แพทย์ชี้หลอกให้ลูกกลัว...ระวังพัฒนาการเด็กถดถอย


2,045 ผู้ชม

รู้มั้ยว่าการหลอกลูกให้กลัว เช่น “รีบนอนได้แล้ว เดี๋ยวผีมาหลอกนะ ห้ามเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืนเดี๋ยวผีมาเอาตัวไป” ฯลฯ สิ่งที่จะฝังลงไปในความรู้สึกของลูก คือ...


รู้มั้ยว่าการหลอกลูกให้กลัว เช่น “รีบนอนได้แล้ว เดี๋ยวผีมาหลอกนะ ห้ามเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืนเดี๋ยวผีมาเอาตัวไป” ฯลฯ สิ่งที่จะฝังลงไปในความรู้สึกของลูก คือ ความรู้สึกกลัวอย่างไร้เหตุผล และกลัวในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องกลัว จึงเป็นเสมือนการตอกย้ำให้พัฒนาการทางด้านอารมณ์จิตใจของลูกย่ำอยู่กับที่

ทั้งๆที่ เหตุผล คือสิ่งที่พ่อแม่ต้องปลูกฝังลูกตั้งแต่วัยนี้ เพื่อให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลและมีสมดุลทางอารมณ์ ดังที่ ศ. เกียรติคุณ พญ.ชนิกา ตู้จินดา เคยบอกไว้ว่า

“ในบรรดาความรู้สึกต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อความเข้มแข็งของเด็กคือความกลัว (FEAR) ซึ่งก่อให้เกิดความไม่มั่นคงในจิตใจ ว้าวุ่น หวาดกลัว ไม่มั่นใจในตัวเอง และพาลเป็นผลเสียต่อสุขภาพ จึงต้องพยายามเลี้ยงลูกอย่าให้เป็นคนขลาด กลัวอะไรโดยไม่มีเหตุผล”


ผลจากการถูกหลอกให้กลัว...อย่างไร้เหตุผล

ความกลัวอย่างไร้เหตุผล ส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจของเด็กที่อยู่ในวัยที่จินตนาการกำลังเบ่งบาน ทำให้เมื่อไรที่เด็กรู้สึกกลัว ความกลัวนั้นจะฝังแน่นในความรู้สึกมากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า และด้วยความอ่อนด้อยประสบการณ์ ทำให้การใช้เหตุผลของลูกยังไม่ดีพอ โอกาสที่ดีกรีความกลัวจะทบทวีจึงมีมากขึ้น เมื่อโตขึ้นจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่กลัวในสิ่งที่ไม่น่าจะกลัว เช่นเดียวกับที่ศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

“เป็นการสร้างนิสัยให้เด็กขาดการใช้ความคิดไตร่ตรองหาความจริงด้วยเหตุผล ทำให้เสียบุคลิกภาพ ยิ่งไปกว่านั้น หากลูกมีความกลัวอย่างรุนแรง และต้องอยู่ในภาวะนี้นาน ๆ อาจทำให้เกิดอาการทางประสาทได้ เช่น เด็กที่กลัวความมืด หากให้อยู่ในห้องมืดคนเดียว จะเกิดความเครียด นอนไม่หลับในเวลากลางคืน หัวใจจะเต้นเร็ว ในสมองจะจินตนาการ ไปต่าง ๆ นานา และหวีดร้องได้เมื่อใบไม้ใบหนึ่งปลิวมาปะทะหน้าต่าง ทั้ง ๆ ที่ในความมืดนั้นไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ดังนั้น การช่วยให้เด็กเลิกกลัวอย่างไม่มีเหตุผลจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะจะช่วยพัฒนาการใช้เหตุผลของเด็ก ให้รู้จักคิดใคร่ครวญ พิสูจน์ความจริงก่อนตอบสนอง เมื่อเติบโตขึ้นก็จะเป็นคนที่มีเหตุผล ไม่กลัวสิ่งใดง่าย ๆ ทั้งเป็นการช่วยทำให้เด็กไม่หลงเชื่อสิ่งใดอย่างง่าย ๆ เพียงเพราะรู้สึกกลัวอย่างไม่มีเหตุผล”

