AHA & BHA สารช่วยผิวดีจริงหรือ?


1,034 ผู้ชม


"AHA & BHA สารช่วยผิวดีจริงหรือ?"

    AHA & BHA สารตัวนี้ช่วยผิวให้ดีจริง? สำหรับคำถามนี้ย่อมมีคำตอบให้คุณผู้หญิงทุกคนได้อย่างแน่นอนค่ะ

เพราะเป็นที่รู้จักกันดีในวงการเครื่องสำอางว่า สาร AHA & BHA นี้สามารถช่วยให้เนียน ขาวขึ้น แล้วจริง ๆ แล้ว AHA & BHA มีประโยชน์ต่อผิวพรรณเราอย่าไรบ้าง และมีโทษต่อผิวพรรณของเราอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับ AHA & BHA นั้นอย่ารอช้าก่อนใช้ AHA & BHA เราจึงต้องควรศึกษาก่อนนะค่ะ

AHA & BHA คือ

     สารเคมีกลุ่ม "เอเอชเอ" (AHA) และ "บีเอชเอ" (BHA) หรือเรียกชื่อเต็มโดยทั่วไปว่า แอลฟ่าไฮดรอกซี่แอซิด (alpha-hydroxy acid) ได้รับความนิยมนำมาผสมในเครื่องสำอางบำรุงผิวตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 เป็นต้นมาจวบจนถึงปัจจุบัน
สารทั้งสองนี้มีผสมอยู่ในเครื่องสำอางสารพัดรูปแบบ เช่น ครีมหน้าขาว ครีมลดริ้วรอย ครีมพอกและลอกหน้า รวมทั้งผสมในแชมพูสระผม สบู่อาบน้ำและอื่น ๆ มีทั้งชนิดที่เป็นเคมีสังเคราะห์และชนิดที่สกัดได้จากผลไม้ เช่น มะขามป้อม แอปเปิ้ล ส้ม สาลี่ ฝรั่ง อ้อย ฯลฯ มีรายงานว่า ในปี พ.ศ.2543 ยอดจำหน่ายของเครื่องสำอางที่ผสมสารดังกล่าวในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นสูงถึง 6 ล้านล้านเหรียญ
กลไกการออกฤทธิ์ของสารทั้งสองชนิดคล้ายคลึงกันคือ เร่งการหลุดลอกของเซลผิวเก่าที่ตายแล้วหรือเสื่อมสภาพแล้วให้ออกจากผิวหน้าเพื่อให้ผิวหนังสร้างเซลผิวใหม่ทำให้ผิวหน้าแลดูขาว เนียน และสดใสขึ้น ผิวหนังใหม่จะหนาขึ้นทำให้ริ้วรอยแลดูจางลง สารทั้งสองชนิดสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวหน้าในชั้นที่ลึกลงไปได้ดีทำให้มีการนำมาใช้ในเครื่องสำอางแก้สิวเสี้ยน เนื่องจากกลไกการหลุดลอกหัวสิวทำให้รูขุมขนเปิดกว้างการชะล้างสิ่งสกปรกทำได้ง่ายขึ้น

ประสิทธิภาพของเครื่องสำอางเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและพีเอชหรือความเป็นกรดด่างของผลิตภัณฑ์ จะได้ผลดีถ้าผลิตภัณฑ์มีพีเอช ระหว่าง 3.0-3.5 หากมีความเข้มข้นสูงเกินไปจะทำให้ผู้ใช้เกิดอาการแพ้ ผิวไหม้ อักเสบ แสบ คัน และระคายเคือง แต่ถ้าผลิตภัณฑ์มีพีเอชสูงกว่าที่กำหนดประสิทธิภาพจะต่ำหรือไม่ได้ผลเลยเนื่องจากสารทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นที่ลึกลงไปได้ดี เมื่อใช้ไปนาน ๆ หรือใช้ประจำการสะสมใต้ผิวหนังจะก่อให้เกิดอาการแพ้โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีรายงานการวิจัยทางการแพทย์แล้วว่า จะทำให้ผิวหนังไวต่อรังสีดวงอาทิตย์ ผิวหนังอาจไหม้ เป็นผื่น อักเสบ
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาจึงได้ออกคำเตือนเมื่อ วันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2548 ว่าผู้ที่ใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสาร AHA และ BHA จำเป็นต้องทาครีมกันแดดทับแทบทุกครั้ง และเมื่อหยุดใช้ยังต้องทาครีมกันแดดต่ออย่างน้อยอีก 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผิวหน้าจากรังสีดวงอาทิตย์อย่างไรก็ตามหากมีการนำเครื่องสำอางกลุ่มนี้ไปทาบริเวณผิวหนังที่ไม่ได้รับรังสีดวงอาทิตย์หรือบริเวณปกปิดของร่างกายก็ไม่จำเป็นต้องทาครีมกันแดดทับ
มีรายงานการวิจัยที่น่าสนใจที่พบว่า ผู้ที่ใช้เครื่องสำอางผสม AHA และ BHA เป็นประจำเป็นเวลานานเพื่อหวังผลไม่ให้ผิวหน้าเหี่ยวย่นหรือหน้าขาวอาจจะส่งผลในทางตรงกันข้าม เพราะธรรมชาติของผิวหนังที่ได้รับการกระตุ้นบ่อยเกินไปเป็นประจำ จะทำให้เซลผิวชะงักและชะลอการสร้างเซลใหม่เช่นเดียวกับต้นไม้ที่ชะงักการเจริญเติบโตจะไม่ผลิใบใหม่ หรือผลิลดลงอย่างผิดปกติ นอกจากนั้นยังมีรายงานวิจัยว่า สารทั้งสองกลุ่มไม่เหมาะสำหรับใช้กับผิวหนังคนเอเชียและคนผิวคล้ำดำเพราะอาจทำให้ผิวเกิดรอยด่างดำความไม่สม่ำเสมอของสีผิวหน้าได้
ที่มา   https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=291

อัพเดทล่าสุด