คิดดีแล้วหรือจะ ดูดไขมัน ลดไขมัน ด้วยวิธี ดูดไขมัน อันตรายหรือไม่


1,345 ผู้ชม


คิดดีแล้วหรือจะ ดูดไขมัน 

ลดไขมัน ด้วยวิธี ดูดไขมัน อันตรายหรือไม่

คิดดีแล้วหรือที่จะ ดูดไขมันก็อย่างที่เขาว่ากันว่า เรื่องความสวยความงาม นี้ ห้ามกันไม่ได้จริงๆ สำหรับ ผู้หญิง คนที่สวยอยู่แล้ว ก็อยากสวยขึ้นอีก บางคนที่รู้สึก ว่า ตัวเอง อ้วนเกินไป ก็หาทุกวิถีทาง ที่จะ ทำให้ ตัวเอง ลดหุ่นลงมา ผอมเพรียว เหมือน อย่างคนอื่น ทั้งออกกำลังกาย เล่นกีฬา อดข้าว อดปลา สารพัดวิธี วิธีเหล่านี้ต้องใช้ ความ อดทน พยายาม และเวลา มาก ทำให้บางคน คิดมองหา ทางลัดที่จะทำให้ ตัวเอง ผอมสวย สมใจด้วย ...แค่ ไขมันส่วนเกิน ก็ตัด หรือดูดมันออกไป เสียสิ ... แต่ ...ระวัง!! ...การดูดไขมัน ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เหมือนดูดสิว เสีย เมื่อไหร่                                                                                                    

การดูดไขมัน ที่ภาษาการแพทย์ ฝรั่งเขาเรียกว่า Liposuction ถือเป็นการรักษาทาง การแพทย์
ชนิดหนึ่ง สำหรับลด จำนวนไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนังที่สะสมอยู่เฉพาะที่ ในปริมาณมากเกินไป อย่างเช่น บริเวณหน้าท้อง สะโพก ก้น ต้นขา ต้นแขน หรือคอ เป็นต้น แต่ไม่ใช่ วิธีการลดความอ้วนหรือ การทำให้คนเปลี่ยนจากอ้วน กลายเป็นผอม เพรียว 
คิดดีแล้วหรือที่จะ ดูดไขมัน
ย้ำนะคะ ...ไม่ใช่ วิธีการลดความอ้วน... ทำโดยการสอดเครื่องมือที่มีลักษณะ เป็นท่อ เรียวๆ ยาวๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณไม่เกิน 2 มิลลิเมตร ซึ่งต่ออยู่กับเครื่อง ปั๊ม สูญญากาศ หรือเครื่อง อัลตร้าซาวด์ ลงไปในชั้นผิวหนังผ่านรูเล็กๆ ขนาด 0.5-1.5 เซนติเมตร ที่แพทย์จะเจาะไว้บน ผิวหนังก่อนหน้านั้น แล้วทำ การดูดไขมัน ใน บริเวณนั้นๆ ผ่านท่อ ลำเลียงออกมาภายนอกร่างกาย ไขมันที่เจ้าของไม่รักแล้วก็จะ ไหลออกมาเป็นของเหลวๆ ปนเลือด

