ์ เจริญวิทย์ หัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อธิบายว่า

ตกขาว มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น ระดูขาว ประจำเดือนขาว หรือมุตกิต หมายถึงอะไรก็ตามที่ถูกขับออกทางช่องคลอดซึ่งไม่ใช่เลือด ไม่จำเป็นต้องมีสีขาวเท่านั้น อาจเป็นสีเหลือง สีเหลืองปนเขียว หรือสีน้ำตาลก็ได้

ลักษณะการตกขาวแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ คือ ตกขาวปกติ และตกขาวผิดปกติ
ตก ขาวปกติ พบในภาวะที่ปกติ ธรรมชาติเป็นส่วนผสมของสิ่งที่ขับออกจากต่อมต่างๆ ของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกช่องคลอด ปากมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งหลอดมดลูก การตกขาวตามปกติจะเพิ่มมากขึ้นในสภาวะดังต่อไปนี้ เช่น ช่วงเวลาใกล้การตกไข่ประมาณวันที่ 13-14 ของรอบเดือน ก่อนมีระดู 2-3 วัน เป็นช่วงที่มีเลือดมาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น ระหว่างการตั้งครรภ์จะมีการหลุดร่วงของเซลล์บุผนังช่องคลอดแลน้ำเมือกจาก ต่อมบริเวณปากมดลูกเพิ่มมากขึ้นและขณะร่วมเพศ การกระตุ้นหรือเล้าโลมทางเพศจะมีการสร้างน้ำเมือกขาวใส ไม่มีกลิ่นออกมา นอกจากนี้ในทารกแรกเกิดเพศหญิงอาจพบการตกขาวภายหลังคลอด ซึ่งเป็นผลจากได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากแม่
ตกขาวผิดปกติ จะมีปริมาณตกขาวมากขึ้นมีสีและกลิ่นผิดปกติ ก่อให้เกิดความรำคาญ อาจมีอาการคัน ปวดแสบร้อนบริเวณปากช่องคลอด หรือบริเวณใกล้เคียง ถ่ายปัสสาวะแสบขัด และมีอาการเจ็บขณะร่วมเพศ

สาเหตุตกขาวผิดปกติ ได้แก่ การติดเชื้อจากพยาธิในช่องคลอด (Trichomonas vaginalis) เชื้อรา เชื้อหนองใน เชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่มักพบในเด็ก และเชื้อไวรัส ทำให้เกิดการอักเสบบริเวณช่องคลอด และอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก รวมทั้งในสตรีที่หมดระดูแล้วเยื่อบุช่องคลอดบางลง มีความต้านทานต่อการติดเชื้อน้อย ทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย บางรายปากมดลูกอักเสบ เป็นแผลมีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด เช่น สำลี กระดาษชำระ แทมปอน (tampon) หรือมีวัสดุที่คู่นอนใส่ไว้ในช่องคลอดขณะร่วมเพศ รวมทั้งพวกที่มีแผลที่ปากช่องคลอดและปากมดลูก มีเนื้องอกหรือมะเร็งช่องคลอด หรือเนื้องอกและมะเร็งปากมดลูก

แพทย์จะวินิจฉัยตกขาวจากการซักประวัติคนไข้ ระยะเวลาที่เกิด ความสัมพันธ์กับประวัติระดู ประวัติการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ การใช้ยาคุมกำเนิด การใช้ยาปฏิชีวนะ จำนวนของการตกขาวว่ามีอาการคันร่วมด้วยหรือไม่ รวมไปถึงการตรวจภายใน


