สีของประจำเดือน บอกอะไรได้บ้าง?


สีของประจำเดือน บอกอะไรได้บ้าง?

เมื่อมีสีคล้ำไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ปกติผู้หญิงจะเริ่มมีประจำเดือนตอนอายุประมาณ 12-13 ปี แต่ในปัจจุบันมีเด็กผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่เริ่มมีประจำเดือนเร็วกว่านั้น สาเหตุสำคัญที่ทำให้ประจำเดือนมาเร็วกว่าปกติก็คือ โรคอ้วน

เลือดประจำเดือนไม่ใช่เลือดเสีย แต่เป็นเลือดที่เกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุมดลูก เมื่อไม่ได้รับการปฏิสนธิ มีลักษณะและคุณสมบัติไม่ต่างไปจากเลือดปกติในร่างกาย

ปกติแล้วถ้าร่างกายมีสุขภาพดี อารมณ์ผ่องใส เลือดประจำเดือนจะออกมาในปริมาณมากตามปกติ และมักไหลออกมาเร็วตามรอบระยะเวลาโดยไม่มีการติดค้าง เลือดที่ออกมาก็มักจะเป็นสีแดงข้นเล็กน้อยไม่จับตัวแข็งเป็นก้อน

ประจำเดือนไม่ได้มีสีแดงสดเสมอไป!!

บางคนมีประจำเดือนออกมาเป็นสีน้ำตาล หรือสีดำคล้ำ ก็เกิดเป็นกังวล กลัวว่าจะเป็นเลือดเสีย หรือมีปัญหาข้างในมดลูก แท้จริงแล้วประจำเดือนสีน้ำตาล หรือสีดำคล้ำก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด

การที่เลือดประจำเดือนเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้น เพราะไปติดค้างอยู่ในช่องคลอดเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นตอนประจำเดือนเริ่มมาใหม่ ๆ ในวันแรก หรือช่วงที่ประจำเดือนใกล้จะหมด เลือดประจำเดือนที่ออกมามักจะมีน้อย และค่อย ๆ ไหลซึมออกมาช้า ๆ ทำให้เกิดการติดค้างอยู่ในช่องคลอดเป็นเวลานาน

เลือดสีคล้ำก็คือเลือดที่ออกมานานแล้ว และเกิดปฏิกิริยาแข็งตัวขึ้น จึงเปลี่ยนเป็นสีดังกล่าว

ลองเปรียบเทียบกับตอนมีดบาด จะทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น หากลองสังเกตดูจะเห็นได้ว่า ตอนที่มีดบาดใหม่ ๆ เลือดจะมีสีแดงสด ต่อมาก็จะค่อย ๆ แข็งตัว แล้วสีก็จะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้น

ผู้หญิงหลายคนไม่เข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสีของประจำเดือน คิดว่าประจำเดือนสีดำคือเลือดเสีย บางรายถึงกับต้องไปหาสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย เพียงเพราะเป็นกังวลกับสีของประจำเดือนที่เปลี่ยนไปย้ำกันอีกสักครั้งว่า ประจำเดือนสีน้ำตาลหรือสีดำคล้ำ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ คนเราไม่ได้ขับของเสียออกมาทางประจำเดือน เพราะมดลูกไม่ได้มีหน้าที่ในการขับถ่ายของเสีย ไม่เหมือนไตกับตับที่จะขับของเสียออกมาทางปัสสาวะกับอุจจาระ

แต่ด้วยความที่ช่องคลอดอยู่ตรงกลางระหว่างท่อปัสสาวะกับทวารหนัก พอมีประจำเดือนออกมา หลายคนก็เข้าใจว่าเป็นการขับถ่ายของเสียออกมาเช่นกัน

รู้อย่างนี้แล้ว คราวหน้าหากพบว่ามีประจำเดือนสีน้ำตาลหรือสีดำคล้ำมากกว่าปกติก็ไม่ต้องตกใจ ไป เพราะสีประจำเดือนที่เปลี่ยนไปไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ไม่เกี่ยวกับปัญหาสุขภาพและก็ไม่ได้เป็นโรคภัยใด ๆ ทั้งสิ้น

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

อัพเดทล่าสุด