Radiofrequency Technique (RF) ในแวดวงความงาม


1,049 ผู้ชม


  • RADIOFREQUENCY TECHNIQUE (RF) คือ เทคโนโลยีในการรักษาด้วย คลื่นความถี่วิทยุความถี่สูง โดยเมื่อสิบกว่าปีก่อนนี้ วงการแพทย์ไ
ด้เริ่มมีการนำเทคโนโลยี่ RF มาใช้ในการรักษาโรคผิวหนัง เป็นส่วนใหญ่ เช่น การกำจัด ไฝ ขี้แมลงวัน หูด ติ่งเนื้อ กระเนื้อ เนื้องอก ผิวหนัง การผ่าตัด ผิวหนัง และการ จี้ หลอดเลือด แต่ต่อมาได้มีการพัฒนา RF ให้มีความสามารถหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะในแวดวงความงาม และก็มีการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถให้มีประสิทธิภาพ มากขึ้นเรื่อยๆ ลองมาทำความรู้จักกับ RF กันหน่อยนะครับ
  • หลักการทำงานของ RF คือ การส่งผ่านคลื่นวิทยุ เข้าสู่ผิวหนังชั้นใน โดยอาจจะมีลักษณะเป็นแท่งโลหะ หรือหัวโลหะ ขนาดต่างๆ การปล่อยคลื่นไฟฟ้าจะเป็นในรูปของคลื่นวิทยุอ่อนๆ ในช่วงความถี่ 0.3 - 0.5 MHz ที่ปลอดภัย พลังงานจากกระแส ไฟในช่วงคลื่นความถี่วิทยุ สามารถผ่านทะลุผิวชั้นบนเพื่อไปเพิ่มอุณหภูมิของผิวหนังในชั้นลึก และประสานไปกับการนวดพร้อม ๆ กัน ซึ่งจะทำให้เกิดการไหลเวียน กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนรูปของพลังงานจากภายใน ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 3° C- 5° C ซึ่งเป็นวิธีการที่ปลอดภัย เพราะอุณหภูมิของร่างกายจะถูกกระตุ้นให้สูงขึ้นไม่เกิน 42° C ซึ่งกลไกการทำงานโดยการส่งผ่านคลื่นวิทยุ ลงไปในทุกชั้นของผิวหนัง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงดังนี้ 
    1. ผิวชั้นบนสุด คือ ชั้น epidermis หรือหนังกำพร้า คลื่นวิทยุจะมีผลให้สิวเสี้ยนบางส่วน ฝ้าและกระบางส่วน และเซลล์หนังกำพร้าที่หมดอายุแล้วหลุดลอกออกไป ทำให้ผิวเรียบเนียน ขาว ใสขึ้น รอยดำใต้ตา ฝ้าและกระจางลง นอกจากนี้ คลื่นวิทยุ ยังกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวเพิ่มขึ้นของเซลล์ซึ่งยังไม่หมดอายุของหนังกำพร้าชั้นล่างๆ ทำให้รูขุมขนเล็กลง หลุมสิวตื้น รอยแผลเป็นจากสิวดีขึ้น ตลอดจนริ้วรอยต่างๆบริเวณหน้าผาก หัวคิ้ว สันจมูก รอบดวงตา รอบปาก ตลอดจนเส้นพับที่คอตื้นขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา 
    2. ผิวชั้นถัดไปเป็น dermis หรือหนังแท้ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องความตึงกระชับของผิว คลื่นวิทยุมีผลให้ผิวหนังชั้นนี้สร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ทำให้ผิวหนังบริเวณที่เคยหย่อนคล้อยตึงกระชับขึ้น ร่องหน้าผากตื้นขึ้น ถุงใต้ตาแบนราบลง ร่องแก้มตื้นขึ้น รูปหน้าเรียวลง คาง ใต้คางตลอดจนคอตึงกระชับขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา 
    3.. ชั้นที่ลึกที่สุดที่คลื่นวิทยุเข้าไปถึงคือชั้น subcutaneous fat หรือชั้นไขมันใต้ผิวหนัง มีผลให้เกิดการละลายของไขมันเข้าไปสู่หลอดน้ำเหลือง ทำให้สามารถลดขนาดของไขมันในถุงใต้ตา ใต้หู ใต้คาง ลงในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา เมื่อทำการสลายไขมันที่แก้ม ใต้หู ใต้คางร่วมกับการดึงให้กระชับโดยไม่ต้องผ่าตัดตามข้อ 3 ให้แก่คนหนุ่มสาวซึ่งยังไม่เหี่ยวย่นหย่อนคล้อย จะส่งผลให้ค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปหน้าจากโหนกแก้มแบน หน้ากลมหรือเหลี่ยมกาง ไปเป็นโหนกแก้มสูงขึ้น รูปหน้าดูกลมหรือเหลี่ยมกางน้อยลง คางเรียวหรือดูเป็นรูปไข่มากขึ้น
