Mesofat : การฉีดสลายไขมันส่วนเกิน


897 ผู้ชม


  • ปัญหาไขมันส่วนเกิน จัดเป็นปัญหาด้านความงามของคนวัยตั้งแต่ 20 ปีเป็นต้นไป เพราะการสะสมของไขมัน ในจุดที่ไม่พึงประส��
�ค์ เช่น แก้ม คาง ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง เอว สะโพก ย่อมทำให้ขาดความมั่นใจ ในการที่จะโชว์สรีระต่อหน้าคนอื่นๆ
  • สาเหตุหลักของการเกิด ไขมันส่วนเกิน ก็มาจากการรับประทานอาหารที่เกินพอดี โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลลอรี่สูงๆ เช่น กลุ่มแป้ง น้ำตาล ไขมัน ฯลฯ โดยไม่ได้สัดส่วนกับการเผาผลาญไขมัน เช่น จากการออกกำลังกาย โยคะ แอโรบิค ฯลฯ และเมื่อระยะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไขมันส่วนเกิน ก็จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เซลล์ไขมัน ก็จะอ้วนพองใหญ่และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้รูปร่างขยายออก หรือใหญ่ขึ้นเฉพาะบางส่วนได้ วงการแพทย์ด้านความงาม ก็เลยมีหน้าที่แก้ไขปัญหาดังกล่าวของคนไข้
  • Mesofat คือ วิธีการกำจัดไขมันส่วนเกิน วิธีหนึ่ง ด้วยการที่แพทย์จะใช้เข็มฉีดยา ฉีดส่งยา ซึ่งมีสรรพคุณสลายไขมันที่สะสมในชั้นไขมัน โดยใช้กลุ่มยาหลายๆ ตัว เช่น Phosphatidylcholine,Deoxycholate,L-carnitine, Vitamin B complex ,Amino acids,Minerals ฯลฯ โดยปริมาณที่ฉีด ก็แล้วแต่บริเวณที่ต้องการ เช่น อาจจะใช้ 0.2-0.5 ซีซี ห่างกัน ทุก 1-2 ตร.ซม โดยฉีดลึกเข้าไปในชั้นไขมัน ตั้งแต่ 0.1 มม-12 มม. โดยเทคนิค เมโสเธอราพี (Mesotherapy) นั่นเอง ดังที่เคยเขียนบทความไว้แล้วที่นี่https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=9&sdata=mesotherapy&col_id=262 โดยพบว่าในช่วงแรกๆ ของการสลายไขมันด้วยวิธีนี้ เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ไม่ค่อยได้รับความนิยม เพราะตัวยาที่นำมาฉีดในช่วงแรกๆ ค่อนข้างจะได้ผลไม่ดีนัก ได้ผลช้า และมีผลข้างเคียงมาก เจ็บ และมีรอยฟกช้ำหลังฉีดค่อนข้างมาก จึงได้มีการพัฒนามาฉีด Carboxytherapy สลายไขมันแทน เพราะแม้จะเจ็บมากกว่า แต่ได้ผลกว่า และรอยฟกช้ำไม่ค่อยมีมากนัก ดังที่เขียนบทความไว้แล้วที่นี่https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=9&col_id=311
  • แต่ในปัจจุบันนี้ ได้มีการพัฒนาตัวยาฉีดสลายไขมัน สำหรับทำ Mesofat ให้สะดวก และทันสมัยยิ่งขึ้น ได้ผลมากขึ้น เร็วขึ้น และผลข้างเคียง เรื่อง การฟกช้ำหลังฉีด น้อยลง ใช้เวลาในการทำน้อยลง เพียง 2 อาทิตย์ต่อครั้ง ทำให้การทำ Carboxytherapy อาจจะเป็นทางเลือกหลังๆ เพราะเจ็บกว่า ใช้เวลาทำนานกว่า และต้องทำบ่อยกว่าคือ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง
  • กลไกของการสลายไขมันด้วยการฉีดแบบ Mesofat พบว่า ตัวยาจะไปทำให้ผนังไขมัน( Fat cell wall) แตกตัวออก ทำให้ไขมันที่จับตัวกันเป็นก้อนๆ สลายออกเป็นไขมันเหลว ( Lipid Fat ) แล้วถูกขับออกทางปัสสาวะ (ส่วนมาก) และทางอุจจาระ
