โคตรอันตราย! “ปิดไฟเล่นโทรศัพท์” อาจทำให้คุณมองไม่เห็นตลอดชีวิต


5,667 ผู้ชม

ปิดไฟเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนทุกวัน พฤติกรรมแบบนี้คาดว่าน่าจะเป็นกันหลายคน แต่คุณโปรดพึงระวัง ดวงตาอาจเสี่ยงบอด...


ปิดไฟเล่นโทรศัพท์ก่อนนอนทุกวัน พฤติกรรมแบบนี้คาดว่าน่าจะเป็นกันหลายคน  แต่คุณโปรดพึงระวัง ดวงตาอาจเสี่ยงบอด... 

เข้าห้องปิดไฟคล้ายว่าจะเตรียมนอน แต่ที่ไหนได้! กลับหยิบโทรศัพท์ หรือ แท็บเล็ตขึ้นมานอนเล่นเพลิดเพลินอีกหลายชั่วโมง ใครทำพฤติกรรมเช่นนี้ประจำทุกคืนก่อนนอน โปรดพึงระวัง ดวงตาอาจเสี่ยงบอด รศ. นพ. นริศ กิจนรงค์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้อำนวยการทางวิทยาศาสตร์งาน ชมรมต้อหินแห่งประเทศไทย และ เลขาธิการวิทยาศาสตร์งานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวในงานเสวนาสุขภาพ ภัยร้ายสังคมก้มหน้า อาจถึงขั้นตาบอดได้ว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตามากกว่า 80% สาเหตุมาจากการได้รับรังสี UV 400, UVA1 และแสงสีฟ้า

จากพฤติกรรมจ้องคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน พบได้ทั้งผู้สูงอายุ วัยทำงานและเด็ก โดยพฤติกรรมที่พบส่วนใหญ่คือ ช่วงเวลาก่อนนอนที่จะมีการหยิบสมาร์ทโฟนมาเล่นในขณะที่ปิดไฟแล้ว เป็นส่วนที่เร่งให้มีอาการทางสายตาเพิ่มขึ้นทั้งนี้ อันตรายจากแสง UV แสงสีฟ้าที่อยู่ในจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต จะทำลายดวงตาเมื่อจ้องเป็นเวลานาน เนื่องการกระพริบตาจะน้อยลง โดยปกติจะกะพริบตาประมาณ 20 ครั้งต่อนาที เพื่อให้ตาได้รับความชุ่มชื้น การเพ่งมองเป็นเวลานาน จะทำให้ตาแห้ง แสบตาส่งผลให้การมองเห็นเริ่มผิดปกติเห็น ภาพซ้อน ภาพไม่ชัด พร่ามัว ปวดเบ้าตา กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้นของโรคคอมพิวเตอร์วิชชั่นซินโดรม เป็นส่วนทำให้เกิด ต้อเนื้อ ต้อลม และ จอประสาทตาเสื่อม ซึ่งพบมากขึ้นเรื่อยๆ และรักษาได้ยาก อาจส่งผลให้ตาบอดได้ ขณะที่การตรวจสุขภาพตาน้อยมาก

วิธีหลีกเลี่ยงแสงอันตราย

1. เลือกอุปกรณ์ป้องกัน หรือ ลดปริมาณแสงสีฟ้าที่ดวงตาได้รับโดยตรง เช่น ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด แสงสีฟ้า ป้องกันรังสียูวี หรือใช้แว่นกันแดดที่เคลือบสารป้องกันแสงที่เหมาะสม

2. ปรับค่าความสว่างให้เหมาะสม เมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์ ควรพักสายตาทุก 1-2 ชั่วโมง ประมาณ 5 นาที

3. การพักสายตาที่ดีที่สุดคือการนอน แต่ถ้าไม่สามารถนอนได้ ให้มองไปไกลๆ หรือพื้นที่สีเขียว เช่น ต้นไม้ เพื่อลดการเพ่งของสายตา นอกจากนี้คือ

4. การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ประเภทผักผลไม้ที่มีสีเหลืองส้มจะช่วยบำรุงสายตาได้

ซึ่งคนไทยมากกว่า 50 % เป็นโรคเกี่ยวดวงตา จึงอยากแนะนำให้ผู้ที่อายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไปตรวจสุขภาพตาทุกๆ 1-2 ปี
ในประเทศญี่ปุ่นได้มีการศึกษาพบว่า ผู้ที่ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในแต่วันเป็นเวลานานๆ หลายชั่วโมงติดต่อกัน มีความเสี่ยงในการเกิดคอมพิวเตอร์วิชชั่นซินโดม แล้วยังมีความสัมพันธ์กับจำนวนการเกิดต้อหิน ในการประชากรที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งหากวินิจฉัยและรักษาช้าเกินไปจะทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวร

ที่มา:yaimouth.com

อัพเดทล่าสุด