กระจ่าง!! เจาะลึกพฤติกรรม ทำไมใครๆ ก็ แคะขี้มูก


2,135 ผู้ชม


มนุษย์เรามีหลายพฤติกรรมที่ถ้าเผลอทำในที่สาธารณะเมื่อไหร่ จะถูกมองว่าน่ารังเกียจทันที โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เช่น การตด เรอ สั่งน้ำมูก คายเศษอาหาร และหนึ่งในนั้นก็คือ การแคะขี้มูกนั่นเอง


 
 

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าชีวิตนี้ไม่เค้ยไม่เคยแคะขี้มูกเลยสักครั้งเดียว เพราะการแคะขี้มูกเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำกัน เพียงแต่ควรทำในที่มิดชิด ต่อให้สวยหล่อแค่ไหน แต่ถ้าอยู่ในท่าแคะขี้มูกก็จบกันค่ะ! วันนี้ขอเปิดประเด็นเรื่องแคะขี้มูกค่ะ แต่อย่าเพิ่งยี้กันซะก่อน ไม่ได้มาแคะโชว์ซะหน่อย แต่มาดูกันว่าเพราะอะไรคนเราถึงมีพฤติกรรมแคะขี้มูก ทั้งๆ ที่เราไม่เห็นขี้มูกด้วยซ้ำ
พฤติกรรมที่เริ่มมาตั้งแต่เด็กที่ทำแล้วรู้สึกดี

หลายอย่างที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นพฤติกรรมที่บ่มเพาะมาตั้งแต่เด็กโดยที่เราไม่รู้ตัว แม้แต่การแคะขี้มูกก็เช่นกัน ย้อนกลับไปเมื่อประมาณต้นปี 2000 Chittaranjan Andrade และ B S Srihari นักวิจัยชาวอินเดียจากสถาบันสุขภาพจิตและประสาทวิทยาแห่งชาติ ในเมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการแคะขี้มูกในวัยเด็กจากกลุ่มตัวอย่าง 200 คน คละโรงเรียน 4 แห่ง โดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะและพื้นฐานชีวิต เพื่อเป็นการตั้งข้อสังเกตว่า ความรวยความจน จะมีผลต่อการแคะขี้มูกของเด็กหรือเปล่า? (ประเด็นนี้น่าสนใจจริงๆ)
และแล้วก็ได้ข้อสรุปว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน ยากดีมีจนแค่ไหน ก็แคะขี้มูก! เพราะเด็กนักเรียนเกือบทั้งหมดยอมรับอย่างแมนๆ ว่าทำพฤติกรรมแบบนี้จริง โดยเฉลี่ยวันละ 4 ครั้ง และที่เซอร์ไพรส์กว่านั้นคือ เกือบ 20% ติดการแคะขี้มูกอย่างหนัก ซึ่ง 7.6% ของกลุ่มที่ว่านี้ ยอมรับออกมาด้วยว่าแคะมากกว่า 20 ครั้งต่อวัน
เด็กส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าที่แคะขี้มูกลงไปนั้น เป็นเพราะว่ารู้สึกคัน และรู้สึกว่ามีอะไรเกาะอยู่ข้างในจมูก จึงอยากทำความสะอาดเพื่อเอามันออกมา และยังมีเด็กอีกกลุ่มที่ให้เหตุผลว่า ทำไปเพราะรู้สึกดี
แคะบ่อยๆ อันตรายมั้ย?

น้ำมูก ก็คือสารคัดหลั่งในระบบทางเดินหายใจ มีสีใสๆ ซึ่งจะมีหน้าที่ดักจับสิ่งแปลกปลอม ประเภทฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรกต่างๆ สีก็เลยเปลี่ยนไปอย่างที่เห็น พอปล่อยทิ้งไว้ก็จะแข็งกลายเป็นขี้มูกหลงเหลือไว้อยู่ในจมูกนั่นเอง
อาจจะเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า แคะจมูกบ่อยๆ จมูกจะบาน เรื่องนี้จริงเท็จมั้ยยังไม่มีการพิสูจน์ แต่ที่แน่ๆ ถ้าแคะรุนแรง ไม่เกรงใจรูจมูกก็อาจเกิดอันตรายขึ้นได้ โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นกับโพรงจมูก อาจเกิดผนังกั้นจมูกทะลุ โพรงไซนัสทะลุ เป็นต้น และอาจจะเป็นต้นทางที่นำไปสู่พฤติกรรมอื่นๆ เช่น กัดเล็บ กัดนิ้ว ถอนขนจมูก เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีงานศึกษาจากชาวดัตซ์เมื่อปี 2006 บอกออกมาอีกว่า คนที่ชอบแคะขี้มูกมีแนวโน้มจะติดเชื้อ Staphylococcus aureus มากกว่าคนที่ไม่แคะขี้มูกเลยเสียอีก ซึ่งเชื้อนี้อาจทำให้ผิวหนังติดเชื้อ ระบบทางเดินอาหารติดเชื้อ และเป็นโรคอาหารเป็นพิษได้อีกด้วย ดังนั้น ถ้าคิดจะแคะจมูก ต้องมั่นใจว่านิ้วมือเราสะอาดจริงๆ ไม่งั้นจมูกเรารู้สึกดี แต่อาจรับเชื้อเข้าไปเต็มๆ
แล้วทำไมพฤติกรรมนี้เลิกไม่ได้ซักที

แม้ว่าจะเป็นมาตั้งแต่เด็ก แต่โตขึ้นมาก็น่าจะแก้ได้นี่นา เรื่องนี้อาจจะยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ แต่คาดเดาว่าสาเหตุที่ทำให้เราติดนิสัยแคะจมูก ก็เป็นเพราะว่า มนุษย์จะรู้สึกพึงพอใจถ้าสะอาด เป็นระเบียบ แม้แต่รูจมูกก็เช่นกัน จริงๆ แล้วหลายๆ ครั้งเราก็ต้องการกระดาษทิชชู่แหละค่ะ แต่ว่าไม่มีอะไรสะดวก รวดเร็ว ง่าย เท่ากับนิ้วมือเราอีกแล้ว
อ่านจบ คงรู้สึกเหมือนกันว่า แล้วเราจะจัดการกับรูจมูกของเรายังไงต่อไปดี อย่าเพิ่งตระหนกไปขนาดนั้นค่ะ การแคะจมูกไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่สิ่งต้องห้ามคือ ไม่ควรใช้ความรุนแรง อย่าเน้นความสะใจเป็นหลัก โดยเฉพาะสาวๆ ที่เล็บยาวมากๆ อาจทำให้รูจมูกของเรามีแผลได้นะ หรือพวกของมีคมต่างๆ ก็ไม่ควรนำเข้าไปค่ะ
ที่สำคัญที่สุด ควรล้างมือให้สะอาดเพื่อให้มั่นใจว่าเราจะไม่เอาเชื้อโรคเข้าไป จมูกเรามีจมูกเดียว ต้องดูแลรักษาหน่อยเนอะ อ้อ! แคะเสร็จแล้วก็ล้างมือให้เรียบร้อย ห่อเก็บทิ้งให้เป็นที่ อย่าแอบกินหรือไปแปะตามที่สาธารณะนะ
 

ที่มา: liekr

อัพเดทล่าสุด