น้ำแร่รังสีไอโอดีน (Radioiodine)


ระบบและอวัยวะที่เกี่ยวข้อง :

ต่อมไทรอยด์  ระบบต่อมไร้ท่อ  ระบบมะเร็งวิทยา 

อาการที่เกี่ยวข้อง :

ก้อนในต่อมไทรอยด์ 

ทั่วไป

สารไอโอดีนกัมมันตรังสี-131 (Radioiodine หรือ Iodine-131 หรือ I-131) หรือ น้ำแร่รังสีไอโอดีนรังสีที่ใช้ตรวจและรักษาโรค หรือที่มักเรียกกันทั่วไปว่า “น้ำแร่รังสี” เป็นสารไอโอ ดีนประเภทหนึ่งที่อยู่ในรูปของสารกัมมันตรังสี หมายความว่า เป็นสารที่สามารถปลดปล่อยพลังงานรังสีในรูปแบบต่างๆออกมาได้ ทั้งนี้ รังสีจากน้ำแร่รังสีไอโอดีน เป็นรังสีประเภทไอออนไนซ์ (Ionizing radiation) ซึ่งเป็น

โดยธรรมชาติ ต่อมไทรอยด์ซึ่งเป็นต่อมไร้ท่อชนิดหนึ่งของร่างกาย มีหน้าที่สำคัญในการจับเอาสารไอโอดีนจากอาหารที่กินเข้าไป ไปสร้างเป็นฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งฮอร์โมนนี้จะช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายให้เป็นปกติ เมื่อร่างกายได้รับน้ำแร่รังสีไอโอดีนเข้าไป ต่อมไทรอยด์ก็จะจับเอาน้ำแร่รังสี ซึ่งเป็นสารไอโอดีนรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ไปสร้างเป็นฮอร์โมนไทรอยด์ได้เช่นกัน

น้ำแร่รังสีไอโอดีนใช้รักษาโรคของต่อมไทรอยด์ได้อย่างไร?

เนื่องจากน้ำแร่รังสีไอโอดีนที่ถูกต่อมไทรอยด์จับเข้าไปอยู่ในเซลล์ของต่อมไทรอยด์ สามารถปล่อยรังสีออกมาได้ ต่อมไทรอยด์จึงได้รับรังสีที่ปล่อยออกมา ซึ่งพลังงานจากรังสีนี้ มีผลทำให้เซลล์ของต่อมไทรอยด์ไม่สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้เหมือนเดิม ต่อมไทรอยด์จึงค่อยๆฝ่อเล็กลง ดังนั้นจึงสามารถใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีนในการรักษาโรคของต่อมไทรอยด์บางชนิดได้ เช่น โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ และโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์บางชนิด เป็นต้น

น้ำแร่รังสีไอโอดีนใช้รักษาโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษได้อย่างไร?

โรค/ภาวะ ต่อมไทรอยด์เป็นพิษที่เกิดจากต่อมไทรอยด์สร้างและหลั่งฮอร์ โมนออกมามากเกินไป เช่น โรคเกรฟส์ (Graves’ disease) สามารถใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีนในการรักษาได้ เนื่องจากเซลล์ของต่อมไทรอยด์ในโรคนี้จะจับน้ำแร่รังสีไอโอดีนได้มากกว่าต่อมไทรอยด์ปกติ ต่อมไทรอยด์ของผู้ป่วยจึงได้รับรังสีจากน้ำแร่รังสีฯในปริมาณสูงมากพอที่จะทำลายเซลล์ของต่อมให้ฝ่อลงได้ ทำให้อาการจากภาวะไทรอยด์เป็นพิษดีขึ้น และหายขาดได้ในที่สุด

เมื่อไหร่จึงใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีนรักษาโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ?

โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษที่มีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน เช่น โรคเกรฟส์ จะรักษาด้วยน้ำแร่รังสีเมื่อ

  • ผู้ป่วยรักษาด้วยยาต้านไทรอยด์ฮอร์โมนแล้วไม่ได้ผล
  • ไม่สามารถกินยาต้านไทรอยด์ฮอร์โมนได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ
  • เกิดการแพ้ยาดังกล่าว
  • หรือรักษาจนสามารถหยุดยาได้แล้วแต่โรคย้อนกลับมาเป็นซ้ำใหม่อีกในภายหลัง

นอกจากนั้น ยังใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีน ในกรณีที่ผู้ป่วยเคยผ่าตัดต่อมไท รอยด์ออกแล้ว แต่ยังมีอาการไทรอยด์เป็นพิษอยู่ หรือเกิดอาการไทรอยด์เป็นพิษขึ้นมาใหม่ในภายหลัง (หลังการผ่าตัด)

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน มีการใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีน รักษาโรคตั้งแต่แรกวินิจ ฉัยโรคได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเริ่มรักษาด้วยยาต้านไทรอยด์ หรือผ่าตัดต่อมไทรอยด์ออกก่อน เนื่องจากการรักษาด้วยน้ำแร่แร่รังสีไอโอดีน สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้หายสูง

น้ำแร่รังสีไอโอดีนใช้รักษาโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ได้อย่างไร?

โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษบางชนิด ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยประมาณ 90-95% ของมะเร็งต่อมไทรอยด์ทั้งหมด สามารถใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีนในการรักษาเพิ่มเติมหลังจากที่ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ออกแล้ว เนื่องจากเซลล์มะเร็งชนิดดังกล่าวมีคุณสมบัติในการจับน้ำแร่รังสีไอโอดีนได้ ทำให้เซลล์ มะเร็งได้รับรังสีที่ปล่อยออกมาจากน้ำแร่ฯ ซึ่งส่งผลให้เซลล์มะเร็งตายไปในที่สุด การรักษานี้ใช้ได้กับทั้งเซลล์มะเร็งต่อมไทรอยด์ที่อาจหลงเหลือในต่อมไทรอยด์หลังการผ่าตัด และกับมะเร็งต่อมไทรอยด์ที่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ต่อมน้ำเหลือง ตับ ปอด กระดูก เป็นต้น

เมื่อไหร่จึงใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีนรักษาโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์?

โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษที่จะใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีนรักษาได้ จะต้องเป็นมะเร็งชนิดที่จับน้ำแร่รังสีไอโอดีนได้ดี เช่น ชนิดพาพิลลารี คาร์ซิโนมา (Papillary carci noma) และชนิดฟอลลิคูลาร์ คาร์ซิโนมา (Follicular carcinoma) โดยผู้ป่วยจะ ต้องได้รับการผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ออกหมด หรือเกือบหมดเสียก่อน หลังจากนั้นประมาณ 4–6 สัปดาห์จึงจะรักษาต่อด้วยการกินน้ำแร่รังสีไอโอดีน ซึ่งการรักษาด้วยน้ำแร่รังสีฯนี้มีประโยชน์ นอกจากจะช่วยให้สามารถติดตามผลการรักษาโรคในระยะยาวได้แม่นยำขึ้นแล้ว ยังจะช่วยลดโอกาสการกลับเป็นโรคซ้ำ และช่วยยืดอายุผู้ป่วยให้ยาวนานขึ้นอีกด้วย

น้ำแร่รังสีไอโอดีนใช้รักษาผู้ป่วยเด็กได้ไหม?

ในผู้ป่วยเด็กโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ควรจะได้รับการรักษาด้วยการกินยาต้านไทรอยด์ฮอร์โมนก่อน เพราะแม้ว่าการรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีนจะมีโอกาสหายขาดได้มาก แต่ก็มีโอกาสที่ผู้ป่วยเด็กจะเกิดภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ ขาดฮอร์โมนไทรอยด์ และต้องกินยาฮอร์โมนไทรอยด์เสริมทุกวันไปตลอดชีวิต อย่าง ไรก็ตาม ถ้ารักษาด้วยยาไม่ได้ผล ก็สามารถให้น้ำแร่รังสีไอโอดีนรักษาได้ แม้ว่าอายุยังไม่มาก หรือยังเป็นเด็กอยู่ (อายุต่ำกว่า 15 ปี)

ในผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดที่เซลล์มะเร็งจับน้ำแร่รังสีไอโอดีนได้ เมื่อได้รับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ออกแล้ว สามารถใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีนรักษาต่อได้เช่นเดียวกับในผู้ใหญ่ เนื่องจากต้องรีบรักษาให้หายขาดตั้งแต่เนิ่นๆ และผู้ ป่วยกลุ่มนี้ต้องได้รับการรักษาต่อด้วยการกินยาฮอร์โมนไทรอยด์ตลอดชีวิตอยู่แล้วจากการผ่าตัดต่อมไทรอยด์

มีข้อห้ามการรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีนไหม?

