อยากสวย ระวัง!! แพทย์เตือน Dermaroller ทำเสี่ยงติดเชื้อ-เอดส์


3,921 ผู้ชม


DERMAROLLER เป็นครื่องมือ ที่มีลักษณะเหมือนลูกกลิ้งที่มีเข็มขนาดเล็กมากวางตัวเป็นแถวอยู่บนผิวของลูกกลิ้ง ขนาดเส้นผ่าศุนย์กลางของเข็มเล็กๆ นั้นเท่ากับ 0.25 มม.โดยเข็มมีขนาดความยาวที่เหมาะสมในการกระตุ้นให้เกิดการฟื้นฟูของผิว โดยเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสตีน (Elastin) ได้ในผิวชั้นลึก
โดยผลที่ได้น่าจะพอๆ กับการทำการลอกหน้าแบบละเอียดด้วยเลเซอร์ Fraxel แต่มีข้อดี คือ ไม่มีรอยดำหลังการรักษา ลดการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ต้องการเหมือนวิธีแบบอื่นๆเช่น ผลัดเซลล์โดยใช้สารเคมี (Chemical peel) การลอกหน้าด้วยเลซอร์( laser resurfacing )

นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รองผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวถึงกรณีที่มีเว็บไซต์ต่างๆโฆษณาขายอุปกรณ์ ลูกกลิ้งเข็ม หรือ Dermaroller  โดยมีการโฆษณาว่าสามารถช่วยให้ผิวหนังหรือหลุมสิวตื้นขึ้น รอยดำจางลง รูขุมขนเล็กลง หน้าเนียนเรียบใสขึ้น ซึ่งทำให้ประชาชนสนใจสั่งซื้อมาใช้เป็นจำนวนมากก ว่า ตัวอุปกรณ์ Dermaroller นั้น มีลักษณะเป็นลูกกลิ้งติดเข็มขนาดเล็กประมาน 0.25 มม. หรือขนาดต่างๆ  

โดยวิธีใช้ คือ จะนำมากลิ้งบนผิวหน้าให้เกิดแผลเล็กๆทั่วใบหน้า เชื่อว่าจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน (Collagen) ทำให้เกิดการสร้างเนื้อเยื้อใหม่ หน้าเรียบเนียนขึ้น หลุมสิวตื้นขึ้น หรือบางคนเชื่อว่าการนำตัว Dermaroller มากลิ้งบนผิวแล้วทาครีมจะทำให้ ครีมต่างๆซึมซาบลงไปดียิ่งขึ้น ถือเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะไม่มีชิ้นงานวิจัยใด ที่ยืนยันได้ว่าตัว Dermaroller จะสามารถทำเช่นนั้นได้จริง

นพ.จินดา  กล่าวต่อว่า การใช้ลูกกลิ้งติดเข็มมากลิ้งตามผิวหน้าจนเกิดแผลนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ผิวหนังระคายเคือง มีแผล ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อ  ยิ่งถ้านำลูกกลิ้งเข็มมากลิ้งแล้วนำครีมมาทาโดยเชื่อว่าจะทำให้ครีมซึมซาบดีขึ้น อาจจะทำให้ผิวหนังติดเชื้อ อักเสบได้ ซึ่งขณะนี้บางคนซื้อมาใช้เองก็มีการใช้ซ้ำ ทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวไม่สะอาด บางคนอาจจะใช้ร่วมกับผู้อื่น จะเป็นอันตรายมากเพราะอุปกรณ์ตัวนี้ทำให้มีแผล ขณะที่ใช้เลือดของเราจะติดที่เข็ม หากใช้ต่อๆก็เสี่ยงต่อการติดเอดส์เป็นอย่างมากต่อให้คิดว่าทำความสะอาดดีแล้วก็ตาม

นพ.จินดา กล่าวอีกว่า ด้วยความที่ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงต่างๆที่กล่าวมา ทำให้ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกคำสั่งห้ามให้ แพทย์ หรือตามโรงพยาบาล คลินิกทุกแห่งใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในการรักษาคนไข้ การนำมาโฆษณาขายตามเว็บไซต์จึงอาจจะมีมีความผิดด้วย จึงอยากจะฝากเตือนประชาชนว่าการซื้อสินค้าออนไลน์อาจจะมีความสะดวก รวดเร็ว แต่การโฆษณาสินค้าผ่านเว็บนั้นมักจะพูดถึงแต่ด้านบวกว่า สามารถช่วยอะไรได้บ้าง ดีอย่างไร แต่มักจะไม่พูดถึงข้อเสียเลย ประชาชนจนจึงจะต้องศึกษาถึงข้อเสียด้วย โดยต้องคำนึง 2 ข้อ คือ 1. ได้ผลตามที่อ้างหรือไม่ 2.ปลอดภัยหรือไม่ ก่อนจะซื้อมาใช้

ข้อมูล: https://www.khaosodonline.com/view_newsonline.php?newsid=1455508563

อัพเดทล่าสุด