บอกลา ไขมันกับการสลายไขมันด้วย 10 วิธีที่ดีและง่ายที่สุด!


2,900 ผู้ชม



บอกลา ไขมันกับการสลายไขมันด้วย 10 วิธีที่ดีและง่ายที่สุด!

หลายๆคน มองหาวิธีที่ดีและง่ายที่สุดในการสลายไขมันเพื่อที่จะลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะไดเอต ออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งทานผลิตภัฑณ์อาหารเสริมเพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม นี่คือวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่จะช่วยเผาผลาญไขมันได้อย่างง่ายดาย

1 เพิ่มปริมาณโปรตีนที่ทานเข้าไป
เราควรได้รับโปรตีน 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 ปอนด์ของร่างกายทุกวัน โปรตีนคือพื้นฐานของการเพิ่มกล้ามเนื้อและยังเป็นการทำให้การเผาผลาญไขมันดีขึ้นอีกด้วย
2 ยกน้ำหนักให้มากขึ้น
Excess post-exercise oxygen consumption (EPOC) คือ การที่ร่างกายเผาผลาญพลังงานอย่างต่อเนื่องหลังการออกกำลังกาย ซึ่งอัตราการเผาผลาญจะขึ้นอยู่กับความหนักในการออกกำลังกาย ถ้าคุณออกกำลังกายหนักเท่าไหร่ ค่า EPOC ก็จะมากขึ้นเท่านั้น
3 ดื่มน้ำเย็น
นักวิจัยชาวเยอรมันพบว่า การดื่มน้ำเย็น 2 แก้ว สามารถช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้
4 ทานไข่
ผลการวิจัยทางคลินิคพิสูจน์แล้วว่า คนที่ทานไข่เป็นมื้อเช้าจะสามารถเผาผลาญไขมันสะสมได้ง่ายกว่า
5 บริโภคผลิตภัณฑ์จากนม
ผลิตภัณฑ์จากนมอุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสลายไขมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณกล้ามเนื้อหน้าท้อง
6 ทานแอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลมีสารประกอบโพลีฟีนอลซึ่งช่วยในการเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อ อีกทั้งช่วยสลายไขมันบริเวณหน้าท้องอีกด้วย
7 ทานรสเผ็ด
พริกมีสารประกอบที่ชื่อว่า แคพไซซิน ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเบิร์นของแคลอรี่ นักวิจัยแสดงให้เห็นว่าสารแคพไซซินยังช่วยในการเบิร์นไขมันขณะออกกำลังกายได้อีกด้วย
8 คาร์ดิโอหลังออกกำลังกาย
ผลวิจัยชิ้นหนึ่งแนะนำว่าการทำคาร์ดิโอหลังการเล่นเวทจะช่วยเบิร์นไขมันได้มากกว่าการทำคาร์ดิโอก่อนการออกกำลังกาย
9 ชาเขียว
ชาเขียวประกอบด้วยสาร epigallocatechin gallate ซึ่งมีอยู่ในเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยสลาย neurohormone norepinephrine โดยสาร norepinephrine เป็นตัวที่เกี่ยวข้องกับการเร่งอัตราการเผาผลาญไขมัน ดังนั้นการป้องกันการสลายของสาร norepinephrine ย่อมหมายถึงการช่วยให้คุณเบิร์นแคลอรี่ได้มากขึ้นตลอดทั้งวัน
10 ลองทานถั่ว
การศึกษาชิ้นหนึ่งรายงานว่า ผู้เข้ารับการทดลองซึ่งทานแคลอรี่ต่ำ และโคเลสเตอรอลน้อย ( แคลอรี่ 40% จากไขมัน) สามารถลดปริมาณไขมันได้จากการทานถั่วแอลมอนด์ ซึ่งเห็นผลได้จากการเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ทานถั่ว
บทความโดย www.share-si.com

อัพเดทล่าสุด