พยาธิไชสมอง พยาธิตัวจี๊ด gnathostomiasis


1,005 ผู้ชม


มีข่าวเรื่องพยาธิไชสมอง หรือพยาธิตัวจี๊ดออกมาทีไร ทำให้ ต้องมาบอกถึงอันตรายของการกินของสุกๆดิบๆครับ สำหรับวันนี้ มีเรื่องราวของพยาธิตัวจี๊ด ซึ่งชอบมากับของสุกๆดิบๆ มาเล่าให้ฟัง

พยาธิตีวจี๊ด เป็นการติดเชื้อในร่างกายของพยาธิชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า gnathostoma spinigerum โดยทั่วไปเกิดจากการที่คนกินอาหาร ที่มีตัวอ่อนของพยาธิชนิดนี้เข้าไป และฟักตัวถึงระยะที่ 3 โดยปกติ โดยรับจากการรับประทาน หมู ปลา ไก่ หอย ดิบ หรือน้ำที่มีการปนเปื้อน

พยาธิชนิดนี้ อาศัยใน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ประเภท สุนัข แมว เสือ เมื่อไข่ออกมา ก็จะถูกสัตว์พาหะอีกชนิดคือ หอย ปลาในแหล่งน้ำกิน และฟักตัวเป็นตัวอ่อนขั้นที่ 1 ต่อมา ก็จะถูกพาหะขั้นที่สอง กิน คือ กบ ปลา งู ไก่ หมู กินเข้าไปแล้วจะเข้าสู่ตัวอ่อนระยะที่ 2 และ 3 กลายเป็นซิสต์อยู่ในเนื้อของสัตว์เหล่านี้ ซึ่งในช่วงนี้ ถ้าคนไปรับประทานสัตว์เหล่านี้เข้าดิบๆ ก็จะเกิดการติดเชื้อได้

รูปพยาธิตัวเต็มวัย

รูปไข่พยาธิ

แหล่งระบาดของพยาธิและโรค

         ในประเทศไทยมีสัตว์ประมาณ 44 ชนิด ที่ตรวจพบว่ามีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิตัวจี๊ดอยู่ 
ได้แก่ ปลาน้ำจืด เช่น ปลาช่อน ปลาไหล ปลาดุก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบ ฯลฯ สัตว์เลื้อยคลาน 
เช่น ตะกวด สัตว์จำพวกนก รวมทั้งเป็ดและไก่ สัตว์จำพวกหนู กระแต ส่วนสัตว์ที่เป็นรังโรคพยาธิตัวจี๊ดมีหลายชนิด 
รวมทั้งสุนัขและแมว การสำรวจปลาไหลในเขตจังหวัดภาคกลาง พบว่ามีการกระจายของพยาธิตัวจี๊ดอยู่หลายจังหวัด 
เช่น อ่างทอง อยุธยา ราชบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี เป็นต้น อาหารที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ หรืออาหารหมักที่ทำจากปลาน้ำจืด 
เช่น ส้มฟัก ปลาร้า ปลาเจ่า หรือเนื้อสัตว์อื่นๆ อาจพบว่ามีตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิตัวจี๊ดอยู่เช่นกัน

 

วงจรชีวิต

       ตัวแก่ของพยาธิทั้งตัวผู้และตัวเมียจะอาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารของสุนัขและแมว หลังจากพยาธิผสมพันธุ์แล้ว พยาธิตัวเมียจะปล่อยไข่ออกมากับอุจจาระของสัตว์เหล่านี้ เมื่อไข่ลงน้ำจะฟักตัวออกมาเป็นตัวอ่อนระยะที่ 1 ตัวกุ้งไร (cyclops) จะกินตัวอ่อนระยะนี้และไปเจริญเป็นตัวอ่อนระยะที่ 2 เมื่อปลากินกุ้งไรที่มีพยาธิ พยาธิจะเจริญในปลาเป็นตัวอ่อนระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะติดต่อ ถ้าสุนัขหรือแมวกินปลานี้เข้าไป พยาธิก็ไปเจริญเป็นตัวแก่ในกระเพาะอาหาร แต่ถ้าคนกินปลาซึ่งมีพยาธิระยะติดต่อเข้าไป พยาธิจะคืบคลาน หรือไชไปตาม อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ยังไม่มีรายงานว่าพยาธินี้เจริญเป็นตัวแก่จนสามารถออกไข่ได้ในคน

