แฉ...ปลาดิบ (ซาซิมิ)


805 ผู้ชม


คุณแม่ที่พาลูกน้อยไปซื้อข้าวซื้อของแล้วบังเอิญหิวขึ้นมา ยามนั้นเห็นร้านอาหารอะไรก็คงวิ่งเข้าใส่กันโดยเร็ว          คุณแม่ที่พาลูกน้อยไปซื้อข้าวซื้อของแล้วบังเอิญหิวขึ้นมา ยามนั้นเห็นร้านอาหารอะไรก็คงวิ่งเข้าใส่กันโดยเร็ว 

และอาหารที่นิยมรับประทานกันปัจจุบันนี้ก็คงจะมีอาหารญี่ปุ่นด้วยนะครับหมอเห็นมีเกือบจะทุกหัวระแหงในบ้านเราก็ว่าได้ พอพูดถึงอาหารญี่ปุ่นปุ๊บ หลายคนจะนึกถึง “ซาซิมิ” ขึ้นมาปั๊บ

 

อันที่จริงแล้วจากประสบการณ์ของหมอก็พอทราบมาบ้างว่า การเปิบปลาดิบมีหลายประเภทและหลายกลุ่ม สำหรับวัฒนธรรมของชาวจีน ชาวญี่ปุ่น จะมีการเปิบเนื้อปลาแบบดิบๆ ล้วนๆ ชาวจีนก็มีการเปิบเนื้อปลาดิบ และจัดว่าเป็นอาหารอันโอชะด้วย แต่เราอาจจะคุ้นเคยหรือนิยมปลาดิบสไตล์ของประเทศญี่ปุ่น ที่เรียกว่า ซาซิมิ มากกว่า

 

เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นเกาะ ดังนั้นจึงนิยมเปิบปลาทะเลกัน รวมถึงปลาดิบด้วย หมอเคยได้ยินเข้าหูมาบ้างว่า ปลาน้ำจืดมีพยาธิแต่ปลาทะเลไม่มีพยาธิ อันที่จริงแล้วปลาน้ำจืดหรือปลาทะเลก็ไม่น้อยหน้ากันเลย คือมีพยาธิด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าอาจจะต่างชนิดกันเท่านั้นเอง

 

หลังจากที่เราสั่งปลาดิบอันแสนโอชะ และราคาสูงระยับ พ่อครัวไทยในชุดยูกาตะแบบญี่ปุ่น ก็บรรจงหยิบเนื้อปลาออกมาจากตู้เย็นแก้ว มาวางอ้าซ่าบนเขียง แล้วจึงลงดาบ ลงมีด หั่น สไลด์เนื้อปลาเป็นแว่นบางๆ ขนาดชิ้นพอคำ แล้วจากนั้นก็บรรจง ละเมียดละมัย จัดเรียงอย่างสวยงามบนจานที่มักจะประดับประดากันอย่างสวยงาม เป็นทั้งอาหารปากและอาหารตาไปพร้อมๆ กัน

พอซาซิมิวางเสิร์ฟบนโต๊ะ เราก็ค่อยๆ รินโชหยุหรือซี่อิ๊วญี่ปุ่น แล้วใช้ตะเกียบหนีบจับวาซาบิกลิ่นฉุนขึ้นจมูกปริมาณพอดีๆ ป้ายลงบนซาซิมิ แล้วจิ้มโชหยุก่อนจะนำเข้าปากไป กิจกรรมก็ดำเนินวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่ง ซาซิมิ หมดจาน

ว่าแต่…คุณแม่เคยลองเหลือบดูหรือสังเกตดูซาซิมิก่อนเปิบบ้างหรือเปล่าครับ

 

บางครั้งถ้าพ่อครัวสไลด์เนื้อปลาบางๆ มาเสิร์ฟเราแล้ว หมออยากให้เราลองหนีบซาซิมิขึ้นส่องดูกับแสงไฟ อาจจะโชคดีเห็นตัวหนอนเล็กๆ คดตัว คุดคูอยู่ในเนื้อปลาดิบนั้นก็เป็นไปได้ เจ้าตัวหนอนคิกคุอะโนเนะนี่แหละครับ คือตัวอ่อนของพยาธิที่หมอพูดว่าแม้ปลาทะเลก็มีพยาธิด้วย ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นตัวอ่อนพยาธิมีสีน้ำตาลแดงตัดกับพื้นสีอ่อนๆ ของเนื้อปลาดิบอย่างสวยงามยามพระอาทิตย์อัสดง