น้ำแร่รังสีไอโอดีนมีข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์ และให้นมบุตร เนื่อง จากรังสีที่สตรีตั้งครรภ์ได้รับจะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ทั้งจากการแผ่รังสีโดยตรงจากตัวมารดา (จากน้ำแร่รังสีฯที่อยู่ในตัวมารดา) และจากน้ำแร่รังสีไอโอ ดีนที่ผ่านรกเข้าไปในตัวทารก นอกจากนั้น เนื่องจากน้ำแร่รังสีไอโอดีนสามารถขับออกมากับน้ำนมได้ ถ้าทารกดูดนมมารดาก็จะได้รับน้ำแร่รังสีไอโอดีนไปด้วย ซึ่งจะทำให้เซลล์ต่อมไทรอยด์ของทารกถูกรังสีทำลายได้

ในผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษที่มีอาการรุนแรงมาก ถือเป็นข้อห้ามในการรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีนด้วยเช่นกัน เนื่องจาก ในระยะแรก ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีน อาจเกิดอาการไทรอยด์เป็นพิษรุนแรงมากขึ้นจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ในกรณีนี้ ควรรักษาด้วยยาต้านฮอร์โมนไทรอยด์ไปชั่วคราวเพื่อให้อาการดีขึ้นเสียก่อน จึงจะให้น้ำแร่รังสีไอโอดีนตามหลังจากนั้น

เตรียมตัวก่อนกินน้ำแร่รังสีไอโอดีนอย่างไรบ้าง?

ผู้ป่วยโรคของต่อมไทรอยด์ที่จะรักษาด้วยการกินน้ำแร่รังสีไอโอดีน จะต้องเตรียมตัวมาก่อน ทั้งนี้เพื่อให้การรักษาได้ผลดี และเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด การเตรียมตัวที่สำคัญ ๆ ได้แก่

  1. งดอาหารที่มีเกลือไอโอดีนมากๆ เช่น อาหารทะเล อาหารรสเค็ม และวิตา มินรวม ก่อนมากินน้ำแร่รังสีไอโอดีน เพื่อให้เซลล์ของต่อมไทรอยด์หิวไอ โอดีนมากๆ จึงจะจับน้ำแร่รังสีฯได้ดี ผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ควรงดกินอาหารที่มีโอโอดีนมากๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนมากินน้ำแร่รังสีไอโอ ดีน ส่วนผู้ป่วยต่อมไทรอยด์เป็นพิษควรงดอาหารที่มีไอโอดีนมากๆ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนกินน้ำแร่รังสีฯ
  2. หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่ทำให้เซลล์ต่อมไทรอยด์จับน้ำแร่รังสีไอโอดีนได้น้อย หรือที่ทำให้น้ำแร่รังสีไอโอดีนอยู่ในเซลล์ได้เป็นเวลาสั้นลง เช่น ในผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ควรงดยาต้านไทรอยด์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ หรือในผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ควรงดยาฮอร์โมนไทรอยด์ประมาณ 4 –6 สัปดาห์ก่อนกินน้ำแร่รังสีฯ
  3. ต้องคุมกำเนิดอย่างเคร่งครัด สตรีที่เป็นโรคของต่อมไทรอยด์ที่จะรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีน จะต้องมั่นใจว่า ไม่ได้กำลังตั้งครรภ์อยู่ ในกรณีที่ไม่ได้คุมกำเนิด หรือไม่มั่นใจว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ แพทย์อาจจำเป็นต้องตรวจทดสอบการตั้งครรภ์ดูก่อน หรืออาจต้องรอให้ประจำเดือนครั้งต่อไปมาก่อน ถึงจะรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีนได้
  4. ต้องไม่ได้กำลังให้นมบุตรอยู่ ดังนั้น มารดาที่กำลังให้นมบุตรอยู่ ถ้าจำเป็นจะต้องรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีน จะต้องให้บุตรหย่านมเสียก่อน
  5. โดยทั่วไป การรักษาโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษจะใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีนในปริมาณที่ไม่สูงมาก ผู้ป่วยสามารถมากินน้ำแร่รังสีไอโอดีนที่โรงพยาบาลและกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน แต่ในการรักษาโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์มักจะต้องใช้น้ำแร่รังสีไอโอดีนในปริมาณสูง ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้องแยกของโรงพยาบาล เพื่อป้องกันการแผ่รังสีจากตัวผู้ป่วยไปถูกคนใกล้ชิดรอบข้าง ผู้ป่วยจึงต้องอยู่โรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ จนกว่าปริมาณรังสีในตัวลดลงสู่ระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น จึงจะกลับบ้านได้

มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้างจากรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีน?

สำหรับผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ในช่วง 1–2 สัปดาห์แรกหลังกินน้ำ แร่รังสีไอโอดีนใหม่ๆ ฮอร์โมนที่เก็บสะสมอยู่ในต่อมไทรอยด์จะหลั่งออกมาในกระแสเลือด (โลหิต) ปริมาณมาก ผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ป่วยที่มีต่อมไทรอยด์โตมาก จึงอาจจะรู้สึกว่ามีอาการไทรอยด์เป็นพิษมากขึ้นในช่วงนี้ ดังนั้นจึงควรพัก ผ่อนมากๆ และกินยาต่างๆตามแพทย์แนะนำให้ครบถ้วน ถูกต้อง เช่น ยาลดอาการใจสั่น

สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ เนื่องจากต้องรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอ โอดีนขนาดสูง ในช่วงแรกอาจเกิดอาการข้างเคียงได้บ้าง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน คอบวมจากต่อมไทรอยด์ (ที่เหลืออยู่หลังผ่าตัด) อักเสบ ปวดบวมบริเวณหน้าหู หรือใต้กรามสองข้างจากต่อมน้ำลายบริเวณนั้นอักเสบ ซึ่งถ้าเป็นรุนแรง อาจส่งผลให้มีอาการน้ำลายน้อย ปาก คอแห้งได้ สำหรับในระยะยาว มีรายงานว่าผู้ป่วยมะเร็งต่อมไทรอยด์ที่ได้รับน้ำแร่รังสีไอโอดีนขนาดสูง มีโอกาสเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นกว่าที่พบได้ในประชากรทั่วไปเล็กน้อย (ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ) นอกจากนั้นพบว่า สตรีบางรายอาจเกิดภาวะหมดประจำเดือนเร็วกว่าปกติได้

กินน้ำแร่รังสีไอโอดีนแล้วยังมีประจำเดือนไหม? มีบุตรได้ไหม?

ผู้ป่วยสตรีที่ได้รับการรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีนแล้ว ควรงดการมีเพศ สัมพันธ์ในช่วง 7 วันแรก เนื่องจากไม่ควรอยู่ใกล้ผู้อื่น แต่หลังจากนั้น สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ ผู้ป่วยจะยังคงมีประจำเดือนและสามารถมีบุตรได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรก ควรจะคุมกำเนิดไว้ก่อน เนื่องจากถ้าจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีนซ้ำ จะได้ไม่มีข้อห้าม นอกจากนั้นแม้ว่าโรคจะหายแล้ว ไม่จำเป็นต้องกินน้ำแร่รังสีไอโอดีนอีก ก็ควรคุมกำเนิดต่อหลังจากกินน้ำแร่รังสีไอโอดีนไปอีกอย่างน้อย 6 เดือนเพื่อให้มารดาได้กลับมามีสุขภาพสมบูรณ์เต็มที่ก่อนการตั้งครรภ์

สำหรับผู้ป่วยชายที่กินน้ำแร่รังสีไอโอดีน ภายหลัง 7 วันไปแล้วสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติเช่นกัน แต่ไม่จำเป็นต้องคุมกำเนิดถ้าต้องการมีบุตร เพราะการได้รับน้ำแร่รังสีไอโอดีนไม่ส่งผลกระทบถึงสุขภาพของภรรยา หรือถึงการตั้งครรภ์ของภรรยา

ดูแลตนเองหลังกินน้ำแร่รังสีไอโอดีนอย่างไร?