อย่างไรก็ตาม ความกลัวจะส่งผลดี หากกลัวอย่างมีเหตุผล กลัวในสิ่งที่ควรกลัว เช่น หากกลัวอุบัติเหตุ เราจะทำสิ่งต่างๆ ด้วยความไม่ประมาท เป็นต้น ความกลัวอย่างมีเหตุผลจะช่วยให้เราแสดงพฤติกรรมที่ดีและเหมาะสมออกมา

ไม่ให้หลอก แล้วต้องทำอย่างไร

ที่เคยหลอกลูกให้กลัวไปแล้ว ก็ยังไม่สายเกินไป เพราะมีวิธีช่วยให้เราเลี่ยงการหลอกลูกอย่างไร้เหตุผลมาเป็นใช้เหตุผลมากขึ้น

1. ตั้งสติสักนิด...ก่อนคิดจะหลอกลูกให้กลัว - ทุกครั้งก่อนที่จะพลั่งปากหลอกลูก ตั้งสติสักนิด ว่าต้องการให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลหรือว่า เป็นผู้ใหญ่ที่กลัวไปหมดทุกเรื่อง

2. อธิบายให้ลูกเข้าใจด้วยเหตุและผล - อธิบายในสิ่งที่เราไม่อยากให้ลูกทำอย่างใจเย็น ด้วยเหตุและผล เช่น แทนที่จะบอกลูกว่า รีบนอนได้แล้วเดี๋ยวผีมาหลอก ให้เปลี่ยนเป็น หนูควรรีบนอนได้แล้ว เพราะพรุ่งนี้จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียนให้ทันเวลา ถ้านอนดึก ลูกจะนอนไม่พอ พอเช้าก็ไม่อยากตื่น อารมณ์ไม่แจ่มใส ที่สำคัญจะทำให้ลูกไปโรงเรียนไม่ทันเวลา เป็นต้น

3. พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่กลัวอย่างไร้เหตุผล - เด็กวัยนี้เป็นวัยแห่งการเรียนรู้และเลียนแบบพฤติกรรมจากคนใกล้ชิดโดยเฉพาะพ่อแม่ การเป็นแบบอย่างที่ดี ใช้เหตุผลในการดำเนินชีวิต จะช่วยให้ลูกซึมซับรับรู้เรื่องเหตุและผลมากขึ้น และไม่กลัวอะไรๆ อย่างไร้เหตุผลได้ โดยการให้เหตุผลแก่ลูกว่า เหตุใดเราจึงควรกลัว หรือไม่ควรกลัวสิ่งต่างๆ เช่น ทำไมเราถึงสมควรกลัวงูมากกว่าผี นั่นเป็นเพราะเรารู้ว่างูสามารถกัดทำร้ายเราจนถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนผีนั้นเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริงหรือไม่ และถึงแม้ว่าพิสูจน์ได้ว่ามีจริงก็ไม่มีเหตุอันใดที่จะทำให้เขามาทำร้ายเรา เป็นต้นแก้ไขความเข้าใจผิด หากผู้ใหญ่ในบ้านหลอกลูกให้กลัว - หากสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านหลอกลูกให้กลัวอย่างไร้เหตุผล คุณพ่อคุณแม่จำเป็นมากที่ต้องอธิบายให้ท่านฟังว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ควรหลอกหลาน ที่สำคัญคือ ต้อง

4. แก้ไขความเข้าใจผิดให้แก่ลูกด้วย เช่น ที่คุณยายบอกว่า ไม่ให้หนูเล่นซ่อนแอบตอนกลางคืน เพราะอาจถูกผีจับตัวไป ที่จริงแล้ว ไม่มีผีที่ไหนมาจับตัวลูกไปได้ แต่คุณยายพูดไปอย่างนั้น เป็นเพราะห่วง กลัวว่าลูกจะไปเล่นไกลหูไกลตาและหลงหายไปมากกว่า เป็นต้น

นอกจากเราจะต้องปลูกฝังนิสัยให้ลูกค่อยๆ เลิกกลัวในสิ่งที่ไร้เหตุผลแล้ว คุณพ่อคุณแม่และทุกคนในบ้านก็ควรจะลาขาดจากพฤติกรรมหลอกลูกให้กลัวไปเลยได้ยิ่งดี

ที่มา: www.momypedia.com

อัพเดทล่าสุด