หมูต้มส้มแขกดอกไม้จีน


1,258 ผู้ชม


สมัยเด็ก ๆ จำได้ว่า งานไหนงานนั้น มักจะมี "หมูต้มส้มแขก คล้ายกับ หมูพะโล้  แต่ไม่

ใส่ผงพะโล้ รสชาติหนักไปทาง หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ นิด ๆ  เหนียวนุ่ม  ไม่ได้กินนานแล้ว

จึงลองทำให้ลูก ๆ ทาน พร้อมกับเล่าให้ลูกฟังว่า เป็นอาหารที่แม่กินมาตั้งแต่เด็ก ๆ 

ไม่ทราบเหมือนกันว่าที่อื่นมีหรือเปล่า แต่ที่บ้านเรา  "สงขลา" ใคร  ๆ ก็รู้จัก

หมูต้มส้มแขก

จริง ๆ แล้วอาหารแต่ละประเภท ไม่มีส่วนประกอบตายตัว แล้วแต่ใครจะดัดแปลง

สำหรับครูอิง "หมูต้มส้มแขก" ชามนี้  ครูอิงใส่ "ดอกไม้จีน" เป็นส่วนประกอบด้วยค่ะ

รู้จักหน้าตาของพระเอกนางเอกของครูอิงกันนะคะ

 

                          ส้มแขกแห้ง                                                      ดอกไม้่จีนแห้ง

 

ส้มแขก จะแห้งและแข็ง  แต่เมื่อนำมาใส่ในหม้อต้มแล้วก็จะเหนียวนุ่ม กินได้ค่ะ 

(ไม่ใช่กินแต่เนื้อหมู คริ คริ) มีรสเปรี้่ยว 

ดอกไม้จีน  แห้งและแข็งเช่นกันค่ะ หากเก็บไว้ในตู้เย็นนาน ๆ ก็จะกรอบ  หักง่าย  

ดังนั้นเราต้องนำไปแช่น้ำสักครู่   พอเห็นว่านิ่มดีแล้ว  ก็ผูกเป็นปม  ไม่ผูกก็ได้นะคะ 

แล้วแต่เรา  สำหรับครูอิงชอบผูกค่ะ  นอกจากจะสวยงามแล้ว เวลาเคี้ยว รู้สึก กุบ ๆ  

อร่อยดีค่ะ


                       

                                                               ดอกไม้จีนหลังจากแช่น้ำ

สรุปว่า ส่วนประกอบทั้งหมด ของ "หมูต้มส้มแขกดอกไม้จีน" (สูตรของครูอิง) มีดังนี้ค่ะ  

(1) หมูสามชั้น หรือสองชั้น แล้วแต่ชอบค่ะ จะใช้ขาหมูยังได้เลยค่ะ   (2)  ส้มแขก เป็น

