เฝ้าระวัง! ไวรัสเมอร์ส ขยับใกล้ไทย


1,751 ผู้ชม

รู้จักไวรัสเมอร์ส (MERS) โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กระทรวงสาธารณสุขออกโรงประกาศเตือ­­­­นให้เฝ้าระวัง แม้จะยังไม่เข้ามาในประเทศไทย แต่การที่มีข่าวพบผู้ป่วยในประเทศจีนและเกาหลีใต้ ก็ทำให้เราต้องรู้จักโรคนี้กันไว้บ้าง...


เฝ้าระวัง! ไวรัสเมอร์ส ขยับใกล้ไทย

รู้จักไวรัสเมอร์ส (MERS) โคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่กระทรวงสาธารณสุขออกโรงประกาศเตือ­­­­นให้เฝ้าระวัง แม้จะยังไม่เข้ามาในประเทศไทย แต่การที่มีข่าวพบผู้ป่วยในประเทศจีนและเกาหลีใต้ ก็ทำให้เราต้องรู้จักโรคนี้กันไว้บ้าง 

ไวรัสมรณะ เมอร์ส ที่มีความน่ากลัวกว่าไวรัสอีโบลา หากเชื้อเข้าปอดแล้วโอกาสเสียชีวิตมีสูงถึง 36% แถมทนต่อสภาพแวดล้อม สามารถติดต่อได้ทั้งผ่านทางเดินหายใจ-สารคัดหลั่ง หากแพร่เข้าปอดจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 4 วัน

หลังจากที่ทั่วโลกต้องตื่นตระหนกหลังพบ ไวรัสเมอร์ส (mers virus Middle East Respiratory Syndrome coronavirus: MERS) คือ โคโรนาไวรัส ที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ที่กลับมาระบาดในเอเชียอีกครั้ง เพราะไวรัสตัวนี้ติดง่ายกว่าเชื้ออีโบลา (Ebola) ถ้าเชื้อแพร่กระจายเข้าปอดแล้วโอกาสเสียชีวิตมีสูงถึง 36%
ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนชื้นช่วงต้นฤดูฝน ในพื้นที่เขตเส้นศูนย์สูตรแถบเอเชีย ทำให้อุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียสในหลายประเทศ แต่ความร้อนก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการระบาดของเชื้อไวรัสมรณะเมอร์ส ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อไวรัสตัวนี้ที่ประเทศเกาหลีใต้รวม 30 คน หลังจากเดินทางกลับจากตะวันออกกลาง

จากการตรวจสอบของทีมข่าวไทยรัฐ พบว่า ไวรัสเมอร์สมีความน่ากลัวกว่าไวรัสอีโบลา เพราะสามารถทนต่อสภาพอากาศร้อนสูง ระหว่างอุณหภูมิ 25-30 องศาเซลเซียส ในสภาพแวดล้อมนานถึง 2 วัน เพราะมันมีถิ่นกำเนิดในแถบทะเลทรายที่ร้อนเกือบ 50 องศาเซลเซียส หากผู้ป่วยที่ติดเชื้อเกิดจามขณะมีผู้คนเดินผ่านในรัศมี 1 เมตร ผู้นั้นสามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้อย่างง่ายดาย จากละอองน้ำลาย น้ำมูก และเสมหะของผู้ติดเชื้อ
ร่างกายและอุณหภูมิของมนุษย์เป็นที่อยู่อาศัยชั้นเลิศ ในการเพิ่มจำนวนไวรัส หลังเข้าร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ หรือสารคัดหลั่ง เช่น เลือด น้ำเหลือง น้ำลาย หรืออสุจิ มันจะเข้าไปฝังตัวในเซลล์ของมนุษย์ทันที และใช้องค์ประกอบจากเซลล์มนุษย์ ที่มีอุณหภูมิเหมาะสมที่ 37 องศาเซลเซียส เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ให้กลายเป็นไวรัสเมอร์สตัวใหม่ และเซลล์มนุษย์ที่ติดเชื้อก็จะตายลง ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายล้มเหลว โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ ปอด และไต

ผู้รับเชื้อจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และทรุดลงอย่างรวดเร็วเมื่อไวรัสลงปอด จะมีชีวิตอยู่ไม่เกิน 4 วัน จึงเป็นเรื่องน่าห่วงกับพี่น้องมุสลิมที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ช่วงหลังกลางเดือนสิงหาคมนี้ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพราะไวรัสตัวนี้มีถิ่นกำเนิดในดินแดนอาหรับและยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อไวรัสนี้ทั่วโลกกว่า 1,100 คน เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 400 คน ขณะที่ ยอดผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้จากไวรัสชนิดนี้เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่องค์การอนามัยโลก ยังไม่มีการประกาศห้ามเดินทางไปยัง ประเทศที่พบผู้ป่วยแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ออกประกาศเตือนคนไทยในเกาหลีใต้ให้ระมัดระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อาศัยในเขตเมืองแดจอน และพื้นที่ใกล้เคียงให้เพิ่มความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่สาธารณะ ซึ่งอาจเป็นแหล่งติดเชื้อได้ รวมถึงหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ และใช้หน้ากากอนามัยปิดปาก และจมูก เมื่อมีอาการไอ หรือ จาม แต่หากมีอาการไม่สบายหรือเป็นไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันที

ที่มา: thairath

อัพเดทล่าสุด