บางคนอาจจะสงสัยกับคำถามที่ว่า ???
1. อาหาร (ชีวจิต) จะช่วยให้สุขภาพดีได้จริงหรือ 2. ชีวิตประจำวันที่วุ่นวายรีบร้อนอย่างนี้ ทำอาหาร (ชีวจิต) ไม่สะดวกเลย ซื้ออาหารถุงสะดวกกว่า (อร่อยกว่าด้วย) ขออธิบายค่ะ 1. สูตรอาหารชีวจิตนั้นได้คิดและทดลองมาแล้ว เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 30 ปี เป็นการรวบรวมความรู้จากนิวตริชั่น จากสูตรอาหารตามแนวทางของอาจารย์ต่างๆ จากน้ำเอ็นไซม์ และฮอร์โมนตามหลักการแพทย์ จากการปฏิบัติของกลุ่มชีวจิตหลายพันคน และจากประเพณีวัฒนธรรมการกินของปู่ย่าตายายของเรา เมื่อรวบรวมและศึกษาทดลองดูแล้ว สรุปได้ง่ายๆว่า คนไทยเราสมัยนี้ กินผิดและประพฤติตัวผิดๆหลายอย่าง เราจึงป่วยกันง่ายๆ การจะกินอาหารให้ถูกต้องเพื่อให้ได้ประโยชน์ สูงสุดสำหรับตัวเรานั้น เราต้องแก้การกินผิดๆของเราเสียก่อน เนื้อตัวของเรา จิตใจของเราเป็นอย่างไร ก็เพราะอาหาร เหมือนกับฮิปโปเครติส บิดาแห่งวงการแพทย์ กล่าวเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วว่า "เจ้ากินอะไรเข้าไปเจ้าก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ" (You are what you eat) เพราะฉะนั้น ลองเปลี่ยนตัวเองด้วยอาหารเสียก่อน รับรองว่าคุณจะดีขึ้นแน่ๆ อย่างน้อยที่สุดรับรองได้สองข้อ หนึ่ง ระบบขับถ่ายของคุณจะดีขึ้น สอง อาการแพ้ต่างๆ ของคุณจะหายไป ส่วนการดีขึ้นอย่างอื่นอีกมากมายนั้น จะพูดกันอีกต่อไปค่ะ 2. สำหรับข้อที่สองที่หลายท่านบ่นว่าชีวิตรีบร้อนเหลือเกิน ไม่มีเวลาทำอาหารกินโดยเฉพาะท่านที่ต้องออกไปทำงานแต่เช้า กลับจากทำงานถึงบ้านก็ค่ำหรือดึกแล้ว ตอนเช้าฝากท้องไว้กับกาแฟ ปาท่องโก๋ กลางวันกินก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกงที่ทำงาน เย็นก่อนจะกลับบ้านก็หิ้วถุงอาหารป้าเที่ยง หรือน้าอ้วนเข้าบ้าน ไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดว่าเย็นนี้จะกินอะไรดี เป็นชีวิตที่สับสน รีบร้อนพอดู ไม่เป็นไรค่ะ เรามาช่วยกันแก้ให้มันง่ายขึ้นเสียก่อน ----------------------------------------- ขอแนะนำวิธีค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิด เริ่มด้วยอาหารหลักที่สำคัญที่สุดก่อน คือ ข้าว ซ้อมมือ ซื้อข้าวซ้อมมือมาสักถุงหนึ่ง (2 กก.) จากซุปเปอร์มาร์เกตที่ไหนก็ได้ เดี๋ยวนี้มีข้าว ซ้อมมือหอมมะลิด้วยล่ะ ซื้อหม้อหุงข้าวไฟฟ้าใบเล็กๆสักใบ เช้าก่อนจะไปทำงานก็เอาข้าวซ้อมมือหอมมะลิแช่น้ำไว้ก่อน (กะให้ข้าวพอกินในหนึ่งวัน) เย็นกลับมาก็กดสวิตช์ไฟหุงข้าว แล้วคุณจะไปทำอะไรก็ได้ (ห้ามหกคะเมนตีลังกาเวลาหุงข้าว) ประเดี๋ยวเดียวข้าวหอมฟุ้งไปทั้งบ้าน ตอนเช้าก่อนคุณจะไปทำงาน กดสวิตช์อุ่นข้าวไว้หน่อยหนึ่ง แล้วหากล่องพลาสติก (ชนิดอ่อน) สักใบ เอาข้าวใส่กล่องให้แน่น พอที่คุณจะกินได้ทั้งวัน เวลาที่คุณจะกินข้าว (เช้า กลางวัน เย็น) คุณก็สั่งกับข้าวนอกบ้านชนิดที่จะไม่แสลงสูตร หรือนอกสูตรจนเกินไปนัก เช่น แกงจับฉ่าย (เอาแต่ผัก หมูไม่เอา) พะโล้เต้าหู้ อย่างนี้เป็นต้น ขอ แถมเคล็ดลับเวลากินข้าวหน่อยหนึ่งน่ะคะ คุณต้องกินช้าๆ กินด้วยความรัก เคี้ยวข้าวให้ละเอียดทุกคำ อย่าลืมข้าวน่ะ ฝีมือคุณหุงเองนะ ไม่ภูมิใจบ้างหรือคะ เวลาคุณเคี้ยวข้าวช้าๆ ข้าวจะหวานและหอมอยู่ในปากของคุณ กินข้าวเปล่าๆก็ยังอร่อยได้ พอคุณเริ่มคุ้นๆ กับข้าวซ้อมมือหม้อเดียวของคุณแล้ว ต่อ ไปก็ลองหัดทำกับข้าวง่ายๆ สักอาทิตย์ละ 2-3 อย่างดูซิคะ ซื้อหม้อ และกระทะเล็กๆ มาอย่างละใบ ซื้อพวกเครื่องปรุง น้ำปลาสะอาดๆ กระเทียม หอม น้ำมันพืชมาติดบ้านไว้ ลองทำอาหารง่ายๆ เช่น จับฉ่าย (ผักเพียงสองสามอย่างก็พอ) ใส่เต้าหู้หั่นเป็นชิ้นพองามสัก 2 ก้อน ก่อนจะทำจับฉ่าย เต้าหู้ต้องทอดให้หอมเสียก่อนจึงผัดกับผัก เติมน้ำแล้วปรุงจับฉ่ายตามใจชอบ จับฉ่ายนั้นทำไว้กินสัก 2-3 วันก็ได้ ต่อจากนั้นก็แถมด้วยพะโล้เต้าหู้ (ควรเป็นเต้าหู้ฟอง) แล้วใส่เห็ดต่างๆด้วย และก็น่าจะมีผัก น้ำพริก ปลาทู หรือจะปลาแห้ง ปลาสลิด สักมื้อ 2 มื้อ ต่ออาทิตย์ก็ได้ น้ำพริกนั้นใช้น้ำพริกปรุงสำเร็จรูป ผสมเอาเอง บีบมะนาวใส่น้ำปลา ซอยหอม กระเทียม และแถมพริกขี้หนูอีกสักเม็ดสองเม็ด อร่อยเหาะไปเลย ระหว่างที่ทำอาหารนี้อยู่ อย่าลืมสำรวจดูว่าสัดส่วนจะได้ตามส่วนหรือเปล่าน่ะคะคือข้าว 50% ผัก 25% โปรตีน 15% และเบ็ดเตล็ด 10% พอคุณเริ่มทำอาหารกินเองแบบง่ายๆสัก 3-4 อาทิตย์น่ะคะ รับรองว่า 1. สุขภาพของคุณจะดีขึ้นทั้งกายและใจ โดยเฉพาะความสนุก และความภูมิใจในการเปลี่ยน แปลงตัวคุณจะมีมากขึ้น และยิ่งคุณเริ่มสนุกกับการทำอาหารแล้ว คุณก็อยากจะทำอาหารอย่างอื่นที่วิจิตรพิสดารยิ่งขึ้น ได้ประโยชน์ยิ่งขึ้น และสนุกมากขึ้น 2. ค่าใช้จ่ายในการทำอาหารของคุณ จะลดลงกว่าคุณไปซื้ออาหารกินเอง ตรงกับหลักประหยัดยุคไอเอ็มเอฟ อย่างยิ่งเลยค่ะ. อ้างอิงจาก : สุเทพ อินทรแหง https://www.elib-online.com |