เมื่อได้รับการรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีนแล้ว ควรจะดูแลตัวเอง ดังนี้

  1. ในช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีมีครรภ์และเด็กทารกเป็นเวลานานๆ เพื่อไม่ให้รังสีแผ่ไปสู่ผู้อื่น
  2. ในช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรดื่มน้ำบ่อยๆ และปัสสาวะบ่อยๆ ไม่กลั้นปัสสาวะ เพื่อเร่งการขับน้ำแร่รังสีไอโอดีนส่วนที่ไม่ได้จับที่ต่อมไทรอยด์ออกไปจากร่างกายให้เร็วที่สุด เพื่อให้อวัยวะอื่นๆไม่ได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น
  3. ในช่วง 1 สัปดาห์แรก เวลาปัสสาวะหรืออุจจาระ ควรราดน้ำลงส้วมให้มากกว่าปกติ เพื่อไม่ให้มีน้ำแร่รังสีไอโอดีนค้างอยู่บริเวณส้วม ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ใช้ห้องน้ำต่อ ได้รับรังสีไปด้วย ทั้งนี้เพราะน้ำแร่รังสีไอโอดีนบาง ส่วนจะถูกขับออกทางปัสสาวะ และทางอุจจาระ
  4. ควรแยกภาชนะสำหรับกินอาหารไม่ปะปนกับผู้อื่นประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากน้ำแร่รังสีไอโอดีนบางส่วนจะขับออกมากับน้ำลายได้
  5. ควรแยกเสื้อผ้าใช้แล้ว และแยกซักเสื้อผ้า จากเสื้อผ้าของผู้อื่นประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากน้ำแร่รังสีไอโอดีนบางส่วนจะขับออกมาทางเหงื่อ
  6. ควรคุมกำเนิดต่อไปก่อนอย่างน้อย 6 เดือน หรือตามแพทย์แนะนำ เนื่อง จากถ้าตั้งครรภ์ในช่วงนี้ จะไม่สามารถรักษาด้วยน้ำแร่รังสีไอโอดีนซ้ำได้ในกรณีที่จำเป็นต้องรักษาซ้ำอีก

หลังกินน้ำแร่รังสีไอโอดีน ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?

ผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หลังกินน้ำแร่รังสีไอโอดีน ถ้ามีอาการเหนื่อยมาก ใจสั่นมากผิดปกติ ไม่มีแรง หรือมีไข้สูง ควรจะไปพบแพทย์ก่อนนัด เนื่องจากอาจจะจำเป็นต้องได้รับยาต้านไทรอยด์ฮอร์โมน หรือปรับขนาดยาต้านไทรอยด์ฮอร์โมนเพิ่ม

ส่วนผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ หลังกินน้ำแร่รังสีไอโอดีน ถ้ามีอาการคอบวมมาก หายใจไม่สะดวก ก็ควรรีบพบแพทย์ก่อนนัด ควรเป็นภายใน 24 ชั่วโมง หรือฉุกเฉิน ขึ้นกับความรุนแรงของอาการ เนื่องจากอาจต้องได้รับยาลดอาการ บวม หรือตรวจประเมินทางเดินหายใจ เพื่อป้องกันและรักษาการกดเบียดทางเดินหายใจจากต่อมไทรอยด์(ที่เหลืออยู่หลังผ่าตัด)อักเสบ และบวมมากผิดปกติ

นอกจากนั้น ผู้ป่วยที่กินน้ำแร่รังสีไอโอดีน เมื่อได้รับยารักษาโรคของต่อมไทรอยด์ต่อเนื่องจากแพทย์ โดยเฉพาะยาไทรอยด์ฮอร์โมน ผู้ป่วยไม่ควรขาดยาเพราะจะส่งผลให้เกิดภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน (บวม อ้วนฉุ เฉื่อยช้า หัวใจเต้นผิดปกติ ง่วงซึม) ดังนั้นควรตรวจนับยาเสมอ เมื่อยาอาจหมดก่อนนัด ควรรีบพบแพทย์ก่อนนัด ก่อนยาหมด ไม่ควรขาดยา
ที่มา   https://haamor.com/th/น้ำแร่รังสีไอโอดีน/

อัพเดทล่าสุด