คนปกติจะหยุดการเจริญเติบโตเมื่ออายุเกิน 25 ปี หลังจากวัยนี้แล้วอวัยวะจะเริ่มเสื่อมลง การที่น้ำหนักตัวลดลง 2 - 3 กิโลกรัมหลังอายุ 25 ปี จึงเป็นสิ่งปกติ แต่มักพบว่าคนส่วนใหญ่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยไขมันที่สะสมในร่างกาย เนื่องจากการใช้แรงกายและออกกำลังน้อยลง รับประทานอาหารมากเกินพอดี และไม่ได้สัดส่วน และมีความเครียดผสมผสานเข้าไป โดยทั่วไปมักถือว่าถ้าน้ำหนักตัวมากกว่า 20 % ของน้ำหนักตัวมาตรฐานถือว่าอ้วน น้ำหนักตัวมาตรฐานสามารถใช้วิธีคิดง่าย ๆ ดังนี้ น้ำหนักตัวมาตรฐาน / กก. = ความสูง / (ซม.) - 110 | ตัวอย่าง พิกุลมีน้ำหนักตัว 54 กก. สูง 155 เซนติเมตร พิกุลควรมีน้ำหนักตัว =155 - 110= 45 กก. แสดงว่าพิกุลมีน้ำหนักเกินมาตรฐานไป 9 กก. ( ภาพประกอบ 6.6) แต่ก็อาจมากน้อยกว่าที่คำนวณได้ประมาณ 5 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับลักษณะโครงสร้างร่างกายด้วย การชั่งน้ำหนักตัวทุก ๆ วันในเวลาตื่นนอนตอนเช้าจะเป็นสิ่งบ่งบอกที่ดีถึงความสมดุลของอาหารที่บริโภคกับพลังงานที่ใช้ในแต่ละเว้น ถ้าบริโภคอาหารที่พอเหมาะแล้ว น้ำหนักตัวแต่ละวันไม่ควรต่างกันเกินกว่า 1 กก. ซึ่งน้ำหนัก 1 กก. นี้เป็นค่าของปริมาณน้ำในร่างกายที่อาจเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน อาหารที่รับประทานมากเกินไปในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็นไขมัน แป้งหรือโปรตีนจะเปลี่ยนแปลงเป็นไขมันไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทำให้อ้วน อาหารเหล่านี้มักเป็นอาหารจานด่วน (Fastfood) หรือ อาหารขยะ (Junk Food) เช่น พิซซ่า โดนัท สปาเกตตี้ ความอ้วนอาจเกิดได้ทั้งจากภาวะโรคบางชนิด หรือจากการไม่สมดุลของการรับประทานอาหารกับการใช้พลังงาน กิจวัตรประจำวันของคนอ้วนส่วนใหญ่จะใช้พลังงานน้อย และไม่ค่อยออกกำลังกาย รวมทั้งไม่ชอบออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา แต่ชอบบริโภคอาหารมากกว่าคนทั่ว ๆ ไป และชอบอยู่เฉย ๆ หรือนั่งดูโทรทัศน์ ปกติคนที่มีอายุมากกว่า 25 ปี และมีกิจวัตรซึ่งไม่ต้องใช้พลังงานมากและไม่ได้ออกกำลังกายต้องการพลังงานในวันหนึ่งประมาณ 1,800 - 2,500 กิโลแคลอรี่ (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของแต่ละคน) ส่วนใหญ่ผู้ทำงานหนัก เช่น กรรมกรแบกหามหรือผู้เล่นกีฬานานกว่า 1 - 2 ชั่วโมงต่อวัน อาจต้องการ พลังงานถึง 5,000 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ความอ้วนมีผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจอย่างมาก ผลเสียต่อวัยวะในร่างกายที่สำคัญคือ ระบบการไหลเวียนเลือด ระบบการหายใจ และระบบการเคลื่อนไหว เช่น ข้อต่อต่าง ๆ ถ้าเรากินอาหารมากกว่าที่ร่างกายต้องการวันละ 50 กิโลแคลอรี่ / วัน (น้ำตาลทรายประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ) ใน 1 ปีเราจะมีพลังงานเกินประมาณ 18,000 กิโลแคลอรี่ ซึ่งจะสะสมไว้ในร่างกายในรูป ไขมันทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 3 กิโลกรัม ฉะนั้น ถ้าเรากินอาหารเกิน 50 กิโลแคลอรี่ต่อวัน ใช้เครื่องทุ่นแรงต่าง ๆ แทนการออกกำลังทำงาน และใช้เวลาว่างพักผ่อนนอนหรือนั่งดูโทรทัศน์แทนการเล่นกีฬา เราจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 30 กิโลกรัม หรือ 58 % ของน้ำหนักเฉลี่ยของชายไทย (ชายไทย 166 ซม.โดยเฉลี่ย) ภายใน 10 ปี และผลเสียของการมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานก็จะเด่นชัดมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น ถ้าขณะนี้ท่านมีน้ำหนักเกินมาตรฐานแล้ว สิ่งที่ควรทำคือ กำจัดน้ำหนักส่วนที่เกินออกโดยวิธีลดปริมาณอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไป ไม่ควรใช้ยาทุกชนิดเพราะจะมีผลแทรกซ้อนเกิดขึ้นถ้าลดอาหารลงประมาณวันละ 100 กิโลแคลอรี่ และใช้พลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 200 กิโลแคลอรี่ใน 1 เดือน จะเสียพลังงาน 6,000 กิโลแคลอรี่ ซึ่งเป็นไขมันเกือบ 1 กิโลกรัม (ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี่ แต่ไขมันในร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบด้วย 14 % ฉะนั้นเนื้อเยื่อไขมัน 1 กรัมจะให้พลังงานเพียง 7.7 กิโลแคลอรี่) ถ้าเราต้องการลดน้ำหนักลงเร็วกว่านี้อาจลดได้ไม่เกิน 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ถ้าลดลงมากกว่านี้จะรู้สึกเพลียและผิวหนังเหี่ยว | |