  • ตำแหน่งที่นิยมทำการสลายไขมันด้วยวิธี Mesofat ได้แก่ ไขมันที่แก้ม เพื่อปรับหน้าให้เรียว ควบคู่กับการฉีดโบทอกซ์หน้าเรียวที่เขียนบทความไว้แล้วที่นี่https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=9&col_id=264 , ไขมันส่วนเกินที่คาง,ไขมันส่วนเกินที่ต้นแขน ต้นขา สะโพก พุง หน้าท้อง ไขมันที่เต้านม (Gynecomastia) และไขมันที่น่อง (โดยการเสริมการฉีดลดน่องด้วยสารโบทอกซ์ ดังที่เขียนบทความไว้แล้วที่นี่ https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=9&col_id=307 ) ส่วนค่าใช้จ่ายในการฉีด Mesofat สำหรับคลินิกนีโอ หรือคลินิกบริการของเวบไซต์ (จรัสพลคลินิก) คลิกดูได้ที่นี่https://www.clinicneo.co.th/2007/newservice/service_payment.htm
  • Mesofat นิยมฉีดลดไขมันที่ใดบ้าง 
    1. ลดไขมันที่แก้มให้หน้าเรียวเล็ก 
    2. ลดไขมันที่คาง(เหนียง) 
    3. ลดไขมันที่ต้นแขน ต้นขา 
    4. ลดไขมันที่พุง หน้าท้อง 
    5. ลดไขมันที่จมูก(บาน) ทำให้เล็กลง 
    6. ลดไขมันที่หนังตาบนหย่อนคล้อย 
    7. ลดไขมันที่น่อง
  • ข้อห้ามในการทำ Mesofat มีดังนี้ 
    1. สตรีมีครรภ์ 
    2. คนไข้โรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ 
    3. คนไข้ที่มีประวัติโรคระบบหลอดเลือดผิดปกติในสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบ หรืออุดตัน 
    4. คนไข้ที่มีประวัติโรคเลือดผิดปกติ โรคมะเร็ง 
    5. คนไข้ที่มีประวัติโรคหัวใจ และทำการรักษาด้วยยาหลายขนาน
  • ข้อควรปฏิบัติหลังทำ Mesofat มีดังนี้ 
    1. ควรดื่มน้ำวันละอย่างน้อย 2 ลิตร เพราะไขมันเหลวที่โดนสลายด้วยการฉีด Mesofat จะถูกขับออกทางปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยขับไขมันส่วนเกินที่สลายให้ออกจากร่างกายได้มากขึ้น 
    2. ช่วงที่เว้นการฉีด Mesofat แนะนำให้ทำ RF เพื่อช่วยรีดไขมันให้ออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น และทำให้กล้ามเนื้อกระชับได้มากขึ้น ลดการหย่อนคล้อยหลังฉีด โดย หลักการทำงานของ RF ได้เขียนบทความไว้แล้วที่นี่ https://www.clinicneo.co.th/2007/detailcolumn.php?grp=9&col_id=350 นอกจากนี้ อาจจะเสริมด้วยการตีสลายไขมันด้วยเครื่อง Slimming Machine และการอบสลายไขมันด้วยตู้อบอินฟาเรด ดังขั้นตอนในการลดไขมันเฉพาะส่วนของคลินิกบริการของเวบไซต์นี้ ดูรายละเอียดได้ที่นี่https://www.clinicneo.co.th/2007/newservice/service5.htm 
    3. อาจจะพบอาการบวมช้ำ หรืออาการเจ็บปวดบ้างเล็กน้อย ขณะที่ทำและหลังทำ 1-3 วัน ดังนั้น ควรเลี่ยงการ การเข้าอบซาวน่า การนวด การดื่มอัลกอฮอล์ หรือการทำทรีทเม้นต์ใดๆ หลังทำประมาณ 1 อาทิตย์ เพื่อลดการฟกช้ำให้น้อยลง 
    4. ควรออกกำลังกายเบาๆ หลังทำ เช่น การเดินเร็ว โยคะ หรือแอโรบิค อย่างน้อยวันละ 30-45 นาที อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับ และรีดไขมันให้ออกจากร่างกายได้เร็วขึ้น ลดการสะสมของไขมันใหม่ 
    5. เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก และไขมันส่วนเกิน มิให้กลับมาสะสมได้อีก เพราะการสลายไขมันด้วยการทำ Mesofat จะไร้ประโยชน์ ถ้าไม่ปรับพฤติกรรมนิสัยการรับประทานอาหาร และมีวินัยในการควบคุมน้ำหนัก ให้มากขึ้น
  • พบว่าในคนไข้บางคน หลังจากฉีดลดไขมันเฉพาะที่แล้ว โดยเฉพาะที่คาง พุง หรือท้องแขน เมื่อไขมันลดได้เกือบหมดแล้ว แต่ผิวหนังยังมีการหย่อนคล้อย การทำ RF + การฉีด Mesofirming จะช่วยให้การหย่อนคล้อยกระชับขึ้นได้เร็วขึ้น 
    เรียบเรียงและค้นคว้าโดย นพ.จรัสพล รินทระ……..27 January,2010

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=5&sdata=&col_id=355

อัพเดทล่าสุด