หันมากินกระเทียมกันเถอะ...เพื่อสุขภาพ


หันมากินกระเทียมกันเถอะ...เพื่อสุขภาพ

"กระเทียม" เป็นพืชสมุนไพรและเป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยหรืออาหารฝรั่ง ส่วนใหญ่แล้วก็มักมีกระเทียมเป็นส่วนประกอบของอาหารทั้งนั้น ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรสชาติให้อร่อยขึ้นแล้ว ยังมีคุณค่าต่อร่างกายอีกมาก ตำรายาไทยนิยมนำหัวกระเทียมใช้เป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้กลากเกลื้อน และแก้ไอ และกระเทียมยังมีสรรพคุณมากมายเช่นขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดพิการ แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด บำรุงธาตุ กระจายโลหิต เป็นต้น ซึ่งมีองค์ประกอบหลักคือ allicin

การศึกษาทางคลินิก:

  • ขับลมแก้ท้องอืดเฟ้อ ผู้ป่วยรับประทานกระเทียมเม็ด วันละ 2 ครั้ง (1,000 มิลลิกรัมต่อวัน) พบว่าอาการปวดยอดอก ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาการคลื่นไส้ลดลงเมื่อเทียบกับยาหลอก
  • ลดไขมันในเลือด:การรับประทานกระเทียมจะช่วยลดคอเลสเตอรอลรวม และไตรกลีเซอไรด์ได้ และมีอีกหลายการทดลองทางคลินิกที่สนับสนุนฤทธิ์ลดไขมันในเลือดของกระเทียม กระเทียมเม็ดขนาด 900มิลลิกรัม/วัน สามารถป้องกันและรักษาโรคเส้นเลือดอุดตัน(arteriosclerosis) และการศึกษาเปรียบเทียบอาสาสมัครกับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดที่มีระดับไขมันสูง พบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ลดระดับไขมันทั้งหมด และชนิด low-density lipoprotine cholesterol (LDL) การบริโภคกระเทียมผงแห้ง 600-900 มิลลิกรัมต่อวัน นาน 12 สัปดาห์ พบว่าสามารถลดระดับโคเลสเตอรอลได้ประมาณ 10-15%
  • ภาวะเส้นเลือดอุดตัน:กระเทียมมีฤทธิ์ช่วยรักษาผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดอุดตันได้ ในการทดลองแบบ pain free walking distance การรับประทานสารสกัดน้ำ น้ำมัน และกระเทียมผงขนาด 600-1,200 มิลลิกรัมพบว่ามีผลกระตุ้นการสลายตัวของ fibrin และยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
  • ภาวะความดันโลหิตสูง:การทดลองในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงเล็กน้อย ให้รับประทานยาเม็ดกระเทียมขนาด 600-900 มิลลิกรัม/วัน นาน 12 สัปดาห์ มีผลลดระดับความดันโลหิต systolic และ diastolic ได้ ดังนั้นผู้ที่มีความดันโลหิตสูงแบบอ่อนๆสามารถใช้กระเทียมได้

การบริโภคกระเทียมในปริมาณมากทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง จะต้องระวังในการใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น warfarin,NSAIDs สมุนไพรหือยาที่ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ ยาลดความดันโลหิต ยาลดน้ำตาลในเลือด และอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ หรือมีอาการทางเดินอาหารไม่ปกติ หากรับประทานขณะท้องว่าง เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เป็นต้น และกลิ่นกระเทียมจะติดที่ผิวหนัง และลมหายใจ บางกรณีอาจจะเกิดอาการหอบหืดได้ และทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้าทำให้เสี่ยงต่อภาวะเลือดหยุดไหลยากหลังผ่าตัดไม่ควรรับประทานกระเทียมก่อนการผ่าตัด เพราะจะทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้าลง

แหล่งที่มา: www.jspherbalcenter.net

อัพเดทล่าสุด