ขออนุญาตกระซิบอีกทีว่า...มันต้องสอดท่อเข้าไปในร่างกายผ่านรูที่เจาะไว้... น้องๆ ผ่าตัดน่ะ แหละคะ อย่าประมาทไปเชียว....
เพราะการจะสอดท่อเข้าไปได้เนี่ย ถ้าแพทย์ไม่จับคุณดมยาสลบก็จะต้องใช้ยาชา เข้ามาช่วย ทำให้ คุณไม่เจ็บขณะที่เครื่องมือทั้งหลายกำลังควานๆ จิ้มๆ อยู่ในตัวคุณ หากคุณไม่แพ้ยาชา หรือยา สลบก็ถือว่าโชคดีไป ไหนจะเลือดออกอีกล่ะ แล้วเมื่อ ดูดไขมัน สำเร็จเสร็จสิ้นทุกจุดที่ต้องการ นอน พักรักษาตัวจนแผลหายสนิทแล้ว แต่บังเอิญ ไขมันส่วนเกินมันถูกกำจัดออกมากเกินไป เหมือน ลูกโป่งที่น้ำรั่ว ผิวไม่เต่งตึง เหมือนเดิม กลับกลายเป็นคลื่นลอนไม่เรียบเสมอกันเหมือนเดิม ขึ้นมา หรือบังเอิ๊ญ บังเอิญ...คุณเป็น คนที่มีผิวหนังเกิดเป็นแผลเป็นง่ายกว่าคนอื่น และดูแลตัวเอง ไม่ถูก ต้อง ทั้งหมดทั้งหลาย มันก็คือ ความเสี่ยง ที่คุณผู้หญิงอยากสวย จะต้องยอมรับ ในบัดดล ไม่ว่าจะ เกิดเหตุ อะไรขึ้นก็ตามหลังจากการกระบวนการเหล่านี้ 
...เห็นมั้ยล่ะคะ ว่ามันเสี่ยงเอาการอยู่นา... 
ที่กล่าวมานี้ไม่ได้มีเจตนาจะขู่ให้กลัว เพียง อยากเน้นว่า ก่อนจะลงมือทำ อะไรกับร่างกาย โดยเฉพาะการทำให้ตัวเอง เลือดตกยางออก เพราะอยากสวยมากขึ้น กว่าที่ธรรมชาติให้ มาน่ะ ก็จะต้องหมั่นหาความรู้ และเข้าใจเรื่อง ที่จะทำไว้ มากๆ แล้วเผื่อใจไว้กับ ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย
เรื่องนี้ คุณหมอปรีชา เตียวตรานนท์ อดีตนายกสมาคม ศัลยแพทย์ ตกแต่ง แห่งประเทศไทย เป็นคน ฝากย้ำมา ...เอาล่ะ ...ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ ส่องกระจกดู ตัวเองแล้ว ไม่พอใจในไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ของร่างกาย และแน่ใจ ว่าตัวเองไม่เป็นโรคเหล่านี้ ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด โรคระบบไหลเวียนโลหิตไม่ดี หรือเคย ผ่าตัด ตรงตำแหน่งที่จะ ดูดไขมัน มาได้ไม่นาน 

แล้วมีเจตนาแน่วแน่ว่าจะต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ด้วยการ ดูดไขมัน แน่ๆ เตรียมใจยอมรับ ความเจ็บของการผ่าตัด และความเสี่ยงทั้งหมดอันอาจ จะเกิดขึ้น อีกทั้งเข้าใจถ่องแท้แล้วว่า การดูดไขมัน ไม่ได้ทำให้คุณเปลี่ยนรูปร่าง ตัวเองให้เพรียว บาง ลงได้ เพียงแต่ช่วยให้ไขมัน ส่วนเกินเฉพาะที่ลดลง ... 
คิดดีแล้วหรือที่จะ ดูดไขมันคุณหมอปรีชา ได้แนะนำว่า คุณต้องเริ่มจากการไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้ตรวจสุขภาพให้ละเอียด บอกเขาถึงความต้องการของคุณ บอกให้หมดว่าคุณแพ้ยาอะไรบ้าง ถามความเป็นไปได้ของผลการผ่าตัดที่คุณหวัง และ ต้องให้แพทย์อธิบายอย่างละเอียด ถึงผลแทรกซ้อน ที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น
การติดเชื้อ มีเลือดคั่ง ผิวหนังเป็นลูกคลื่น รอยแผล เป็นนูนหรือบุ๋ม ผิวหนังมีแผล อาจจะมีผิวหนังเปลี่ยนสีได้บ้าง ซึ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้น บ่อยแต่ก็ควรระวังไว้
  ตลอดจนวิธีการดูแล รักษาตัวเองของคุณ ภายหลังจาก ดูดไขมันและ พักรักษาตัว แพทย์จะตรวจดูสภาพผิวของคุณด้วย เพราะคนที่มีร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ ผิวหนังมีความยืดหยุ่นดี มักจะได้ผลดีจาก การดูดไขมัน มากกว่าคนที่ไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว 

