การรักษา โรคตาแห้ง


792 ผู้ชม


การรักษา โรคตาแห้ง

1. ลดการระเหยของน้ำตาให้น้อยลง 
เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดี คือ หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับแดดและลม โดยสวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง ไม่นั่งในที่ที่มีลมพัดหรือแอร์เป่าใส่หน้า 

2. กระพริบตาถี่ๆ 
ในภาวะปกติคนเราจะกระพริบ ตา นาทีละ 20 - 22 ครั้ง ทุกครั้งที่กระพริบ ตา เปลือกตา จะรีดน้ำตา ให้มาฉาบผิว กระจกตา แต่ถ้าในขณะที่จ้องหรือเพ่ง ตา จะลืมค้างไว้นานกว่าปกติ ทำให้กะรพริบตาเพียง 8 - 10 ครั้ง น้ำตา ก็จะระเหยออกไปมาก ทำให้ ตาแห้ง เพิ่มขึ้นจึงควรพักสายตา โดยการหลับตา กระพริบตา หรือลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถ ประมาณ 2 - 3 นาที ในทุกครึ่งชั่วโมง 
3. สำหรับผู้ที่ ตาแห้ง มาก อาจใช้กรอบแว่นชนิดพิเศษที่มีแผ่นคลุมปิดกันลมด้านข้าง การรักษาโรคตาแห้ง
แว่นชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยครอบทั้ง ดวงตา และป้องกันลมด้วย หรือจะใช้แผ่นซิลิโคนชนิดพิเศษที่ใสบางและนุ่ม นำมาตัดให้เข้ากับด้านข้างของกรอบแว่นตาคู่เดิม ซึ่งเรียกว่า Moist Chamber 

4. ใช้น้ำตาเทียม น้ำตาเทียมคือ ยาหยอดตา ที่ใช้เพื่อหล่อลื่นและให้ความชุ่มชื้นกับผู้ที่ ตาแห้ง 
น้ำตาเทียมมี 2 ชนิดคือ 
การรักษาโรคตาแห้ง4.1 น้ำตาเทียม ชนิดน้ำ - เหมาะที่จะใช้ในเวลากลางวัน เพราะไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ทำให้ ตา มัว แต่มีข้อจำกัดคือ ต้องหยอด ตา บ่อย 
4.2 น้ำตาเทียม ชนิดเจลและขี้ผึ้ง - มีลักษณะเหนียวหนืด หล่อลื่นและคงความชุ่มชื้นได้นานกว่าชนิดน้ำ แต่จะทำให้ ตา มัวชั่วขณะหลังป้ายยา จึงควรใช้ป้าย ตา แต่น้อยก่อนเข้านอน 
การรักษาด้วยวิธีใช้ น้ำตาเทียม เวลาในการหยอด
 ตา จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ตาแห้ง หากวันใดไม่ถูกลม แล้วรู้สึกสบาย ตา ก็ไม่จำเป็นต้องหยอด แต่ถ้ารู้สึกเคือง ตา มาก ก็หยอดบ่อยๆ ได้ตามต้องการ

5. การอุดรูระบายน้ำตา สำหรับผู้ที่มีอาการ ตาแห้ง อย่างรุนแรง จักษุแพทย์จะใช้วิธีอุดรูระบายน้ำตา เพื่อขัง น้ำตา ที่มีอยู่ให้หล่อเลี้ยงการรักษาโรคตาแห้งตาอยู่ได้นานๆ ไม่ปล่อยให้ไหลทิ้งไป เหมือนกับการสร้างเขื่อนกั้นเก็บกักน้ำไว้ใช้ 
วิธีและขั้นตอนในการอุดรูระบายน้ำตามี 2 วิธี คือ การอุดแบบชั่วคราว และการอุดแบบถาวร 
สำหรับการอุดแบบชั่วคราว จักษุแพทย์จะสอดคอลลาเจนขนาดเล็กเข้าไปในรูท่อ น้ำตา ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตาขึ้น โดยคอลลาเจนจะสลายไปเอง ภายใน 3 สัปดาห์ สำหรับผู้ป่วยที่มี น้ำตาแห้ง มาก จักษุแพทย์จะอุดรูระบาย น้ำตา แบบถาวรให้ ทั้งนี้ จะใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
ที่มา   https://www.doctorcosmetics.com/read_content.php?id=1832&pagetype=product

อัพเดทล่าสุด