ออกกำลังกายยังไงก็ไม่ผอม!


1,060 ผู้ชม


"ออกกำลังกายยังไงก็ไม่ผอม!"

    อะไรคือความแตกต่างระหว่างคนที่เข้ายิมแล้วผอม กับคนที่ออกกำลังกายยังไงก็ไม่ผอม แถมบางคนอ้วนขึ้นด้วยซ้ำ

คุณเคยมีประสบการณ์แบบนี้หรือไม่ เข้ายิมพยายามวิ่งบทลูวิ่งแทบตาย ยกเวทจนเมื่อยล้า ซิดอัพจนปวดหน้าท้องไปหมดน้ำหนักก็ยังไม่ลง แถมไม่มีวี่แววว่าจะผอมลงเลย ดีไม่ดีน้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ

มหาวิทยาลัย Harvard ได้ทำการศึกษาและตีพิมพ์ใน Journal of the American Medical Association ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น นักวิจัยได้ทำการสำรวจในผู้หญิงมากกว่า 34,000 คนโดยมีอายุเฉลี่ย 54 ปี ผู้หญิงกลุ่มนี้ได้ทำการกรอกแบบฟอร์มสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการออกกำลังกาย ซึ่งสรุปข้อมูลได้ว่าการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ทำให้พวกเธอสามารถลดน้ำหนักได้เลย เนื่องจากพวกเธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงการบริโภคอาหาร และปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวันนั่นเอง นอกจากนี้พวกเธอยังมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

อะไรคือปัจจัยที่สร้างความแตกต่าง

ผู้หญิงที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่องจะมีค่า Body Mass Index(BMI) ต่ำกว่า 25 ในทางตรงกันข้ามผู้หญิงที่มีค่า BMI มากกว่า 25 มักจะไม่ได้ควบคุมอาหารและปริมาณแคลอรี่ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ทำให้ไม่สามารถลดน้ำหนักได้

งานวิจัยดังกล่าวได้ข้อสรุปว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน และต้องการลดไขมันส่วนเกินบนร่างกายนั้น จะต้องลดปริมาณการรับแคลอรี่ต่อวันควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย แต่อย่าพึ่งตกใจไปโ€ฆความหวังในการลดความอ้วนของคุณอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม การออกกำลังกายนั้นไม่จำเป็นต้องทำที่ยิมเท่านั้น แต่การเผาผลาญไขมันส่วนเกินควรจะเกิดขึ้นจากกิจวัตรประจำวันของคุณเช่นเดียวกัน โดยเริ่มทำตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงเข้านอน กิจกรรมหลาย ๆ อย่างในชีวิตประจำวันสามารถช่วยคุณเผาผลาญพลังงานในร่างกายไปได้มากกว่าที่คุณคิด เช่น ขึ้นบันไดแทนที่จะใช้ลิฟท์ถ้าออฟฟิศของคุณอยู่ชั้นที่ไม่สูงจนเกินไป การเดินเร็ว ๆ และเคลื่อนไหวร่างกายเร็ว ๆ ก็สามารถช่วยคุณเผาผลาญพลังงานได้เช่นกัน ทำตัวให้กระฉับกระเฉงตลอดวันควบคู่กับการไปยิมอย่างสม่ำเสมอจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการลดความอ้วนได้ดียิ่งขึ้น

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันควบคุมน้ำหนักแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาข้อมูลในผู้ใหญ่ 6,000 คน ซึ่งสามารถลดน้ำหนักได้อย่างน้อย 60 ปอน์ด และไม่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเป็นเวลาหนึ่งปี ได้ข้อสรุปว่าคนที่สามารถลดน้ำหนักได้นั้นจะต้องมีการออกกำลังกายที่แตกต่างจากคนทั่วไป ซึ่งจะต้องสามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างน้อย 400 แคลอรี่ต่อวันในการทำกิจกรรมต่างๆ และจะต้องควบคุมปริมาณพลังงานที่ได้รับจากอาหารด้วยเช่นกัน ดังนั้นการควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ และปริมาณแคลอรี่ที่คุณสามารถเผลผลาญได้ต่อวัน จะทำให้คุณสามารถวางแผนลดน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น

