10 โรคระบาดในเด็ก ต้องเฝ้าระวัง ช่วงปลายฝนต้นหนาว


3,342 ผู้ชม

ฤดูฝนกำลังจะหมดลงต่อด้วยฤดูหนาว ซึ่งมีฝนพรำๆ และมีลมเย็นเบาๆ มาเยือนแทน ถึงแม้อากาศโดยรวมจะสดชื่นขึ้น แต่ช่วงอากาศเปลี่ยนกลับมีเชื้อไวรัสหลายชนิดระบาดจนกระทั่งเด็กและผู้ใหญ่ป่วยกันเรื้อรังเลยทีเดียว...



10 โรคระบาดในเด็ก ต้องเฝ้าระวัง ช่วงปลายฝนต้นหนาว 

ฤดูฝนกำลังจะหมดลงต่อด้วยฤดูหนาว ซึ่งมีฝนพรำๆ และมีลมเย็นเบาๆ มาเยือนแทน ถึงแม้อากาศโดยรวมจะสดชื่นขึ้น  แต่ช่วงอากาศเปลี่ยนกลับมีเชื้อไวรัสหลายชนิดระบาดจนกระทั่งเด็กและผู้ใหญ่ป่วยกันเรื้อรังเลยทีเดียว
 
โรคระบาดในเด็กช่วงนี้ มีทั้งไข้หวัดธรรมดา, ไข้หวัดใหญ่, ไข้ไวรัสหลอดลมอักเสบ, ปอดอักเสบ,ไข้อาเจียน, กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ, ไวรัสท้องเสีย, ตาแดง, ไวรัสมือเท้าปากที่กำลังเป็นข่าวน่าสะพรึงกลัวและยังมีไวรัสไข้เลือดออก โรคฮิตในเมืองไทยตลอดกาลอีก
 
วิธีดูแลเวลาลูกมีไข้
 
ถ้าลูกมีไข้สูง คุณหนูจะปวดหัว ปวดตัว งอแง รับประทานอาหารได้น้อยลง เราต้องช่วยลดไข้ให้คุณหนูสบายตัว โดยเช็ดตัวลดไข้ เน้นมากบริเวณ ข้อพับ ลำคอ และลำตัว รับประทานยาลดไข้ พาราเซตามอล ตามขนาดที่เหมาะสมของแต่ละคน รับประทานน้ำและอาหารแบบเหลวให้มากขึ้น และถ้าไข้ไม่ลดหรือมีไข้สูงตลอดเวลา ต้องระวังจะมีการชักจากไข้ได้ ซึ่งพบมากในเด็ก 2 ขวบแรก และมักจะพบไม่เกินอายุ 7 ขวบ

เมื่อไรควรพบแพทย์

ถ้าลูกได้รับการดูแลลดไข้ทั้งเช็ดตัวและรับประทานยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดและมีอาการอื่นๆรวมด้วย โดยเฉพาะการรับประทานได้น้อยมาก ซึมเพลีย มีภาวะขาดน้ำหมดแรงจากการถ่ายเหลวท้องเสียมากไอมากหายใจผิดปกติ มีการชักกระตุกในช่วงตัวร้อนสูง อาการทั้งหลายเหล่านี้ไม่ควรดูแลให้การรักษาที่บ้านเอง เนื่องจากอาจมีอาการรุนแรงของโรคต่างๆ ซ่อนเร้นอยู่ และต้องการรักษาอย่างเร่งด่วน
การรักษาเมื่อลูกป่วยติดเชื้อไวรัส

เนื่องจากการติดเชื้อไวรัสทำให้เกิดอาการหลายอย่าง การรักษาจึงเป็นตามอาการที่มี นอกเหนือจากยาลดไข้ เช่น อาการไอหวัด ก็จะมียาลดน้ำมูก ยาลดอาการคัดจมูก ยาละลายเสมหะ ยาแก้ไอ ยาแก้อักเสบสำหรับลำคอ อาการท้องเสียจะมียาแก้ท้องเสีย ยาปรับลำไส้ ยาแก้ท้องอืด และเมื่ออาเจียนมากก็จะมียาลดอาการอาเจียน เป็นต้น  

ที่สำคัญควรพยายามให้ลูกพักผ่อนมากๆ รับประทานอาหารอ่อน ดื่มน้ำและนมชงทีละน้อยและบ่อยๆ เพื่อลดภาวะร่างกายขาดน้ำรุนแรง

ภาวะฉุกเฉินที่ต้องนำลูกพบแพทย์

  • ไข้สูงตลอดและมีภาวะซึม ชักเกร็งกระตุก
  • ปัสสาวะน้อย ไม่รับประทาน
  • ไอมากรับประทานไม่ได้ มีอาการหอบเหนื่อย

การป้องกันร่างกายไม่ให้ป่วยง่าย

  • พื้นฐานสำคัญที่ทำให้แข็งแรงไม่ป่วยง่าย

คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ เด็กๆไม่ควรนอนดึก ทานอาหารที่มีประโยชน์

ผักผลไม้สด เพื่อเพิ่มวิตามินซีธรรมชาติให้ร่างกาย

รับประทานอาหารที่สุกและสะอาด สอนลูกให้ล้างมือหลังเล่นและก่อนรับประทานอาหาร

  • ใส่หน้ากากอนามัยเป็นนิสัย

ถ้าไม่สบายเป็นไข้หวัด เพื่อการลดการแพร่ไข้หวัดให้ผู้อื่น และป้องกันการรับเชื้อเพิ่ม

  • หลีกเลี่ยงไม่ตากฝนหรือโดนละอองฝนชื้นๆ

กรณีลูกที่ป่วยบ่อย ไม่ควรสระผมบ่อยและหลังสระผมควรทำให้ผมลูกแห้งโดยเร็ว

  • ให้วัคซีนป้องกันโรคเพิ่มจากวัคซีนพื้นฐานแก่ลูก

โดยเฉพาะช่วงมีการระบาดของโรค เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่

วัคซีนโรคท้องเสียโรตา รวมถึงวัคซีนอื่นๆ ที่ลดการป่วยรุนแรง เช่น วัควีนไอพีดี ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียดื้อยา

  • ดูแลบริเวณบ้านอยู่อาศัยไม่ให้มีแหล่งน้ำขัง เพาะพันธุ์ยุงลาย

ทั้งดูแลตัวเองและลูกไม่ให้ถูกยุงกัด

  • นอกจากพยายามดูแลลูกให้สุขภาพดีไม่ป่วยง่ายแล้ว

คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องใส่ใจดูแลตัวเองด้วยนะคะ เพราะนอกจากเราต้องแข็งแรงเพื่อดูแลลูกให้ได้ดีแล้ว

การป่วยเชื้อวนอยู่ในครอบครัวก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกป่วยเรื้อรัง


ขอบคุณข้อมูลจาก :  พญ.สาลินี หิรัญบูรณะ
กุมารเวชศาสตร์ทั่วไป 
โรงพยาบาลเวชธานี  ลาดพร้าว 111

อัพเดทล่าสุด