เช็คด่วน! ตกขาว คุณมีสีอะไร กลิ่นแบบไหน ผิดปรกติ หรือไม่?


6,572 ผู้ชม

ตกขาว คือ สิ่งที่ถูกขับออกมาจากช่องคลอด และสิ่งนั้นไม่ใช่เลือด ดังนั้น ตกขาวจึงมีสีอะไรก็ได้แต่ส่วนใหญ่จะสีขาว ตกขาวนี่เองที่เป็นอาการที่ผู้ป่วยมาหาหมอถึงหนึ่งในสามของผู้ป่วย ที่มาตรวจภายใน...


เช็คด่วน! ตกขาว คุณมีสีอะไร กลิ่นแบบไหน ผิดปรกติ หรือไม่?

ตกขาว คือ สิ่งที่ถูกขับออกมาจากช่องคลอด และสิ่งนั้นไม่ใช่เลือด ดังนั้น ตกขาวจึงมีสีอะไรก็ได้แต่ส่วนใหญ่จะสีขาว ตกขาวนี่เองที่เป็นอาการที่ผู้ป่วยมาหาหมอถึงหนึ่งในสามของผู้ป่วย ที่มาตรวจภายใน  ตกขาวเป็นคำเรียกที่รู้จักกันทั่วไป แต่บางคนก็เรียก ระดูขาว (ไม่ใช่ฤดูขาวระครับ) หนังสือบางเล่มก็เรียก มุตกิต ก็มี ตกขาวไม่ใช่โรคแต่เป็นอาการ ซึ่งอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น คัน มีกลิ่น หรือเจ็บปวด 

     
การดูแลจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่เราควรใส่ใจอย่างมากเช่นกันนะคะ เพราะจุดซ่อนเร้นเป็นอวัยวะที่อยู่ในร่มผ้า ยิ่งเป็นจุดต้องดูแลมากเป็นพิเศษ และต้องหมั่นคอยสังเกต ว่าตกขาวมีสีหรือกลิ่น ที่ผิดปรกติหรือเปล่านะ จึงขออนุญาตนำ ความรู้เล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับการสังเกต สี กลิ่น และวิธีดูแลป้องกันช่องคลอดให้สะอาดปลอดเชื้อ
ภาวะตกขาวที่ปกติเป็นอย่างไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตาม ปกติแล้วในสตรีที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ (อีกนัยหนึ่ง คือ สตรีที่อยู่ในช่วงอายุที่ยังมีประจำเดือน หรือมีฮอร์โมนเพศหญิงเจริญเต็มที่) จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแตกต่างกันไปตามระยะของประจำเดือน การเปลี่ยนแปลงนี้ จะมีผลต่อการลักษณะของเหลวที่สร้างขึ้นมาจากอวัยวะต่าง ๆ ในระบบสืบพันธุ์สตรี ดังเช่น ในช่วงกึ่งกลางรอบประจำเดือนหรือระยะใกล้เคียงกับการตกไข่ ซึ่งเป็นเวลาที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง ทำให้ในช่วงเวลานี้ จะมีตกขาวลักษณะค่อนข้างเหลวใส ๆ ปริมาณมากกว่าระยะเวลาอื่น ส่วนตกขาวในระยะเวลาอื่นจะมีสีขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก
นอกจากนั้น แล้ว ตกขาวที่ปกติควรจะไม่คัน และไม่มีกลิ่น ถ้าตกขาวของท่านมีลักษณะดังที่กล่าวมานี้ถือว่าปกติ ไม่มีความจำเป็นต้องรักษา อย่างไรก็ตาม สตรีแต่ละท่านจะมีปริมาณตกขาวแตก ต่างกันไป บางท่านอาจมีปริมาณตกขาวมากจนเปื้อนชุดชั้นในอยู่หลายวันในแต่ละเดือน แต่สำหรับบางท่านอาจมีปริมาณน้อยจนไม่รู้ว่ามีตกขาวเลย
นอกจากนี้ ฮอร์โมนในสตรีในวัยดังกล่าว ทำให้เซลล์ในช่องคลอดสมบูรณ์ และมีการสร้างสารประเภทแป้งที่เรียกว่าไกลโคเจน ซึ่งจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยแบคทีเรียชนิดหนึ่งให้เป็นกรดอ่อน ๆ  ภาวะนี้จะช่วยป้องกันการรุกรานจากเชื้อโรคชนิดอื่นที่ก่อให้เกิดความผิดปกติ ได้
ตกขาวแบบติดเชื้อ ที่พบบ่อย 3 อันดับแรกคือ 
1. จากเชื้อแบคทีเรีย (bacterial vaginosis) พบได้ร้อยละ 30-35 ลักษณะตกขาวจะมีสีขาวปนเหลือง หรือขาวปนเทา ลักษณะเหนียวและคันร่วมด้วยและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เวลาปัสสาวะบางครั้งจะมีอาการแสบขัด หลังมีเพศสัมพันธ์จะมีกลิ่นคาว เกิด การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์และความไม่สมดุลของกรด-ด่างในช่องคลอด การรับประทานอาหารพวกของหมักของดอง

