ความเร้นลับของวัยแรกสาว


746 ผู้ชม


เรื่องเร้นลับที่อยากรู้ของลูกสาว เข้าใจผิดกันได้อยู่บ่อยๆ  หากจะพูดถึงจุดพึงสงวนกับสาววัยแรกรุ่นแล้วละก้อ เธออาจจะเกิดอาการเขิน...อายหน้าแดงบ้าง แต่ในใจจริงๆ นั้นอยากรู้เป็นที่สุด...         เรื่องเร้นลับที่อยากรู้ของลูกสาว เข้าใจผิดกันได้อยู่บ่อยๆ หากจะพูดถึงจุดพึงสงวนกับสาววัยแรกรุ่นแล้วละก้อ เธออาจจะเกิดอาการเขิน...อายหน้าแดงบ้าง แต่ในใจจริงๆ นั้นอยากรู้เป็นที่สุด... 
ยิ่งเมื่อเริ่มมีรอบเดือนมาเยือนด้วยแล้ว...คำถามแรกคือ จะทำอย่างไรดีล่ะ จะใช้ผ้าอนามัยแบบไหน ยี่ห้อไหน จะทำความสะอาดอย่างไร แล้วการดูแล ทำความสะอาดในทุกๆ วันล่ะ แค่ไหน อย่างไรจึงจะพอ เหล่านี้คือคำถามที่มักเกิด ขึ้นในหัวใจวัยแรกรุ่นของสาวน้อย ในโรงเรียนก็ไม่มีบอกไว้เสียด้วยว่า ผู้หญิงควรจะมีวิธีดูแลจุดบอบบางอย่างไร? เพราะฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคุณแม่ที่คงไม่อาจส่งทอดให้ใครได้...ก้อออกจะเป็นเรื่องลับขนาดนี้!!! ใช้ผ้าอนามัยผิดประเภท ร.ศ.พญ.เสาวคนธ์ อัจจิมากร สูตินรีแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี บอกว่า ทุกวันนี้มีเด็กมัธยมปลายมาพบหมอเพราะเป็นเชื้อรากันเยอะทั้งๆ ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน !!! "แรกๆ ยังไม่รู้สาเหตุ ก็งงๆ นะ พอเขาบอกว่ามีอาการคันที่ปากช่องคลอด ซึ่งคืออาการของการเป็นเชื้อรา เราก็เอ๊...ทำไมเด็กสาวๆ ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนถึงได้เป็นเชื้อรากันเยอะ เพราะทั้งจากการถามและการตรวจเขายังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แน่นอน "จนพบหลายๆ คนเข้า จึงได้ข้อสรุปว่าเป็นเพราะชอบใช้ผ้าอนามัยชนิดบางวันละผืน ตรงนั้นมันก็อบ ซึ่งความจริงถ้าใส่กางเกงในที่ไม่ใช่ผ้าฝ้ายมันก็อบอยู่แล้ว แล้วยังเอาพลาสติกไปทับไว้บนกางเกงในอีก "ปกติผู้หญิงเรามักมีสิ่งขับออกมาเปื้อนกางเกงนิดๆ เด็กๆ ขี้เกียจซักกางเกงใน ก็จะชอบใช้ผ้าอนามัยชนิดบางแทน เลยทำให้เป็นเชื้อรา เกิดอาการคันที่ปากช่องคลอด แล้วก็มีตกขาวเยอะ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องไม่น่าจะเกิด แต่เพราะความไม่รู้ แล้วก็ไม่มีใครบอกจนมาถึงหมอนี่แหละ แต่พอเวลามีรอบเดือนจริงๆ ก็ใช้ผ้าอนามัยไม่ถูกอีก บางคนขี้รำคาญ เปลี่ยนบ่อยเกินไป ในขณะบางคนไม่เปลี่ยนเลยทั้งวัน ก็ไม่ไหว เพราะเลือดเป็นสารอาหารที่ดีของแบคทีเรีย ถ้ามันหมักหมมนานๆ ก็ทำให้มีปัญหาได้ เพราะฉะนั้นเด็กต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนผ้าอนามัยตามความเหมาะสม คือ อย่าให้นานเกินไป หรือบ่อยเกินไป รวมถึงผ้าอนามัยแบบสอดซึ่ง มีลักษณะเป็นแท่งก็ไม่เหมาะกับเด็กสาวๆ แต่อาจเหมาะกับคนเคยมีเพศสัมพันธ์ เพราะช่องคลอดเราอยู่ดีๆ แล้วเอาไอ้สิ่งนี้เข้าไปขยายมันออก เพื่ออะไร จริงอยู่เวลาเข้าไปเป็นแท่งเล็กๆ แต่พอเอาออกมากลับกลายเป็นแท่งใหญ่แล้วนะ เพราะมันไปซับน้ำเลือดเต็มที่ อีกอย่างคือการสอดใส่เข้าไปไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ สำหรับเด็กที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ จะทำให้เกิดการฉีกขาดของเยื่อพรหมจารีย์เสียเปล่าๆ ความเสี่ยงก็สูงด้วย เพราะเคยมีผู้หญิงในต่างประเทศใช้ผ้าอนามัยชนิดนี้แล้วลืมเอาออกจนเกิดการติดเชื้อ ถึงตายในที่สุด "สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ คุณแม่ต้องบอกลูกนะคะ รวมถึงเรื่องการดูแล ทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วย เพราะถ้าเขาไม่รู้วิธีที่ถูกต้องก็อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมาได้" น้ำ+สบู่ธรรมดา=สะอาดพอเพียง การทำความสะอาดจุดนั้นของผู้ หญิงเรานั้น เพียงแค่ใช้น้ำเปล่า และฟอกสบู่เหมือนส่วนอื่นๆ ตามปกติก็เพียงพอแล้ว