  แพทย์ที่คุณเลือกไปปรึกษาก็ควรเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง ที่ได้รับวุฒิบัตรศัลยแพทย์ ตกแต่ง ของ แพทยสภา หรือ เทียบเท่า ถ้าเป็นสถาบันจากต่างประเทศ ซึ่งควรได้รับ คำแนะนำจากแพทย์ประจำตัวของคุณให้แนะนำให้ หรือ ถ้าไม่มีใครใกล้ตัวคุณ ที่แนะนำแพทย์ให้ได้จริงๆ ก็อาจขอรายชื่อ แพทย์ที่เป็นสมาชิกของสมาคมศัลยแพทย์ ตกแต่งแห่งประเทศไทย หรือ ปรึกษาทางแพทยสภาก็ได้
 
 และที่สำคัญ....อย่าไปสนใจ หรือ หลงเชื่อกองเชียร์หน้าร้าน หรือสถานเสริมความงาม ที่ไม่ใช่ ศัลยแพทย์ ตกแต่ง เป็นผู้ลงมือเด็ดขาด....เพราะมันอาจ เป็นอันตราย ถึงอวัยวะภายในได้ทีเดียว
เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว คุณจะเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน บวม ปวด และมีแผล เล็กน้อยจากการ ใส่เครื่องมือ หลังผ่าตัดแพทย์จะใช้ผ้าพันบริเวณที่ ดูดไขมัน ไว้ประมาณ 2-5 วัน และ ตัดไหมได้เมื่อ เวลาผ่านไปประมาณ 5-7 วัน
 
หลังจากนั้นต้องพันผ้าหรือ ใส่เครื่องนุ่งห่มที่พันกระชับ กับส่วนนั้น ไว้อีกประมาณ 1-2 เดือน รอยช้ำเขียวจากการดูดจะคง อยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์แล้วจะค่อยหายไป ผิวหนังบริเวณที่ ดูดไขมัน อาจจะ มีลักษณะเป็นลูกคลื่นได้ ซึ่งน่าจะดีขึ้นภายใน 2-3 เดือน โดยที่คุณ สามารถจะกลับไป ทำงานได้ประมาณ 1 สัปดาห์ภายหลังการผ่าตัด พร้อมกับรับประทานยา และ ปฏิบัติตัว ตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และหมั่นออกกำลังกายฟิตหุ่น เริ่มจากการออกกำลังกาย แบบเบาๆ อย่าหักโหมก่อนในช่วง 3-4 สัปดาห์หลังผ่าตัด แล้วหลังจากนั้นเมื่อแผล หายสนิทแล้ว ประมาณ 6-8 สัปดาห์ จึงค่อยเพิ่มการออกกำลังกายมากขึ้น จนเข้าสู่ ระดับปกติ รวมทั้งต้องควบคุม การ รับประทานอาหารอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากปล่อย ปละละเลยก็มีโอกาสที่ไขมัน จะกลับมาหา คุณใหม่อย่างแน่นอน

"การดูดไขมันเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมสำหรับการลดไขมันเฉพาะที่ แต่ไม่ใช่คำตอบของการ ลดน้ำหนัก" วิธีที่ดีที่สุดของการลดน้ำหนักน่าจะเป็นเรื่อง ของการออกกำลังกายและ ควบคุมอาหารมากกว่า อย่าให้ความอยากสวยเข้ามาบดบังความจริงนะคะ โปรดจำไว ้เสมอว่า เมื่อแพทย์ลงมีดแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนอะไรได้อีกต่อไป ข้อคิดอันนี้ไม่ใช่เฉพาะ การดูดไขมัน เท่านั้น แต่หมาย ความรวมถึงการทำ ศัลยกรรมความงามทุกชนิด ด้วยค่ะ

ที่มา   https://www.doctorcosmetics.com/read_content.php?id=1867&pagetype=articles

อัพเดทล่าสุด