การลอกหน้าด้วยเลเซอร์ (Laser Resurfacing)


796 ผู้ชม


  • การกรอผิวหน้าด้วยเลเซอร์(Laser Resurfacing) คือ การลอกผิวหน้าด้วยแสงเลเซอร์ ซึ่งบางครั้งก็จะเรียกว่า Laser Peeling (ซึ่งเราทราบกันมาบ��
�างแล้วในบทความก่อนๆ ว่าการทำ peeling เดิมก็คือ การทำด้วยสารเคมี เช่น การลอกด้วย AHA,TCA เป็นต้น) ส่วนการลอกผิวด้วยเลเซอร์ อาศัยหลักการที่ว่า ปกติแล้วแสงแต่ละช่วงคลื่นจะก่อให้เกิดผลทางกายภาพหรือฟิสิกซ์ก็ต่อเมื่อมีการดูดซับ พลังงานเข้าไปในเนื้อเยื่อนั้นๆ ดังนั้น แสงจากเลเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น CO2 laser ซึ่งจะก่อให้เกิดความร้อนได้ ก็เมื่อถูกดูดซับด้วยโมเลกุลของน้ำ หรือ Ruby laser ที่จะกำจัดปานดำ หรือ รอยสัก จะมีผลก็ต่อเมื่อมีเม็ดสี หรือโลหะที่สักไว้ มาดูดซับช่วงคลื่นนั้นๆ
  • การกรอผิวหน้าด้วยเลเซอร์ จะได้ความแม่นยำในการลอกหน้า ความลึก และบริเวณที่ถูกต้อง ต้องทำด้วยแพทย์ที่มีความชำนาญ มีประสบการณ์ ในด้านนี้สูง จึงจะได้ผลที่ดี และผลข้างเคียงน้อยสุด โดยเชื่อว่าจะช่วยให้ผิวหนังมีคุณภาพดีขึ้น ดังนี้ 
        1. ความร้อนจากเลเซอร์ ทำให้มีการลอกผิวหนังชั้นกำพร้าและส่วนบนของหนังแท้ใหม้หลุดออกไป จึงทำให้รอยย่น รอยหลุม บนใบหน้าลดลง (แม้จะไม่หมดก็ตาม) 
        2. ความร้อนจากเลเซอร์ทำให้เกิดจากหดตัวของ collagen fiber ทำให้ผิวหน้าเต่งตึงขึ้น ริ้วรอยจึงดูจางลง ซึ่งได้ผลดีในบริเวณรอบดวงตา และริมฝีปาก 
        3. ความร้อนจากเลเซอร์ ทำให้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ได้อย่างช้าๆ ในเวลา 6-12 เดือน จึงทำให้รูขุมขน รอยหลุมดูตื้นและเล็กลงได้
  • ผลที่อาจพบได้หลังจากการกรอผิวหน้าด้วยเลเซอร์ 
        1. อาจมีอาการ หน้าบวมแดง หลังทำประมาณ 2-5 วัน 
        2. ภาวะอักเสบ น้ำเหลืองไหล ภายใน 2-5 วันแรกหลังทำ 
        3. มีอาการแสบร้อนในช่วง 2-3 วันแรกได้ 
        4. ภาวะการติดเชื้อแบคทีเรีย แทรกซ้อนได้ ทำให้เกิดการปวดแสบมากกว่าปกติ หรือแผลหายช้า มีน้ำหนอง ซึ่งมักเกิดได้จากเชื้อ Pseudomonas, Staphylococus หรือ เชื้อแกรมลบ ซึ่งแพทย์ส่วนใหญ่จะให้ยาปฏิชีวนะป้องกันไว้หลังทำการกรอหน้า 
        5. แผลมักแห้งดี หลังวันที่ 7-10 ( ถ้าไม่ติดเชื้อแทรกซ้อน) และรอยแดงมักจะคงอยู่นานประมาณ 3-6 เดือน หรือเป็นปีๆ ถ้ากรอลึกมากเกินไป 
        6. รอยดำจากการอักเสบ เกิดได้นานเป็นเดือน จนถึงปี มักพบได้บ่อยในคนเอเซีย 
        7. รอยแผลเป็น ถ้ากรอลึกเกินไป 
        8. การกรอผิวด้วยเลเซอร์รอบดวงตา ถ้าทำหลายครั้งหรือใช้พลังงานมากเกินไป อาจเกิดการดึงรั้งหนังตา ทำให้เกิดภาวะหลับตาไม่ได้( ectropion)
  • ในปัจจุบันได้มีวิวิฒนาการและเทคโนโลยี่ใหม่ๆ เข้ามามากมายในการแก้ไขปัญหาผิวหน้า ดังนั้นก่อนจะพิจารณาทำศัลยกรรมเกี่ยวกับใบหน้า โดยเฉพาะในชนแถบเอเซีย ควรต้องศึกษาและทำความเข้าใจกับแพทย์ที่ทำการรักษาให้ถ่องแท้ ก่อนการตัดสินใจ 
    เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ .......................6 July,2005

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=9&sdata=&col_id=73

อัพเดทล่าสุด