10 อันตรายเมื่อเข้าข่าย อ้วน


หน้าที่ 1 - 10 อันตรายเมื่อเข้าข่าย อ้วน

           นับวันที่เข็มบนหน้าปัดตราชั่งน้ำหนักเบนไปทางขวามากขึ้นเรื่อย ๆ โรคร้ายมากต่อมากทั้งทางร่างกายและจิตใจ กำลังเดินตามหลังไปอย่างติด ๆ และฆ่าคุณอย่างเลือดเย็นในที่สุด... นี่คือเหตุผลสำคัญที่คุณต้องลดน้ำหนักเสียแต่วินาทีนี้
           
อ้วน ! อันตราย
           เมื่อคำนวณน้ำหนักตัวและสัดส่วน แน่ใจว่ากำลังอยู่ในข่ายน้ำหนักมากเกินพิกัด จนเข้าสู่ภาวะโรคอ้วน (obesity) ก็ได้เวลาแล้วที่คุณต้องตั้งโปรแกรมลดน้ำหนักโดยด่วน เพื่อเป็นการต่อชีวิตคุณให้ยาวขึ้น และป้องกันปัญหาที่อาจตามมามากมาย อย่างน้อย ๆ ก็ 10 ประการต่อไปนี้
          
หัวใจวายวอด   
           พฤติกรรมการกินผิด ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เช่น กินอาหารที่มีปริมาณไขมันมากหรือมีคอเลสเตอรอล (ชนิดเลว: LDL) สูง ได้แก่ เนื้อสัตว์ติดมัน เครื่องในสัตว์ ไข่ นม เนย พืชบางชนิด ฯลฯ เมื่อกินเข้าไปมาก ร่างกายเผาผลาญไม่หมด ไขมันและคอเลสเตอรอลจะถูกเก็บไว้ในเซลล์ไขมัน บางส่วนเวียนว่ายอยู่ในกระแสเลือด ยิ่งนานวันระดับไขมันและคอเลสเตอรอลจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหากไปตรวจเลือด แล้วพบว่าสูงเกินกว่า 200 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ ถือเป็นระดับเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
           ผู้ป่วยมักมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง กินเวลานานและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลจากไขมัน และคอเลสเตอรอลในเลือดเข้าเกาะจับผนังหลอดเลือดหัวใจ จนเกิดการอุดตัน ไม่สามารถผ่านเข้า-ออก เพื่อหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ กระทั่งหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายในที่สุด กรณีเดียวกัน หากเกิดที่เส้นเลือดในสมองก็จะกลายเป็นอัมพาต เกิดที่เส้นเลือดหล่อเลี้ยงไตก็เป็นโรคไตวาย
           
 ความดันเลือดสูง   
           โรคนี้ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรเงียบ เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการผิดปกติ รู้ตัวอีกทีอาจรุนแรงถึงขั้นเส้นเลือดในสมองตีบตันและแตกได้ง่าย กลายเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ เป็นโรคหัวใจโต เป็นโรคไต ปัสสาวะเป็นเลือด ความรู้สึกทางเพศลดลง หรือตาบอด
           แม้ความอ้วนไม่เชิงเป็นสาเหตุของโรคนี้เสียทีเดียว แต่ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความดันเลือดสูงกว่าระดับปรกติ เนื่องจากพอน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น หัวใจจะทำงานหนักตาม เพราะต้องส่งเลือดไปเลี้ยงให้ทั่วถึงทุกส่วนของร่างกาย ถ้าเทียบง่าย ๆ หัวใจของคนผอมบีบตัวเพียงครั้งเดียว ก็ส่งเลือดไปเลี้ยงได้ทั่วตัวแล้ว แต่หัวใจของคนอ้วนต้องบีบ 2 - 3 ครั้งจึงจะได้ผลเท่ากัน การที่หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นอย่างนี้ จึงเป็นปัจจัยหนึ่งของโรคความดันเลือด สูง ยิ่งถ้าบวกกับเป็นโรคไขมันอุดตันที่เส้นเลือดด้วยแล้ว อาจเลวร้ายถึงกับหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้
           
