ปวดหัวบ่อยแค่ไหน ถึงเรียกว่า ผิดปกติ


1,450 ผู้ชม

ใครๆ ก็ต้อง ปวดหัว กันมาบ้างแล้ว ปวดหัวได้ทุกที่ทุกเวลาทุกสถานการณ์ ตั้งแต่เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ อากาศร้อน เป็นไข้ และอื่นๆ ...


ปวดหัวบ่อยแค่ไหน ถึงเรียกว่า "ผิดปกติ"

ใครๆ ก็ต้อง ปวดหัว กันมาบ้างแล้ว ปวดหัวได้ทุกที่ทุกเวลาทุกสถานการณ์ ตั้งแต่เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ อากาศร้อน เป็นไข้ และอื่นๆ ทุกเพศทุกวัยมีอาการปวดหัวได้หมด เพราะปวดหัวเป็นเพียงอาการ ไม่ใช่โรค คนจึงมองข้ามไปว่าทานยาหายก็จบ แต่จริงๆ แล้วอาการปวดหัวถือเป็นปัญหาสุขภาพอย่างหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว

ปวดหัวบ่อย กินยาแก้ปวดบ่อย เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่?
พญ. จุฑาณัฐ ยศราวาส อายุรแพทย์ระบบประสาทและสมอง โรงพยาบาลปิยะเวท กล่าวว่า “เบื้องต้นการรักษาอาการปวดศีรษะนั้น เป็นการรักษาตามอาการ ได้แก่ รับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือยากลุ่ม NSAIDS พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย เป็นต้น”

“แต่การรับประทานยาแก้ปวดนั้น ควรอยู่ในการแนะนำของแพทย์ หรือเภสัชกร เนื่องจากยาอาจมีผลข้างเคียง และเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ เช่น ยาพาราเซตามอลไม่ควรรับประทานเกิน 8 เม็ดต่อวัน เนื่องจากเป็นพิษต่อตับ และยากลุ่ม NSAIDs มีผลทำให้กระเพาะอาหารเป็นแผล หรือมีผลต่อไตได้”

ปวดหัว สัญญาณของโรคอันตรายอื่นๆ?
“นอกจากนี้อาการปวดศีรษะ อาจเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกถึงโรคที่มีสาเหตุเฉพาะ เช่น เลือดออกในสมอง เนื้องอกในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งภาวะ หรือโรคเหล่านี้มีอันตรายถึงแก่ชีวิต หรืออาจทุพพลภาพได้ หากได้รับการรักษาล่าช้า”

ปวดหัวแบบไหน ที่อันตราย ต้องไปพบแพทย์ ?
- ปวดศีรษะรุนแรง กะทันหันแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
- ก้มคอแล้วอาการปวดหัวเป็นมากขึ้น
- ปวดหัวจนคอแข็ง มีไข้
- ปวดหัวมากโดยเฉพาะช่วงเช้า
- ปวดหัว ร่วมกับคลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดหัวขณะที่นั่ง หรือนอนท่าใดท่าหนึ่ง
- ไอ จาม เบ่ง แล้วปวดหัวมากขึ้น
- ปวดหัว พร้อมชัก เกร็งกระตุก
- ปวดหัวจนหมดสติ
- ปวดหัวร่วมกับอาการ แขนขาชา อ่อนแรง
- ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด
ซึ่งอาการเพิ่มเติมเหล่านี้อาจเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมอง หากพบอาการผิดปกติเพิ่มมากขึ้น ควรรีบนำส่งแพทย์ที่โรงพยาบาลใหญ่โดยเร็วที่สุด เพราะหากมีอาการมากขึ้น แล้วไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี อาจรักษาชีวิตไว้ไม่ทันค่ะ

อัพเดทล่าสุด