  • เครื่อง RF ในปัจจุบัน ในแวดวงความงาม อาจจะแบ่งชนิดตามหลักการทำงาน ได้เป็น 
    1. Bipolar RF: เป็น RF ที่ส่งพลังงานจากสองขั้ว และมักจะออกฤทธิ์ที่ชั้นผิวหนังส่วนบน ช่วยยกกระชับ และลดไขมัน มักจะใช้ที่ใบหน้า เป็นส่วนใหญ่ มักพบเป็นเครื่องเดี่ยวๆ หรือผสมผสานกับ IPL เหมาะกับการกระชับผิว ข้อดี คือไม่เจ็บขณะที่ทำ 
    2. Monopolar RF: เป็น RF จากขั้วเดียว และมี Plate รองไว้ที่ด้านล่าง จะออกฤทธิ์ในชั้นที่ลึกกว่า Bipolar RF อาจจะถึงชั้นไขมัน กล้ามเนื้อ มักจะเน้นในแง่รักษาความหย่อนคล้อยของผิวพรรณ เมื่อสูงวัย ผิวหน้า ผิวกาย กระชับขึ้น และยังช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินตามลำตัวได้ระดับหนึ่ง (แต่น้อยกว่าการทำ Carboxytherapy ) อาจจะใช้ได้ทั้งใบหน้าและลำตัว เนื่องจาก มีความแรงและพลังงานลงลึก บางยี่ห้อ เวลาทำ อาจจะเจ็บ ต้องทายาชาก่อนทำ 
    3. Tripolar RF : เป็นเครื่อง RF ที่ผสมผสานระหว่างการทำงานของ Bipolar RF + Monopolar RF ในเครื่องเดียวกัน 
    4. Mulipolar RF : เป็นเครื่อง RF ที่ส่งพลังงานจากหลายขั้ว ใช้หลักการทำงานแบบผสมผสาน คลื่น RF จะลงลึกกว่า Bipolar RF แต่ตื้นกว่า Monopolar เพียงแต่ควบคุมทิศทางได้ดีกว่า Monopolar RF และพบว่าขณะที่ทำไม่เจ็บมากเท่ากับการทำด้วย Monopolar RF เพราะใช้พลังงานน้อยกว่า 
    การเลือกชนิดของ RF แต่ละแบบ แพทย์จะพิจารณาตามเหมาะสมของปัญหาผิวพรรณ และความลึกตื้นของ Target site
  • จากผลการทำงานดังกล่าวข้างต้น RF จึงมีประโยชน์ในแวดวงความงาม เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งพอจะสรุปได้เป็นหมวดๆ ดังนี้ 
    1. Facial Lifting คือ การแก้ไขการเหี่ยว หย่อนคล้อยทำให้ยกกระชับขึ้นทุกจุดของหน้า ถุงใต้ตาและคอโดยไม่ต้องผ่าตัดเพื่อดึง 
    2. Facial Recontouring คือ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรูปหน้าให้โหนกแก้มแบนและหน้าเหลี่ยมกางน้อยลง คางเรียว ใบหน้าเล็กลง เป็นรูปไข่มากขึ้น 
    3. Facial Rejuvenation คือ การลบเลือนริ้วรอยบริเวณหน้าผาก สันจมูก รอบดวงตา รอบปาก และคอ 
    4. Facial Resurfacing คือ การทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส รูขุมขนเล็กลง หลุมสิวตื้นขึ้น 
    5. Facial Lightening คือ การปรับสีผิวให้ขาวสว่างมากขึ้น รอยดำใต้ตา ฝ้าและกระจางลง 
    6. Body Reconturing and Firming คือ ช่วยกระตุ้นให้ไขมันอุ่นขึ้นด้วยวิธีการที่ปลอดภัย ทำให้หลอดเลือดขยายตัว น้ำเหลืองไหลเวียนได้ดี ไม่เกิดการสะสมของของเสียและไขมันส่วนเกิน และยังทำให้เนื้อเยื่ยได้รับออกซิเจนมากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังดูกระชับ ตึง ไม่หย่อนคล้อย
  • ความรู้สึกขณะทำ RF 