ยิ่งเด็กๆ วัยแรกสาวที่ยังไม่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อน ยิ่งไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง "ถ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์และไม่ เคยมีการคลอด ช่องคลอดจะปิดมิดชิด โอกาสที่เชื้อโรคต่างๆ จะเข้าไปยากมาก เพราะฉะนั้นล้างแค่ภายนอกพอ ไม่ต้องเข้าไปถึงข้างใน เนื่องจากระบบร่างกายเราจะทำความสะอาดเองโดยธรรมชาติ เพราะมันมีแบคทีเรียที่ทำให้เกิดความสมดุลของภาวะกรดด่างในช่องคลอดซึ่ง ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ยากอยู่แล้ว" คุณหมอกล่าว การใช้สบู่เฉพาะ ซึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่สกัดจากสารเคมี อาจทำให้เกิดความระคายเคือง และทำให้มีตกขาวมากขึ้น เพราะมันไปสร้างความระคายและนำเอาเชื้อโรคเข้าไปในช่องคลอด อย่างที่มีโฆษณาน้ำยาล้างที่ ทำให้มีกลิ่นหอมก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะตรงส่วนนี้ของเราไม่ได้สกปรกอะไรหนักหนา ความจริงน้ำยาพวกนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศ เพราะคนบ้านเขาไม่ค่อยอาบน้ำ อาทิตย์หนึ่งอาบน้ำทีหนึ่ง อวัยวะเพศก็อบ ทำให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ พอจะมีเพศสัมพันธ์ก็มีกลิ่น เลยต้องใช้น้ำยาทำให้หอม "อย่างเราอาบน้ำวันละสองหนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เลย การโฆษณาทำให้เกิดการเข้าใจผิดเพราะตรงส่วนนี้ไม่ต้องใช้การดูแลขนาดนั้น" เพียงแค่ชำระล้างให้สะอาด และเช็ดให้แห้งอยู่เสมอเท่านั้นละค่ะ แต่ไม่ต้องถึงขนาดทาด้วยแป้งฝุ่น เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความอบมากขึ้น และตอนนี้ก็มีงานวิจัยออกมาแล้วว่า การทาแป้งที่อวัยวะเพศทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดมะเร็งรังไข่ ที่ไม่ควรมองข้ามอีกอย่าง หนึ่งคือ การเลือกใช้กางเกงในควรเป็นผ้าฝ้ายจะดีที่สุด เพราะไม่ก่อให้เกิดความอับชื้น ซึ่งจะก่อให้เกิดเชื้อรา และอาการตกขาวตามมา ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ใส่กางเกงในนอนในเวลากลางคืนได้จะดีที่สุด เพราะตรงนั้นของคุณผู้หญิงจะได้แห้งๆ โดยไม่มีสิ่งใดมาปิดกั้นไว้บ้าง สำคัญคือวิธีทำความสะอาด สิ่งที่คุณหมอเน้นย้ำเป็นพิเศษคือ วิธีการล้างและเช็ดก้นให้สะอาดหลังอุจจาระเสร็จ เพราะมันมีผลมาถึงช่องคลอดค่ะ "อยากให้เด็กผู้หญิงทุกคนมี ความเข้าใจว่า ช่องคลอดมันอยู่ข้างหน้าต่อกับทวารหนักซึ่งอยู่ข้างหลัง ฉะนั้นเวลาอุจจาระแล้วต้องการเช็ดก้น ควรจะเช็ดจากข้างหน้าไปข้างหลัง เพราะถ้าเช็ดมาข้างหน้าอุจจาระจะมาป้ายแถวช่องคลอด ทำให้แบคทีเรียมาสะสม และเกิดการอักเสบที่ปากช่องคลอด หรืออาจทำให้เชื้อโรคเข้าไปในช่องคลอดได้ง่ายขึ้น ผลก็คือจะทำให้เกิดอาการตกขาว หรือเป็นสีเหลือง มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ตรงนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้อง พิถีพิถัน และต้องฝึก ควรเริ่มตั้งแต่เด็กเริ่มดูแลตัวเองได้จะดีที่สุด เพราะมันไม่ใช่วิธีที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติซึ่งคนมักถนัดล้างจากข้างหน้า ไปข้างหลัง "โดยเฉพาะจะสำคัญมากสำหรับผู้หญิง เพราะมีผลสืบเนื่องไปจนถึงวัยแต่งงาน มีลูก เนื่องจากเวลาคลอดทางช่องคลอดจะต้องมีแผลฝีเย็บ การเช็ดผิดวิธีจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย หมอก็ต้องมานั่งสอน ซึ่งเป็นเรื่องลำบากนิดหนึ่งเพราะช้าไป จริงๆ มันน่าจะเป็นบทเรียนในชั้นเรียนให้เด็กได้รู้ด้วยซ้ำ" รู้และทำได้อย่างนี้แล้ว...เด็กสาวแรกรุ่นของเราก็จะสะอาดสดใสสมวัยของเขาค่ะ 
ที่มา  https://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=271&sub_id=3&ref_main_id=2

อัพเดทล่าสุด