น้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นในผู้หญิงวัยกลางคนเป็นผลมาจากหลายสาเหตุ เช่น ระบบการเผาผลาญจะมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง 2-3% ทุก ๆ 10 ปี ซึ่งประสิทธิภาพจะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุ 20 ปีเป็นต้นไป นอกจากการเผาผลาญที่ไม่ดีเหมือนเดิมแล้ว เมื่ออายุมากขึ้นผู้หญิงจะมีกล้ามเนื้อที่ห้อยย้อยเนื่องจากไม่ค่อยได้ใช้งาน นั่นหมายความว่าเมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้นการออกกำลังกาย และควบคุมอาหารเป็นสิ่งที่จำเป็นถ้าต้องการมีสุขภาพที่ดี การขาดการออกกำลังกาย และควบคุมอาหารอย่างเหมาะสมทำให้ผู้หญิงมีความต้องการทางเพศลดลง และฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียดก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้ยิ่งอ้วนมากขึ้น ปริมาณไขมันในช่องท้องก็จะสะสมมากขึ้น

เรามาดูคำแนะนำต่อไปนี้

  • การออกกำลังกายอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ผอมลงได้ ผู้หญิงจำนวนมากที่ออกกำลังกายแต่ก็ยังคงอ้วนขึ้น หรือไม่สามารถลดน้ำหนักลงได้เลย ดังนั้นหากคุณต้องการลด หรือควบคุมน้ำหนัก คุณจะต้องควบคุมปริมาณอาหารด้วย ข้อมูลจากการศึกษาค้นพบว่าหากได้รับพลังงานต่ำกว่า 400 แคลอรี่ต่อวันจะสามารถควบคุม หรือลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
  • ตั้งเป้าออกกำลังกายให้สามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างน้อย 400 แคลอรี่ต่อวัน ปริมาณนี้จะเป็นการเผาผลาญพลังงานที่คุณได้รับเข้าไปต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้คุณควบคุมน้ำหนัก หรือลดน้ำหนักได้อย่างต่อเนื่อง
  • เพิ่มความกระฉับกระเฉงในชีวิต แทนที่จะออกกำลังกายในโรงยิมอย่างเดียว คุณควรทำตัวให้กระฉับกระเฉงตลอดวัน ซึ่งจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้อีกทางหนึ่ง เช่นถ้าคุณเดิน ก็ให้เดินเร็ว ๆ แทนที่จะเดินอย่างเฉื่อยชา เป็นต้น
  • คุณควรบริหารกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ด้วยการยกน้ำหนัก เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้นกล้ามเนื้อจะมีการหย่อนคล้อยไปเรื่อย ๆ เพื่อให้คุณดูดีอยู่เสมอ การยกน้ำหนักจะช่วยเพิ่มความกระชับของส่วนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ในกรณีที่คุณไม่ต้องการให้แขน-ขาใหญ่ คุณสามารถใช้อุปกรณ์ยกน้ำหนักที่มีน้ำหนักน้อย หรือแรงต้านน้อยแทน
  • การออกกำลังกายดีต่อสุขภาพ และกล้ามเนื้อหัวใจ การออกกำลังกายที่ดีนั้นควรมีระยะเวลาตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไปซึ่งจะช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อหัวใจ และสุขภาพร่างกายโดยรวมด้วย ทำให้คุณมีร่างกายที่แข็งแรงอายุยืนยาว รวมทั้งสามารถควบคุมน้ำหนักได้ตามที่ต้องการ เมื่อทำควบคู่ไปกับการบริโภคอาหารอย่างเหมาะสม

ที่มา   https://www.widemagazine.com/content_detail.php?cont_id=126

อัพเดทล่าสุด