รศ.นพ.ธีระพงศ์ กล่าวว่า ยาปฏิชีวนะนี่แหละตัวดี เพราะบางคนเป็นหวัดเรื้อรัง หรือเป็นสิว ต้องกินยารักษาอย่างต่อเนื่อง ตัวยาจะไปทำลายเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในช่องคลอดที่อาศัยอยู่อย่างสมดุล ทำให้มีโอกาสเป็นเชื้อราและมีปัญหาตกขาวเกิดขึ้น ยกตัวอย่างมีคุณแม่คนหนึ่งพาลูกสาวมาหาหมอเพราะตกขาวมาก ทั้งที่ลูกไม่ได้ไปยุ่งกับใคร พอซักประวัติจึงรู้ว่ากินยารักษาสิวมานานแล้ว
ที่ ผ่านมามีคนไข้จำนวนมากที่ไม่รู้เรื่องการตกขาว มาพบหมอแล้วบอกว่ามีตกขาวผิดปกติ พอตรวจแล้วปรากฎว่าปกติก็หลายราย แต่ในรายที่ผิดปกติจะนำไปส่องกล้องดูว่าติดเชื้ออะไร โดยหยดสารบางอย่างลงไป เช่น น้ำเกลือ หรือ น้ำยา KOH เพื่อดูว่ามีพยาธิ และเชื้อราในช่องคลอดหรือไม่ และอาจมีการย้อมสี หรือเพาะเชื้อเพื่อดูว่าติดเชื้อชนิดใด
วิธีการสังเกตตกขาวมีดังนี้ ถ้ามีลักษณะเป็นเมือกใส ไม่มีกลิ่น ให้นึกถึงว่ามีไข่ตกหรือมีอารมณ์เครียด แต่ถ้ามีลักษณะเหนียวใสถึงขาวขุ่น มีกลิ่นคาวเหมือนปลาเน่า ให้นึกถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย ถ้ามีสีเขียวปนเหลือง เป็นฟองมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ มีอาการคันร่วมด้วย ให้นึกถึงพยาธิในช่องคลอด และถ้ามีสีขาวเกาะเป็นก้อนคล้ายแป้งเปียก มีกลิ่นเหม็นอับให้นึกถึงการติดเชื้อราของช่องคลอด ซึ่งมักจะมีอาการคันร่วมด้วยเป็นๆ หายๆ ในกรณีของเชื้อรานั้นสาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากสามีเป็นเชื้อราแต่ไม่ได้รักษา เพราะไม่มีอาการ มีเพียงภรรยาที่มารักษาแต่ไม่หายเสียทีสุดท้ายก็ต้องนำสามีมาตรวจรักษาด้วย
ส่วน การรักษาตกขาวผิดปกติจะรักษาตามสาเหตุ เช่น เป็นพยาธิในช่องคลอด ต้องนำคู่นอนมารักษาด้วยและให้ยาในขนาดเท่ากัน ถ้าเป็นเชื้อราให้ยาสอดช่องคลอดหรือยารับประทานโดยควรรักษาคู่นอนด้วย มิฉะนั้นผู้ป่วยจะกลับเป็นซ้ำอยู่บ่อยๆ ภาวะต่างๆ เช่น การตั้งครรภ์ เบาหวาน ภูมิคุ้มกันต่ำ การเจ็บป่วยเรื้อรัง การใช้ยาปฏิชีวนะ การให้ยาสเตียรอยด์ หรือยาเม็ดคุมกำเนิด เป็นเวลานานๆ คนอ้วนมากๆ มีส่วนช่วยให้เกิดเชื้อราระดูขาวได้


ในการป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอดนั้น นพ.ธีระพงศ์ แนะนำว่า การทำความสะอาดทวารหนักนั้น ผู้หญิงทุกคนควรเช็ดจากหน้าไปหลัง เนื่องจากผู้หญิงมีช่องคลอดและทวารหนักอยู่ใกล้กัน จึงมีโอกาสที่จะติดเชื้อสูง เวลาที่เข้าห้องน้ำสาธารณะ ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้น้ำฉีดทำความสะอาดหลังปัสสาวะเสร็จ แค่ใช้กระดาษทิชชูซับก็พอแล้ว กลับมาบ้านค่อยล้างออก แต่ด้วยความเคยชินปัสสาวะเสร็จต้องล้าง เพราะคิดว่าสกปรกซึ่งไม่เป็นความจริง ปัสสาวะแค่ทำให้เกิดกลิ่นเท่านั้น การใช้หัวฉีดทำความสะอาด คนที่ใช้ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่ามีการตกขาวหรือมีเชื้อโรคอะไร ถ้าจำเป็นต้องใช้ควรฉีดน้ำทิ้งก่อน และการใช้น้ำฉีดทำความสะอาดทำให้เกิดความอับชื้นมีโอกาสเป็นเชื้อราสูง

ควรหลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดโดยเด็ดขาด เพราะมีคนไข้บางคนทำความสะอาดแบบหมดจดจริงๆ ล้วงเข้าไปทำความสะอาด หรือใช้น้ำยาเข้าไปทำความสะอาดในช่องคลอด ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิด เพราะช่องคลอดมีความสมดุลในตัวอยู่แล้ว ทำความสะอาดแค่ภายนอกใช้น้ำอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว เหมือนกับการล้างหน้า ถ้ารู้สึกว่าหน้าเหนียวเหนอะหนะก็ล้างหน้า อาจเป็นวันละ 2 ครั้งก็พอแล้ว ส่วนใหญ่ที่แนะนำ คือ ทำความสะอาดตอนอาบน้ำ โดยใช้น้ำธรรมดาไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาอะไร นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการให้ผ้าอนามัยแบบสอดเพราะอาจทำให้เกิดการระคาย เคืองติดเชื้อ แต่บางคนติดใส่ผ้าอนามัยแบบสอด มีไม่มีก็ใส่เอาไว้ก่อน ซึ่งความจำเป็นที่ต้องใส่ทุกวันหมอว่าไม่มี


รศ. นพ.ธีระพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อใดก็ตามที่ตกขาวมีสีเปลี่ยน กลิ่นผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ไม่ควรไปซื้อยามากิน หรือมาเหน็บเอง เพราะอาจไม่ตรงตามอาการที่เป็น การรักษาก็ไม่ได้ผล และไม่ควรปล่อยปละละเลยเพราะอาจทำให้เชื้อโรคลุกลามเกิดการอักเสบ เป็นฝีที่ปีกมดลูกต้องผ่าตัดจนถึงขั้นต้องตัดมดลูก หรือปีกมดลูกทิ้งไป

ที่มา เขียนโดย
รศ.นพ. ธีระพงศ์ เจริญวิทย์
หัวหน้าหน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อ้างอิง  www.jengsud.com

อัพเดทล่าสุด