IPL คืออะไร ทำไมต้อง IPL


816 ผู้ชม


ผมค่อนข้างจะโชคดี ที่ได้สัมผัส IPL และ FPL ตั้งแต่แรกๆ ที่มันเข้ามาในเมืองไทย จริงๆแล้ว เจ้าเครื่องIPL หรือ intensed pulsed light นี้ไม่ใช่ของใหม่ เป็นเทคโนโลยี ที่ได้คิดค้นมาตั้งแต่ปี 1991 โดย Morgan Gustavsson (และได้ขายให้กับบริษัทของ Israel ก่อนจะมาเปิดบริษัททำเอง)เป็นความฟลุ๊คอย่างมาก ที่ได้มีโอกาสรักษา คุณ Morgan ด้วย และได้รับการสอนเรื่อง FPL ,IPL จากมือเขาโดยตรง

 

dermapulse 2002

Dermapulse 2002

เทคโนโลยี IPL หรือ Intensed Pulsed Light ใช้หลักการของการใช้แสงแฟลช ความเข้มข้นสูง ที่เปล่งออกมาในช่วงสั้นๆ และมีการกรองโดย laser dye หรือ crystal ให้ช่วงความถี่ของแสง ผันแปรตามการใช้งานได้ เรื่องแรก ออกแสดงในการประชุมวิชาการแพทย์ที่สตอล์คโฮล์ม เมื่อ 1990 และต่อมาในปี 1991 ปรับปรุงให้ดีขึ้นเป็น FPL หรือ fluorescense pulsed light และเป็นที่ฮือฮากันมาก เนื่องจากสามารถรักษา ความผิดปกติทางผิวหนังได้หลายอย่างท่ไม่เคยทำมาได้ เช่นการกำจัดขน กำจัดเส้นเลือดขอด และ เม็ดสีผิดปกติ โดยไม่ต้องทำลายชั้นผิวหนัง

หลักการของ IPL ง่ายๆ คือ อาศัยคุณสมบัติของผิว และส่วนประกอบต่างๆ ของผิว เช่น เม็ดสี เส้นเลือด และขน ที่ดูดกลืนคลื่นรังสีในย่านต่างกัน ทำให้เราสามารถออกแบบ ให้แสง ที่ความถี่ที่ทะลุผ่านผิวหนังโดยไม่ทำให้เกิดความร้อน และลงไปทำลายรากขนโดยตรงได้ หรือลงไปทำให้เส้นเลือดเกิดความร้อน หดตัว รักษาเส้นเลือดฝอยได้ โดยที่แสงนั้น เปล่งในระยะสั้นมาก ไม่ร้อนพอที่จะทำลายผิวหนัง แต่จะร้อนถึง 70 องศาในบริเวรอื่นๆเช่นขน เส้นเลือดฝอย ความร้อนนี้พอที่จะทำลายโปรตีนในรากขน หรือเส้นเลือดได้

พูดแล้วดูเหมือนง่าย แต่จริงๆแล้วยากมาก เนื่องจากคุณสมบัติการดูดกลืนของแสงนี้ แตกต่างกันน้อยมาก ที่สำคัญคือ เราไม่สามารถกรองแสงให้มีความถี่เดียวทั้งหมด ยังมีรังสีในย่านอื่นออกมา ทำให้บางครั้ง แทนที่จะร้อนเฉพาะขน แต่กลับทำให้หนังไหม้ หรือในทางกลับกัน ยิงเบาไป ไม่ถึงจุดที่ทำลายเส้นขน เป็นต้น ปัจจุบัน เราต้องอาศัยตัวช่วย คือ การทำให้เย็นเฉพาะส่วน เช่น เย็นที่ผิวหนัง โดยการใส่เจลเย็น หรือเครื่องเป่าลมเย็น หรือหัวคริสตัลที่เย็น ทำให้สามารถสร้างความแตกต่างอุณหภูมิได้มาก สามารถยิงได้แรง แต่ผิวไม่ไหม้

ความแตกต่างของ IPL และ FPL คือ IPL ใช้ คริสตัล ในการแยกแสง แต่ FPL ใช้ fluorescense dye ทำให้การกรองแสงที่ไม่เหมาะสมออกดีกว่า การรักษาจึงมีผลข้างเคียงเช่น การไหม้ ในระดับต่ำกว่า

การรักษาแบบ IPL และ FPL สามารถใช้ในการรักษาแทบจะทุกชนิดของโรค เช่น รอยแดงจากสิว กระ กำจัดขนถาวร เส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยที่เกิดจากการรักษาฝ้า ปานบางชนิด และที่ฮือฮาคือ การลดรอยย่น ที่เรียกว่า skin rejuvenation โดยอาศัยหลักการที่ความร้อนไปกระตุ้นคอลลาเจนเกิดใหม่ แต่ได้ผลช้า ทำหลายที ข้อดีคือไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล

การเลือกที่จะทำ หรือแพทย์ ต้องระวังให้มาก ไม่มีข้อแนะนำให้ ได้ดีกว่าขอดูประกาศนียบัตรที่รับรองจากสถาบันที่ได้รับการรับรอง เช่น สถาบันโรคผิวหนัง การให้พยาบาลทำให้ ยิ่งแย่ไปใหญ่ ที่สำคัญคือ ถามแพทย์ทุกครั้งว่า จำเป็นต้องทำจริงหรือไม่ เพราะปัจจุบัน มีเลเซอร์เฉพาะ ที่รักษาได้ดีเท่า หรือดีกว่า IPL ในแง่ผลข้างเคียงต่ำ ออกมาอยู่เรื่อยๆ เช่น การรักษาขน ก็จะมี long-pulsed ND-Yag ,alexandrite . การรักษาปาน รอยสัก และกระ ก็จะใช้ q-switch เส้นเลือดขอด ก็จะมี Long pulsed ND-Yag รอยแผลเป็น ฯลฯ

ถ้าไปที่คลินิค มีเครื่องมือนี้ ตัวเดียว ไม่ว่ากัน ผลการรักษาจาก IPLและ FPL ที่ได้ผลที่สุดคือ รอยแดงจากสิว รอยแดงจากการรักษาฝ้า หรือการฉีดแผลเป็น และการกำจัดขนถาวร แต่ถ้ามีหลายตัวเลือก ก็อาจจะต้องถามแพทย์ก่อนเสมอ
ที่มา https://beauty.thaihealth.net//iplคืออะไรไอพีแอล/

อัพเดทล่าสุด