น้ำปลาหวานปลาดุกย่างดอกนางแลว ดอกสะเดา ผักชี


1,544 ผู้ชม


น้ำปลาหวานปลาดุกย่างดอกนางแลว

 น้ำปลาหวาน เมื่อได้ยินเราก็จะนึกถึงน้ำปลาหวานมะม่วงเปรี้ยว ทำให้น้ำลายสอกันทีเดียว เรื่องน้ำปลาหวานนั้นเคยได้เขียนไว้โดยทำน้ำปลาหวานชมพู่มะเหมี่ยวกับมะม่วง ช่วงนั้นมะเหมี่ยวที่สวนออกลูก ช่วงเวลาขณะนี้กำลังออกดอกสีชมพูสวยงามเต็มต้นไปด้วยผึ้งมาเก็บน้ำหวานทำให้นึกอยากชิม น้ำผึ้งจากดอกชมพู่มะเหมี่ยวแต่ก็ไม่สามารถทราบได้ว่ารังอยู่ที่ไหนได้แต่นึกก็พอแล้ว เคยได้ชิมน้ำผึ้งดอกกราวเครือขาว น้ำผึ้งจากดอกกราวเครือขาวรสจะไม่หวานมากน้ำผึ้งเป็นสีไม่เข็ม และใสๆไม่เหนียวมาก จนมีความสงสัยว่า เป็นน้ำผึ้งแท้หรือไม่ 

หัวข้อบันทึกนี้คงสงสัยนะคะว่าทำไมไม่ใช้น้ำปลาหวานดอกสะเดาก่อนดอกนางแลว ที่เป็นอาหารอร่อยและเราได้ชิมตามฤดูที่ดอกสะเดาออกดอกเท่านั้น จริงๆแล้วน้ำปลาหวานที่กินคุ่กับปลาดุกย่างนั้นไม่มีดอกสะเดาเราก็จัดเป็นเมนูอาหารได้ตลอดปีที่เราอยากทำได้ น้ำปลาหวานปลาดุกย่างจะคู่กับดอกสะเดาจัดเป็นอาหารภูมิปัญญาไทยของเราที่คงหาได้เฉพาะไทยของเรา คิดประกอบเป็นเมนูอาหารที่อร่อยมากถึงแม้จะหลายขั้นตอน แต่เดี่ยวนี้ลดขึ้นตอนที่จะได้ชิมได้มากๆ อย่างไร เช่น เราไม่ต้องไปเก็บดอกสะเดาที่ต้นเอง ไม่ต้องไปจับปลาดุกจากนา  ไม่ต้องทำน้ำปลาหวานเอง บางที่มีขายกันเป็นชุดถึงบ้านแกะใส่จานก็อิ่มอร่อยได้อย่างรวดเร็ว หรือไปนั่งสั่งที่ร้านอาหาร  สังเกตไหมค่ะว่าอาหารสมัยก่อน หรือปัจจุบันที่บางบ้านหาทำเองทั้งหมด ซึ่งเราคนในเมืองไม่มีโอกาสได้ทำ คือการขึ้นไปเก็บดอกสะเดาหรือยอดสะเดา หรือใช้วิธีใช้ไม้ยาวๆสอยดอก ยอดลงมา นำมาลวก ปลาดุกก็ต้องไปจับในน้ำมาย่าง น้ำปลาหวานก็ต้องมีน้ำตาล มะขามเปียก พริกแห้ง น้ำปลา หัวหอมแดง ไม่ใช้น้ำปลาผสมน้ำตาลเท่านั้น ก่อนจะได้อาหารอร่อยแต่ละอย่าง ไม่รวดเร็วอย่างคนในเมือง  ภูมิใจที่สุด ที่บรรพบุรุษของไทยเราฝากการประกอบอาหารใน 1 อย่างไว้ให้เราได้ทำ ได้ขายกัน  เรามาทำน้ำปลาหวานปลาดุกย่างดอกนางแลว ฯ กันนะคะ

น้ำปลาหวานดอกนางแลว ดอกสะเดา  ผักชี 

ปลาดุกย่างจะย่างเองหรือซื้อที่ย่างมาก็ได้  (การย่างบนเตาจะอยู่ที่บันทึกยำปลาดุกฟู )

ดอกนางแลว มีทั้งดอกเล็กและดอกใหญ่ (ชมภาพได้ืี่ที่บันทึกดอกนางแลวหรือเอื้องแลว )

เครื่องปรุงน้ำปลาหวาน      น้ำปลา น้ำตาล หัวหอมแดง พริกแห้ง มะขามเปียก

วิธีทำ 

นำน้ำใส่กระทะหรือหม้อพอประมาณเพื่อเคี่ยว โดยใช้ไฟอ่อน ใส่น้ำตาล พอน้ำตาลละลายใส่ น้ำปลา มะขามเปียก หัวหอมแดงล้างให้สะอาดหั่นฝอย พริกแห้งล้างตรวจดูว่ามีเชื้อราหรือไม่ หากมีทิ้งไปนำเมล็ดใหม่มาหั่นเล็กๆ ใส่เคี่ยวพร้อมกัน จนงวดเหนียว นิดๆ ไม่ควรเหนียวหนึด เพราะพอเย็นแล้วจะแข็งกลายเป็นลูกอมไป น้ำปลาหวานจะมีรส เค็ม เปรี้ยว หวาน เผ็ด  หอมอร่อย

น้ำปลาหวาน

 ดอกนางแลว มีรสขมหวาน ดอกสะเดารสขม

ผักชีล้างให้สะอาด เด็ดรากออกเก็บไว้เพื่อใช้ตำกับกระเทียมพริกไทยทำอาหารได้อีกหลายอย่าง

ดอกนางแลวล้างให้สะอาด ตัดโคนที่แก่ออกบ้างแล้วนำมานึ่งหรือลวก

ดอกนางแลว และดอกสะเดานึ่งสุก

พร้อมอิ่มอร่อยได้เลยค่ะ 

ยกข้าวดอกอัญชันมา 1 หม้อพออิ่มไหมค่ะ (การหุงข้าวด้วยหม้อดินดอกอัญชันชมเพิ่มได้นะคะ)

อย่างที่กล่าวไว้น้ำปลาหวานปลาดุกย่างดอกสะเดาอาหารโบราณ หาชิมได้ตามฤดูกาลที่ดอกสะเดาออกดอก แต่เกิดเราอยากทำ อยากซื้อก็ต้องแนะนำผู้ขายให้ทำ น้ำปลาหวานปลาดุกย่างกับสมุนไพรชนิดอื่นๆได้ เช่น ดอกนางแลวที่มีรสขม ผักชีคู่กับน้ำปลาหวาน อร่อยไม่น้อยเพราะผักชีมีกลิ่นหอมเฉพาะ  ยอดของสะเดานำมาเผาหรือลวกแทนดอกได้เช่นกัน  สมุนไพร รสขมเล็กน้อย เช่น ยอดผักเชียงดา ผักไห่ หรือ ยอดมะระขึ้นก ฯ ก็อร่อยได้เช่นกัน 

บันทึก  ดอกนางแลว , ยำปลาดุกฟู ,น้ำปลาหวานมะม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว

และข้าวหุงอัญชันหม้อดิน จะนำฝากไว้ที่บันทึกเกี่ยวข้องนะคะ คลิกชมเพิ่มได้ค่ะ
ที่มา   https://www.gotoknow.org/posts/510600

อัพเดทล่าสุด