ผลไม้ทางภาคใต้ตากแห้ง (3) ดอกไม้จีน  (4) น้ำตาลปี๊บ   (5) ซีอิ๊วดำ (6) น้ำปลา 

(7) กระเทียม



วิธีทำ   1) บุบกระเทียมไม่ต้องแหลก ไม่ต้องสับ นำไปผัดกับน้ำมันนิดหน่อยพอหอม  

ใส่หมูที่่เตรียมไว้ 

             2) ผัดหมูกับกระเทียม พอหอม ใส่ซีอิ๊วลงไปผัด ใส่น้ำปลา ผัดพอหมูเริ่มตึงตัว

          3) เติมน้ำ ลงไปให้ท่วมกะว่าพอสำหรับเคี่ยวหมูให้นุ่ม พร้อมน้ำตาล ส้มแขก 

ดอกไม้จีน เคี่ยวไฟกลางประมาณ  25-30 นาที

            4) ช่วงที่เคี่ยวรอให้หมูนุ่ม เราก็ชิมและปรุงรสตามใจชอบ  สามารถเพิ่มส้มแขก 

 น้ำตาล หรือผงปรุงรสก็ทำได้ตามอัธยาศัย  

            5) หลังจากชิมรส ออกเปรี้ยวหวานกลมกล่อม หมูเปื่อย  น้ำแห้งขลุกขลิก  เป็น

ที่ถูกใจแล้ว ก็ตักใส่ชามเสิร์ฟได้เลยค่ะ


           *** ถ้าต้องการเก็บไว้กินหลายมื้อ ก็ให้ตักส้มแขกออกจากหม้อปรุง นะคะ  

มิฉะนั้นเวลาเราอุ่น ความเปรี้่ยวของส้มแขกก็จะออกมาอีกค่ะ 

           *** อาจจะโรยด้วยพริกคั่ว เพื่อเพิ่มความเผ็ดนิด ๆ ก็ไม่ทำให้เสียรสชาติ ความ

อร่อยแต่ประการใด


ส้มแขก

ได้มีการค้นคว้าพบว่า ผลส้มแขก มีสาร HCA หรือ Hydroxy-citric acid อยู่เป็นจำนวนมาก โดยพบว่า HCA นี้มีคุณสมบัติในการยับยั้งการสะสมของไขมันส่วนเกินในร่างกาย และลดความอยากอาหารได้ จึงได้มีบางคนนำผลส้มแขกมาใช้ในการควบคุมน้ำหนัก

ผลส้มแขก 

ผลส้มแขก

กลไกการออกฤทธิ์ของ HCA จะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ ATP Citrate Lyase ในวงจร Kreb’s cycle (วงจรการย่อยสลายกลูโคส ของเซลร่างกาย) ทำให้ยับยั้งการนำน้ำตาล จากอาหารประเภท แป้ง ข้าว และน้ำตาล ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามร่างกายแต่จะนำไปใช้เป็นพลังงานของร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่นไม่อ่อนเพลีย และ เมื่อในกระแสเลือดไม่ขาดน้ำตาล ก็จะทำให้ความรู้สึกหิวอาหารลดลง ไปด้วย ขณะเดียวกัน ก็ จะนำไปสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของไกลโคเจนที่ตับ ทำให้ร่างกายรับรู้ว่ามีพลังงานสำรองเพียงพอ ทำให้ไม่รู้สึกหิวมาก นอกจากนี้ ยังมีผลไปกระตุ้น ให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นพลังงานทำให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดลง ซึ่งจะมีผล ทำให้รูปร่างดีขึ้น

จากการนำสารสกัดจากผลส้มแขกมารับประทานเพื่อให้น้ำหนักลดลง พบว่าน้ำหนักตัวอาจจะไม่ลดลงเร็วมากนัก ประมาณ 1 กิโลภายใน 3-4 อาทิตย์ แต่รูปร่างจะดีขึ้น เอว(พุง) ลดลง ความอึดอัดลดน้อยลง เนื่องจากไขมันมีน้ำหนักเบากว่ากล้ามเนื้อ ( แต่ถ้าร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อก็จะเกิดการอ่อนแอและโรคแทรกซ้อนได้ง่าย)

ขณะที่ใช้สารสกัดจากส้มแขก คุณสามารถ รับประทานอาหารได้ตามสมควร แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมันลงบ้าง และเมื่อความรู้สึกหิวน้อยลงจากการที่ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเพียงพอแล้วจะทำให้ นิสัยการกินอาหารจุๆ จำนวนมากก็จะค่อยๆ ลดลง และไม่กลับมาอ้วนใหม่

ผลส้มแขก จนถึงบัดนี้ ยังไม่พบผลข้างเคียงหรืออันตรายที่เกิดขึ้นจากการรับประทานตามขนาดที่แนะนำ แต่ไม่ว่าจะลดน้ำหนัก ด้วยวิธีใด การปรับเปลี่ยน พฤติกรรมในการกินอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ได้ผลเร็วและปลอดภัยกว่ายาใดๆ ทั้งหมด
ที่มา   https://www.gotoknow.org/posts/535552

อัพเดทล่าสุด