    ในระหว่างทำ RF จะรู้สึกอุ่นๆ บริเวณที่ทำ และหลังจากการทำเสร็จทันทีผิวบริเวณนั้นจะเป็นสีชมพู หรือแดงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเกิดการขยายตัวของหลอดเลือดที่มาหล่อเลี้ยงผิวบริเวณนั้น ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปได้เอง หลังจากนั้นจะรู้สึกว่าผิวเต่งตึงขึ้น นอกจากนี้จะรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่นกระปรี้กระเปร่า เหมือนกับการเข้าสปานวดหน้า นวดตัว
  • ข้อปฏิบัติหลังทำการรักษา 
    1. หลังทำการรักษาภายใน 24 ชั่วโมง แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่า เฉลี่ย 3 – 4 ลิตร เพื่อให้ของเสียที่คั่งค้างสะสมอยู่ในร่างกายถูกกำจัดออกให้เร็วที่สุดและในวันถัดไปให้ดื่มน้ำเปล่าวันละ 2 ลิตร ถ้าดื่มน้ำน้อยขบวนการขับของเสียออกจากร่างกายจะไม่ดี ของเสียและไขมันจะยังคงสะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ผลในการรักษาได้ผลไม่ดีนัก 
    2. กรณีรักษา RF เพื่อลดไขมันส่วนเกิน ควรควบคุมอาหาร โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน เพื่อป้องกันไขมันส่วนเกินมาสะสมใหม่ 
    3. ควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย 
    4. เพื่อเสริมให้เห็นผลการรักษาเร็วยิ่งขึ้นควรรักษาควบคู่ไปกับการทำทรีทเม้นท์อื่นๆ ร่วมด้วย ตามที่แพทย์แนะนำ
  • ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ต้องการทำ RF 
    1. ไม่แนะนำให้ทำในช่วงระหว่างมีรอบเดือน หรือก่อนหลังการมีรอบเดือน 3 วัน 
    2. ผู้ที่สูญเสียความรู้สึก หรือการรับความรู้สึกบกพร่องหรือช้า 
    3. ผู้ที่เป็นโรคไต ผู้ที่มีโรคที่เกิดจากระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด 
    4. หญิงมีครรภ์ และหลังคลอดบุตร 6 เดือน 
    5. ผู้ที่มีประวัติเป็นลมชัก 
    6. ไม่แนะนำให้ทำในบริเวณที่มีการอักเสบ แผลถลอก หรือบริเวณที่เคยได้รับการผ่าตัดมาน้อยกว่า 6 เดือน หรือแผลผ่าตัดยังหายไม่สนิท 
    7. ให้ถอดอุปกรณ์และเครื่องประดับที่เป็นโลหะก่อนทำทุกครั้งเพราะเป็นการรบกวนการส่งคลื่นได้
  • ผลการรักษาด้วย IRF จะคงอยู่นานแค่ไหน 
    ผลการรักษาด้วย RF พบว่าในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน นอกจากคุณภาพของเครื่องที่ใช้และความชำนาญของแพทย์แล้ว ยังขึ้นอยู่กับอายุและดูแลบำรุงรักษาผิวพรรณ เพราะสังขารคนเรา เมื่ออายุมากขึ้น ก็ต้องร่วงโรยตามธรรมชาติ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือหลังจากทำการรักษาด้วย RF ติดต่อกันจนได้ผลสูงสุดแล้ว ควรกลับมารักษาซ้ำเป็นระยะตามความเหมาะสม เพื่อให้อยู่ตัว ใบหน้าและคอดูอ่อนวัยดังเดิมไปนานที่สุด เพราะเนื่องจาก RF เป็นวิธีการรักษาซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ปลอดภัยที่สุด ประหยัดค่าใช้จ่ายและสามารถทำการรักษาซ้ำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง จึงเป็นวิธีการที่ดีวิธีหนึ่งในปัจจุบันในการชะลอวัย ( anti-aging ) 
    เรียบเรียงและค้นคว้าโดย นพ.จรัสพล รินทระ……..24 August,2009

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=9&sdata=&col_id=350

อัพเดทล่าสุด