โรคหิด


591 ผู้ชม


  • โรคหิด(Scabies) เป็นโรคติดต่อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อหิด หรือจากเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ซึ่งอาจจะมีหิดตัวเมี
ยเกาะอยู่ ซึ่งอยู่ได้นานถึง 24-36 ชั่วโมง โดยหิดจะเคลื่อนเข้าหาอุณหภูมิที่อุ่นกว่าและสภาพแวดล้อม เมื่อได้กลิ่นคน
  • ตัวหิด(Sarcoptes scabiei var.homonis) คือแมง 8 ขา ในกลุ่มเดียวกับ ไร(mites) เล็นไร(Demodex) และเห็บ(Ticks) ปกติจะอยู่ในโพรงเล็กๆของหนังกำพร้าใต้ต่อชั้นขี้ไคล ตัวอ่อนโตเต็มที่ใช้เวลา 14-17 วันเมื่อผสมพันธุ์แล้ว หิดตัวผู้จะตาย (ดูภาพตัวหิดประกอบ)
  • พบได้บ่อยในชายมากกว่าหญิง 2:1.7 และมีการระบาดทุก 10-15 ปี พบได้บ่อยในชุมชนแออัด เช่น สลัม คุก ผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากติดหิดแล้ว ประมาณ 1 เดือนในการติดครั้งแรก และจะมีอาการทันทีเมื่อมีการติดหิดครั้งต่อๆมา 
    โดยจะมีอาการคันมาก โดยเฉพาะกลางคืน ในบริเวณซอกนิ้วมือ นิ้วเท้า รักแร้ ศอก แจน ลำตัว อวัยวะสืบพันธุ์ ร่องก้น ขา และเท้า แต่ในเด็กอาจจะพบได้ทั้งที่ใบหน้า ลำตัว โดยหิดคนจะขุดอุโมงค์ซึ่งมีลักษณะจำเพาะที่ช่วยในการวินิจฉัย โดยอาจจะพบเป็นเส้นตรงหรือคดเคี้ยวยาวไม่เกิน 1 ซม. และมีตุ่มน้ำเล็กๆแทรกตรงตำแหน่งที่มีหิดตัวเมียฝังตัวอยู่ เมื่อขูดบริเวณตรงตุ่มน้ำ หรือตุ่มแดง และนำมาหยดน้ำเกลือในแผ่นสไลด์ แล้วส่องกล้องจุลทรรศน์จะพบตัวหิด
  • การรักษา นอกจากจะรักษาคนที่ติดเชื้อหิดแล้ว ควรกำจัดแหล่งที่เป็นแหล่งกระจายตัวหิด เช่น เสื้อผ้า เครื่องนุ่มห่ม ของใช้ของผู้ติดหิดด้วย ส่วนแนวทางการรักษาคนไข้ที่ติดหิดมีดังนี้ 
        1. 25% Benzyl benzoate (ในผู้ใหญ่) และ 12.5% Benzyl benzoate (ในเด็ก): โดยทายาหลังจากอาบน้ำตอนเย็น ให้สะอาด เช็ดตัวให้แห้ง ห้ามทาครีมหรือโลชั่นอื่นๆ ก่อนทายา การทายาให้ทาตั้งแต่คอลงมาทั้งตัว เว้นบริเวณใบหน้าและบริเวณเยื่อบุที่บอบบาง แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง แล้วค่อยล้างออก ถ้าเป็นมากอาจจะต้องทาซ้ำในอีก 5 วันต่อมา ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ยาในบริเวณที่มีบาดแผล ระวังยาเข้าตา จมูก ปาก หรือหู เวลาใช้ควรสวมถุงมือ หลังใช้ให้ล้างมือ ถุงมือให้สะอาด ถ้ามีอาการระคายเคืองหรือแพ้ยา ให้รีบล้างน้ำออกแล้วหยุดใช้ 
        2. 1% Gamma benzene hexachloride (Lindane,Lorexane): ใช้เฉพาะในผู้ใหญ่ ยาระคายเคืองน้อยกว่า ข้อ 1ห้ามใช้ในเด็ก และสตรีมีครรภ์ เพราะมีผลข้างเคียง ต่อระบบประสาท อาจจะทำให้ชักและถึงแก่ชีวิตได้ วิธีใช้ ต้องอาบน้ำให้สะอาด เช็ดตัวให้แห้ง ห้ามทาครีมหรือโลชั่นก่อนทายา ทายาให้ทั่วตัว ตั้งแต่คอลงมา ยกเว้นใบหน้า ควรทาทิ้งไว้ 8-12 ชม. แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ไม่ควรใช้น้ำร้อน การใช้ยาที่ถูกต้อง หิดก็จะหายแม้ทายาเพียงครั้งเดียว แต่อาการคันอาจจะต้องใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ กรณีไม่หายขาด อาจจะทำซ้ำอีก 1 อาทิตย์ ข้อควรระวัง ไม่ควรใช้ยาในบริเวณที่มีบาดแผล ระวังยาเข้าตา จมูก ปาก หรือหู เวลาใช้ควรสวมถุงมือ หลังใช้ให้ล้างมือ ถุงมือให้สะอาด ถ้ามีอาการระคายเคืองหรือแพ้ยา ให้รีบล้างน้ำออกแล้วหยุดใช้ 
        3. 10% Crotamiton( Eurax): ได้ผลประมาณ 50-60 % ใช้ทาครั้งเดียวต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน 
        4. 5% Permethrine: มีผลต่อการรักษาหิด โดยทาเพียงครั้งเดียว ใช้ได้ทุกเพศวัย ได้ผลดีถึง 89-92 % ไม่ติดเสื้อผ้า และช่วยลดอาการคัน ยาตัวนี้ดูดซึมผ่านผิวหนังได้น้อย จึงมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาตัวอื่นๆ โดยอาจจะมีอาการคัน หรือแสบร้อนเล็กน้อยในขณะที่ทา และซักครู่ก็เป็นปกติ ถือว่าเป็นยารักษาหิดที่ดีที่สุดในปัจจุบัน 
        5. ยาแก้คัน: เช่น ยารับประทานแก้แพ้ หรือ ครีมทาเสริม กรณีที่มีอาการคันมากๆ 

  • ลักษณะผื่นคันที่เกิดจากการติดเชื้อหิด ที่มือในทารก


    ภาพหิดจากกล้องจุลทรรศน์


    ตำแหน่งในร่างกาย ที่พบเชื้อหิดได้บ่อยๆ

  • เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ .......................6 July,2005

ที่มา : https://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=8&sdata=&col_id=83

อัพเดทล่าสุด