กินผักตามฤดู 12 เดือน


691 ผู้ชม


"กินผักตามฤดู 12 เดือน"

    อย่างที่รู้ๆ กันอยู่นะคะว่า ผักสีเขียวๆ จะช่วยให้เราผิวพรรณผ่องใส และระบบการขับถ่ายทำงานดีขึ้น

 ยิ่งถ้าเราได้รับประทานผักสดๆ ด้วยแล้ว จะยิ่งได้วิตามินซีตามไปด้วย นอกจากนั้นผักทุกประเภทยังอุดมไปด้วยสารโพแทสเซียม ซึ่งช่วยให้เกิดภาวะสมดุลในร่างกายของเรา

เมื่อรู้ถึงคุณประโยชน์ของผักอย่างนี้แล้ว เห็นทีคงต้องอาศัยข้อมูลจาก รศ.ดร.ประไพศรี ศิริจักรวาล หัวหน้าฝ่ายมนุษยโภชนาการ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา มาเล่าสู่กันฟังแล้วล่ะค่ะว่า ถ้าจะเลือกผักตามฤดูกาลเพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษ ในแต่ละเดือนเราควรเลือกผักประเภทไหนที่เหมาะสม

 

เดือนมกราคม

แครอต กระหล่ำดอก ผักกาดขาว ผักกาดเขียวปลี และปวยเล้ง

คุณค่าทางสารอาหาร : ผักกาดเขียวและปวยเล้งจะมีแคลเซียมสูง และมีเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตา และเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย ส่วนแครอตจะให้สารเบต้าแคโรทีน กรรมวิธีการปรุงเราสามารถหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อนำมาผัดหรือใส่ลงในซุปได้

 

เดือนกุมภาพันธ์

มะเขือเทศ ผักโขม แตงกวา

คุณค่าทางสารอาหาร : เม็ดแตงกวาและเปลือกจะให้ใยอาหาร ผักโขมมีเบต้า

แคโรทีนสูง แต่เด็กบางคนอาจจะไม่ชื่นชอบในรสชาติ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่

สามารถนำผักโขมมาสับให้ละเอียดแล้วนำมาผสมกับเนื้อสัตว์ ส่วนมะเขือเทศจะให้สารแคโรตินอยด์ ที่ช่วยต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น หรือต้านอนุมูลอิสระ (ภาวะชะลอความเสื่อมของร่างกาย) เราสามารถนำมาซอยให้เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อใส่ในน้ำซุป หรือผัดลงในข้าว หรือในไข่เจียวก็ได้ทั้งนั้น

 

เดือนมีนาคม

ผักกวางตุ้ง เห็ดฟาง ถั่วฝักยาว หอมใหญ่ คะน้า

คุณค่าทางสารอาหาร : ผักคะน้าจะมีแคลเซียมสูง แต่เด็กบางคนอาจจะรู้สึกว่าขม ดังนั้น ถ้าเราหั่นใบเป็นชิ้นฝอยๆ และลอกก้านคะน้าให้เหลือเพียงสีขาวใสๆ แล้วนำมาผัดโดยเพิ่มแครอตผสมเข้าไปในข้าว จะทำให้อาหารมื้อนั้นอร่อยถูกปากลูกยิ่งขึ้นค่ะ นอกจากนั้นคะน้ายังอุดมไปด้วยสารอาหารเบต้าแคโรทีนด้วย ส่วนถั่วฝักยาวควรล้างให้สะอาดๆ แล้วรับประทานสดๆ เพื่อจะได้ปริมาณวิตามินซีอย่างเต็มที่

 

เดือนเมษายน

หอมใหญ่ ถั่วฝักยาว เห็ดฟาง

คุณค่าทางสารอาหาร : หอมใหญ่มีสารต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ซึ่งช่วยชะลอ

ความเสื่อมของร่างกาย เราสามารถซอยหอมใหญ่แล้วนำมาผัดกับข้าวผัดทำให้

ข้าวผัดนั้นมีรสชาติหวานขึ้น ส่วนเห็ดฟางก็นำมาใส่ลงในแกงจืดเปลี่ยนรสชาติของอาหาร ทำให้ไม่น่าเบื่อ

 