 

การติดต่อ

        โรคที่เกิดจากพยาธิตัวจี๊ดนี้ สามารถติดต่อได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยการกินตัวอ่อนระยะติดต่อที่ปะปนอยู่ในเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุกโดยเฉพาะปลาน้ำจืด หรืออาจติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์โดยไชผ่านทางรก นอกจากนี้ พยาธิยังสามารถใชเข้าทางผิวหนังบริเวณที่เป็นแผล โดยเฉพาะในคนบางกลุ่มที่ใช้เนื้อสัตว์สดๆ เช่น กบ ปลา พอกแผล เพื่อทำให้แผลหายเร็วขึ้น

อาการ

พยาธิจะไชออกจากกระเพาะภายในเวลา 24-48 ชม. ผ่านตับ ช่วงนี้จะเกิดอาการไข้ ต่อมาอาจจะมีอาการบวมตามเนื้อตัว ทางที่พยาธิไชผ่านเป็นระยะๆ

 

เช่นแขน ขา หน้า 
ทำให้บวมแดงบริเวณนั้นหรือเห็นเป็นรอยทางแดงๆ ตามแนวที่พยาธิไชผ่านไป อาการบวมแดงนี้ จะเป็นอยู่ประมาณ 1-2 
สัปดาห์แล้วจะหายไปเองแม้ไม่ได้รับการรักษา หลังจากนั้นอาจจะบวมขึ้นมาใหม่ในบริเวณอื่นใกล้ๆกัน แถบเดียวกัน มีรายงานหลายราย ที่สามารถอยู่ในร่างกายเป็น 10 ปี 
บางครั้งทำให้เกิดเป็นก้อนคล้ายเนื้องอกตามอวัยวะต่างๆ นอกจากที่ผิวหนังแล้ว พยาธิอาจไชไปอวัยวะที่สำคัญอื่นๆ 
เช่น ตา ปอดทำให้ไอ เจ็บอก  กระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะเป็นเลือด ลำไส้ อาจมีอาการปวดเหมือนไส้ติ่ง โดยเฉพาะถ้าไปที่สมองจะทำให้อาเจียน คอแข็ง ที่เรียกว่า eosinophilic meningitis ปวดตามเส้นประสาทได้

 

การวินิจฉัย

         การจะบอกว่าเป็นโรคพยาธิตัวจี๊ดแน่นอน ต้องตรวจพบตัวพยาธิ ซึ่งอาจจะไชออกมาทางผิวหนังเอง แต่โดยทั่วไปมักไม่พบพยาธิแม้จะผ่าเข้าไปในบริเวณที่บวม ดังนั้นการที่จะบอกว่าเป็นโรคนี้ 
จึงมักดูอาการของโรคว่ามีอาการเจ็บ ปวด บวมเคลื่อนที่ได้ และมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ
หรือไม่ควรมาพบแพทย์เมื่อสงสัยว่าเป็นพยาธิตัวจี๊ด แพทย์อาจเจาะเลือดเพื่อยืนยันการวินิจฉัยต่อไป

การรักษา

ยาที่ใช้ได้ เช่น albendazole รักษานาน 3 สัปดาห์ ร่วมกับสเตียรอยด์ ในกรณีมีการติดเชื้อเข้าในระบบสมอง แต่วิธีการรักษาที่ดีสุดคือผ่าเอาตัวจี๊ดออกมา

ที่มา emedicine

โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน
ที่มา https://www.thaihealth.net/h/article642.html

อัพเดทล่าสุด