 

ลองคิดดูว่า ถ้าตัวอ่อนพยาธิโชคดีได้โอกาสเล็ดลอดผ่านการบดเคี้ยว บดขยี้จากฟันกรามฟันเขี้ยวของเรา แล้วมันรอดตัวหลุดลงกระเพาะของเราไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อ ฟังแล้วไม่อยากนึกต่อเลย แต่บางคนอาจจะนึกไม่ออก หมอก็จะขออาสาเล่าให้ฟังละกันครับ ใครที่ใจไม่แข็งพอ อาจจะต้องอาศัยเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเป็นตัวช่วย

 

อาการที่ผิดปกติอันเกิดจากการบริโภคปลาทะเลอย่างดิบๆ ชาวญี่ปุ่นเองและคนทั่วโลกก็ป่วยด้วยโรคเหล่านี้ด้วยเช่นกันจะมีทั้ง...

อาการแบบปราณี ทำให้เกิด "Tingling Throat Syndrome" หรือ กลุ่มอาการจักจี้คอหรือคันคอหอย อันเนื่องมาจากตัวอ่อนของพยาธิเดินทางจากหลอดอาหารมาที่คอหอย บางครั้งตัวอ่อนสามารถถูกถ่มออกมาพร้อมกับเสมหะได้ รู้สึกขยะแขยงหรือสะอิดสะเอียดบ้างไหมครับ ถ้ามีตัวหนอนค่อยๆ เลื้อยจากกระเพาะมาตามหลอดอาหาร จนขากเสลดออกมาได้นี่....ยี้.ยี้..ยี้

 

อาการแบบอำมหิต ทำให้เกิดอาการปวดกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เนื่องจากตัวอ่อนของพยาธิไชคืบคลานเข้าในเนื้อเยื่อของกระเพาะและลำไส้ของเรา อาการแบบเรื้อรังทำให้เกิดอาการปวดคล้ายมีแผลหลุมกระเพาะ อาการปวดไส้ติ่ง ทำให้ลำไส้อักเสบ อาจจะเลยเถิดไปเป็นเนื้องอกของกระเพาะอาหารได้ถ้าเป็นนานๆ โดยไม่ได้รับการรักษา

 

โรคอาหารเป็นพิษอื่นๆ ที่ได้รับอานิสงส์จากการเปิบเนื้อปลาดิบ ซาซิมิ คือ โรคจากเชื้อโรคตัวน้อยๆ ที่ปะปนอยู่กับเนื้อปลาดิบตั้งแต่อยู่ในทะเล ขนส่งกันที่สะพานปลา เก็บรักษาในห้องเย็น จนกระทั่งพ่อครัวเตรียมอาหารให้เราเปิบนั้น แทบทุกขั้นตอนก็ว่าได้ ที่จะมีเชื้อโรคตัวน้อยติดสอยห้อยตามมาจนถึงจานอาหารสวยหรูให้เราเปิบกันแบบไม่ตก ไม่หล่น ปริมาณคับแก้วครับ ในจังหวะนี้ยังไม่เหมาะที่หมอจะสาธยายความเลวร้ายของโรคที่เกิดจากบรรดาเชื้อโรคตัวน้อยนี้ โอกาสหน้าคงจะมีโอกาสได้แฉให้หน่ำใจกว่านี้ จะได้ซาบซึ้ง ดื่มด่ำ ถึงก้นบึ้งของความน่ากลัว

 

รู้ถึงความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการเปิบปลาดิบซาซิมิแล้ว หมอก็แนะนำว่า ให้หลีกเลี่ยงซะ ซึ่งหมอก็มิได้ห้ามไม่ให้เปิบอาหารญี่ปุ่นแต่อย่างใด เพราะว่าหมอเองก็เปิบอาหารญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ก็เลือกเปิบชนิดที่สุกแทนครับ รักดอกจึงบอกให้

ถ้ายังอยากจะท้าทายก็ตัวใครตัวมัน หมอก็ไม่ว่ากระไรแล้วครับ
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=850&sub_id=54&ref_main_id=4

อัพเดทล่าสุด