ปลาทอดสาหร่าย


934 ผู้ชม


"ปลาทอดสาหร่าย"

    สาหร่ายจัดเป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางอาหารสูงมากๆอีกชนิดหนึ่งยิ่งถ้าได้จับคู่กับเนื้อปลาแล้วละก็รับรองว่าเป็นสุดยอดอาหารคุณหนูเลยคะ วันนี้เราก็เลยจัดเมนูเนื้อปลาทอดสาหร่ายสำหรับคุณหนูมาฝากกันคะ

สำหรับปลากระพงที่เราเลือกใช้กันในเมนูนี้จัดเป็นเนื้อปลาไขมันต่ำ มีประโยชน์ต่อการเจริญเติดโตของเด็กมากอีกชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ ในเนื้อปลากระพงขาว ยังอุดมไปด้วย กรดไอโคซาเพนตะอีโนอิก (EPA) และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) หรือ โอเมก้า3  มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน ช่วยลดระดับไขมันในเลือด อีกด้วย

ส่วนสาหร่ายนั้นคุณค่าทางอาหารนี่หลายคนคงไม่ต้องพูดถึงเลยละคะ เพราะว่าให้ทั้ง ไอโอดีน ธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสี ใยอาหาร ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อเจ้าตัวน้อยทั้งสิ้นเลยละคะ

เตรียมส่วนประกอบ

เนื้อปลากระพงขาวแล่เอาหนังออกขนาด 100 กรัม 1 ชิ้น
เกล็ดขนมปังปั่นพอละเอียด 1 ถ้วย
สาหร่ายทะเลอบปั่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร 1/8 ช้อนชา
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย
ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน  1 ฟอง 
น้ำมันพืช 2 ถ้วย
กะหล่ำปลีสีม่วง ซอยและแครอทหั่นเส้นสำหรับตกแต่ง  

ส่วนผสมของซอสมะเขือเทศสด

มะเขือเทศลอกเปลือกหั่นชิ้นเล็ก 200 กรัม
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
เกลือสมุทร 1/4 ช้อนชา

1. เริ่มด้วยการทำซอสมะเขือเทศสดก่อนก่อนเลยคะ โดยการปั่นมะเขือเทศสดที่เตรียมไว้จนละเอียด ใส่ลงในกระทะ ตั้งไฟอ่อนๆปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และคนให้ทั่ว พอเริ่มเดือดแล้วก็ตักใส่ถ้วยรอไว้เลยคะ

2. ล้างเนื้อปลากระพง แล้วซับน้ำให้แห้ง หั่นเป็นชิ้น 4 เหลี่ยมขนาดลูกเต๋าใส่จานเตรียมไว้คะ

3. ผสมเกร็ดขนมปัง สาหร่ายทะเล เกลือ เข้าด้วยกันในถุง ปิดปากถุงแล้วเขย่าให้เข้ากันเตรียมไว้

4. ใส่แป้งสาลีในถุง ใส่เนื้อปลาครั้งละ 5 ชิ้น แล้วเขย่าให้ทั่ว และทำไปเรื่อยจนเนื้อปลาหมดคะ

5. นำเนื้อปลาที่คลุกแป้งจนเข้ากันดีแล้วไปชุบในไข่อีกรอบ แล้วนำไปใส่ในถุงเกร็ดขนมปังในขั้นตอนที่ 3  เขย่าอีกรอบแล้วใส่จาน ปิด้วยพลาสติกแร็ป นำเข้าไปแช่เย็นเพื่อให้เกร็ดขนมปังปิดกับเนื้อปลาคะ

6. ทอดเนื้อปลาในไฟกลางที่ตั้งไว้จนเดือด พอเนื้อปลาสุกเหลืองก็ยกขึ้น บางบนกระดาษซับมันได้เลยคะ

7. จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยกระหล่ำปลีสีม่วง แครอท เสริร์ฟกับซอสมะเขือเทศสดได้เลยคะ

เนื้อปลาทอดสาหร่าย

ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่หนูๆต้องชอบมากๆเลยคะ แต่ว่าคุณแม่สิคะ จะไหวหรือเปล่าเพราะเมนูนี้ก็มีหลายขั้นตอนเอาการอยู่ยังไงก็ลองหัดทำกันนะคะ เพื่อคุณลูกสุดที่รักคะ
ที่มา   https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=1953

อัพเดทล่าสุด