เดือนพฤษภาคม

ถั่วพู หอมใหญ่ มะละกอดิบ

คุณค่าทางสารอาหาร : มะละกอดิบเอามาทำส้มตำรสชาติไม่เผ็ดให้ลูกรับประทาน เท่ากับได้รับประทานผักสดๆ ซึ่งจะทำให้ลูกได้รับวิตามินซีเพิ่มขึ้นนะคะ สำหรับถั่วพู นำมาหั่นฝอยผสมไก่หรือหมูสับทอด เป็นทางเลือกที่หลากหลายในการเพิ่มแร่ธาตุแคลเซียมและใยอาหารให้ลูก

 

เดือนมิถุนายน

ดอกกุยฉ่าย คะน้า เห็ด

คุณค่าทางสารอาหาร : ดอกกุยช่ายจะอุดมไปด้วยโฟเลต ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่าง

กายในการสร้างสารพันธุกรรม และช่วยไม่ให้เกิดภาวะโลหิตจางชนิดหนึ่ง

ส่วนเห็ดจะให้โปรตีน และคะน้าจะมีแคลเซียมสูง

 

เดือนกรกฎาคม

ยอดตำลึง ผักบุ้งไทย

คุณค่าทางสารอาหาร : ผักบุ้งหรือผักที่มีสีเขียวเข้มจะให้สารเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตาและต้านอนุมูลอิสระ ส่วนผักตำลึงจะให้สารเบต้าแคโรทีนเช่นกัน มีเมนูที่ทำง่ายๆ ได้คุณค่า เช่น ใส่ลงไปในไข่เจียว หรือต้มจืดให้ลูกรับประทานก็ได้ค่ะ

 

เดือนสิงหาคม

ผักกระเฉด หัวปลี ข้าวโพด

คุณค่าทางสารอาหาร : หัวปลีจะมีใยอาหารค่อนข้างมาก ช่วยในเรื่องการขับถ่าย

ให้ลูกรัก ส่วนข้าวโพดซึ่งจัดเป็นธัญพืชจะมีเบต้าแคโรทีนสูง ผักกระเฉดจะช่วยเรื่อง

ขับถ่าย และเป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูงเช่นกัน แต่ระวังในการเลือกซื้อด้วยนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้มีการใส่สารที่เป็นอันตรายทำให้ผักดูสดใหม่อยู่เสมอ

 

เดือนกันยายน

ผักกระเฉด กวางตุ้ง บวบ

คุณค่าทางสารอาหาร : กวางตุ้งอุดมไปด้วยแคลเซียม และเบต้าแคโรทีน ส่วนบวบจะให้ใยอาหารค่อนข้างสูง

 

เดือนตุลาคม

มะระ ถั่วพู สายบัว ผักกระเฉด

คุณค่าทางสารอาหาร : มะระเป็นผักสมุนไพรที่ให้วิตามินซีสูง (ถ้ารับประทานดิบๆ) เราสามารถทำเป็นเมนูแกงจืดหรือตุ๋นก็ได้ โดยคว้านไส้ในออกแล้วสอดหมูบดลงไป ส่วนผักกระเฉดและสายบัวควรล้างให้สะอาดๆ ก่อนนำไปบริโภค

 

เดือนพฤศจิกายน

ผักกาดขาว สายบัว

คุณค่าทางสารอาหาร : ผักกาดขาวมีเบต้าแคโรทีนสูง ส่วนสายบัวให้ใยอาหารช่วยในเรื่องขับถ่าย

 

เดือนธันวาคม

ถั่วแขก ถั่วลันเตา กะหล่ำปลี

คุณค่าทางสารอาหาร : กะหล่ำปลีหรือกะหล่ำดอกสดเป็นแหล่งของวิตามินซี

อย่างดี เราสามารถนำมาผัด หรือต้มโดยใส่หมู หรือรับประทานสดๆ ก็ได้

ส่วนถั่วลันเตาเป็นผักที่มีโปรตีนค่อนข้างสูง และมีใยอาหารสูง

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับผักตามฤดูกาลต่างๆ ที่แนะนำมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้รับรู้กัน คราวหน้าคุณๆ คงจะมีโอกาสได้เลือกผักเขียวๆ ตามใจชอบ แถมยังปลอดสารพิษด้วย ทีนี้ครอบครัวของคุณก็จะก้าวเดินอยู่บนเส้นทางสายสุขภาพกันแล้วล่ะค่ะ
ที่มา    https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=69

อัพเดทล่าสุด