2.จากเชื้อรา, ยีสต์ (vulvovaginal candidiasis) พบได้ร้อยละ 20-25 ตกขาวจะออกมาเป็นก้อนเล็กๆขาวๆเหมือนกากนมหรือเต้าหู้ขาวเละๆ มีกลิ่นอับชื้น อาจเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การทานยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่องหรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ

3.จากเชื้อพยาธิ trichomoniasis พบได้ร้อยละ 10 จะมีสีเขียวปนเหลือง มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เป็นฟองและอาจมีอาการคันไปถึงทวารหนัก
ตกขาวแบบไม่ติดเชื้อ จะมีสีเขียวเข้ม สีเหลืองจัด สีน้ำตาลเข้มปนเลือดมีฟอง กลิ่นเหม็น ซึ่งสีนี้อันตรายมากที่สุด เวลาปัสสาวะจะแสบและคันในช่องคลอด อาจเกิดจากการระคายเคืองภายนอก เช่น แพ้สบู่ แป้ง น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น น้ำยาซักผ้า แพ้สารเคมี มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปภายในช่องคลอด สตรีวัยหมดระดู ขาดฮอร์โมน ก็ทำให้เกิดช่องคลอดแห้งอักเสบ มีตกขาวได้ การอักเสบอย่างรุนแรงในช่องคลอด หรือเป็นโรคมะเร็งภายในอวัยวะสืบพันธ์เพศหญิง เช่นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งมดลูก มะเร็งท่อนำไข่ เป็นต้น
วิธีดูแลป้องกันไม่ให้ช่องคลอดติดเชื้อ
1. ขนของอวัยวะเพศ ต้องดูแลเช่นกันนะคะ โดยซับให้แห้งหลังเข้าห้องน้ำทุกๆครั้ง เพื่อป้องกันความอับชื้น แต่ไม่ถึงกับต้องไป ตัด โกน หรือแว็กซ์ นะคะ เพราะขนบริเวณนี้ก็มีประโยชน์ไม่น้อยเพราะ ช่วยป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เข้าไปสู่ภายในช่องคลอด
2. ควรล้างทำความสะอาดทุกครั้งทั้งก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์
3. น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ถ้าใช้นานก็อาจทำให้ความเป็นกรดด่างในช่องคลอดเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มีเชื้อราขึ้นได้ ซึ่งการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นนั้น เพียงใช้สบู่และน้ำธรรมดาก็เพียงพอแล้วค่ะ
4. ไม่สวนล้างช่องคลอด ควรล้างด้วยน้ำสะอาดเฉพาะภายนอก แล้วซับให้แห้ง ไม่จำเป็นต้องฉีดสวนล้างเข้าไปภายใน เพราะการสวนล้างช่องคลอดจะไปทำลายน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติที่มีประโยชน์
5.หลีกเลี่ยงการรับประทานของหวาน เพราะจะทำให้มีปริมาณน้ำตาลในเซลล์ต่าง ๆ เยอะขึ้น ซึ่งพบว่าเป็นอาหารโปรดของเชื้อรา ทำให้เจริญเติบโตได้ดี คนไข้ที่เป็นเชื้อราในช่องคลอด หมอจะแนะนำให้เลี่ยงอาหารประเภทนี้ค่ะ
6.หากใส่ผ้าอนามัยระหว่างมีประจำเดือน ก็ควรต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ทุก 2-3 ชั่วโมง และถ้าไม่มีรอบเดือนก็ไม่ควรต้องใส่ผ้าอนามัย เพราะจะทำให้ช่องคลอดอับชื้น และเกิดเชื้อราได้ง่าย
7. ไม่ควรใส่กระโปรงหรือกางเกงที่รัดหรือคับจนเกินไป เพราะจะทำให้บริเวณอวัยวะเพศอับชื้นและเกิดการเสียดสี
8. ตากชุดชั้นในที่ที่มีแสงแดดจ้า โล่ง อากาศถ่ายเท แสงแดงจะช่วยจะช่วยฆ่าเชื้อ และแห้งสนิท ไม่อับชื้น  
การมีตกขาวมีกลิ่น และมีสีผิดปรกติ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ แต่ถ้าเป็นแล้วปล่อยให้เกิดอาการเรื้อรัง ก็อาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา อย่างเช่น มะเร็งในช่องคลอด มะเร็งปากมดลูก  และก็ไม่ควรซื้อยามารักษาเอง ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อวินิจฉัยตรวจสาเหตุและจะได้วางแผนการรักษาได้อย่างถูกวิธีค่ะ
เรียบเรียงโดย : ไข่เจียว.com
ที่มา: thailandbestbeauty.com

อัพเดทล่าสุด