เบาหวาน...โรคที่ไม่เบา และไม่หวานเลย    
           โรคเบาหวานมี 2 ชนิดด้วยกัน ที่พบเห็นบ่อย ๆ คือชนิดไม่พึ่งอินซูลิน สาเหตุเกิดจากตับอ่อนของผู้ป่วยสามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้น้อย ทำให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาลให้เป็นพลังงานได้ไม่หมด น้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น สถานการณ์อย่างนี้ไตต้องรับบทหนัก เพื่อกรองของเสียออกจากเลือด นานวันเข้าไตอาจเสื่อมสภาพและเกิดโรคไตวายเรื้อรัง เท่านั้นยังไม่พอ เบาหวานยังปัจจัยสำคัญ ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดตีบตันได้ในทุกส่วนของร่างกาย (ยิ่งมีระดับไขมันและคอลเลสเตอรอลในเลือดสูงยิ่งเสี่ยงมาก) เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ฯลฯ ต้อกระจก ตาบอดจากเบาหวานขึ้นตา หมดความรู้สึกทางเพศ ชาหรือปวดร้อนตามปลายมือปลายเท้า และความดันโลหิตสูงอีกด้วย
           คนอ้วนส่วนมากชอบกินหวานเป็นชีวิตจิตใจ ยิ่งเอื้อต่อการเป็นโรคนี้มากขึ้น แถมคนที่อ้วนมาก ๆ มักจะพบปัญหาเรื่องเหงื่อออกง่าย เกิดความอับชื้นตามข้อพับต่าง ๆ ผิวหนังเสียดสีกันจนเกิดแผลมีเลือดออก พุพอง ยิ่งคนอ้วนที่เดินไม่ได้ ต้องนอนอยู่ตลอดเวลาก็จะเกิดแผลกดทับได้ง่าย หากเป็นโรคเบาหวานร่วมด้วยแล้ว แผลมักหายยากและติดเชื้อง่าย ซึ่งอาจลุกลามจนต้องตัดอวัยวะบางส่วนทิ้งเลยทีเดียว
           
"มะเร็ง" โรคไม่มีหัวนอนปลายเท้า   
           มะเร็งเกี่ยวข้องกับโรคอ้วนตรงไหน? ก็ตรงที่คนอ้วนมีเซลล์ไขมันมากกว่าคนปรกติ ซึ่งนอกจากเซลล์ไขมันจะเป็นแหล่งสะสมฮอร์โมนแล้ว ไขมันเหล่านี้ยังสามารถกลายเป็นฮอร์โมนเพศได้ ดังนั้นยิ่งไขมันมากก็ยิ่งสร้างฮอร์โมนได้มาก ซึ่งจะไปกระตุ้นอวัยวะเพศ ในผู้หญิงได้แก่ เยื่อบุโพรงมดลูก รังไข่ ต่อมและท่อน้ำนม หรือที่ต่อมลูกหมากของผู้ชาย เมื่อถูกกระตุ้นนานเข้าอาจกลายเป็นเนื้อร้าย โดยเฉพาะผู้หญิงอ้วน มักมีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมสูงกว่ามะเร็งชนิดอื่น ๆ
           เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป ผู้หญิงควรเข้ารับการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยวิธีแมมโมแกรม และมะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่ถ้าเป็นโรคอ้วนร่วมด้วยแล้วควรเพิ่มความถี่ให้มากขึ้น อย่างน้อย 6 เดือนครั้ง
           
ชีวิตนี้หลับไม่เป็นสุข   
           สาเหตุที่คนอ้วนส่วนใหญ่มักนอนกรน เพราะว่าเมื่อคนเราอ้วนขึ้นเนื้อเยื่อต่าง ๆ ก็จะขยายขนาดขึ้นรวมถึงบริเวณช่องทางเดินหายใจ จนถึงกับไปปิดกั้นทางเดินอากาศให้แคบลง เมื่อหายใจเอาอากาศเข้าไป ผ่านช่องแคบ ๆ ก็จะเกิดเสียงดังขณะนอนหลับ ที่น่ากลัวคือเมื่อรุนแรงมากขึ้นจนกระทั่งอากาศไม่สามารถผ่านเข้า - ออกได้เลย กลายเป็นภาวะหยุดหายใจชั่วขณะ หากร่างกายขาดออกซิเจนบ่อย ๆ เข้าก็อาจทำให้มีอาการขาดออกซิเจนเรื้อรัง มึนงง อยากจะนอนอยู่ตลอดเวลา สมองตื้อ เฉื่อยชา ความคิดความอ่านแย่ลง บางคนถึงกับหมดสติ หรือช็อกไปเลยก็มี
           หลายคนคงนึกไม่ถึงว่า การนอนกรนยังเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงต่าง ๆ มากมายด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันเลือดสูง โรคเส้นเลือดแดงตีบตัน ซึ่งมักพ่วงโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต และโรคหัวใจมาด้วย โรคเบาหวาน โรคสมองเสื่อม และสมรรถภาพทางเพศเสื่อม
           
ข้อเสื่อม    
           คำแนะนำของหมอที่รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม มักจะลงท้ายด้วยการให้ผู้ป่วยจำกัดอาหารมันและหวาน เพื่อมิให้น้ำหนักเกินพิกัด หรือลดน้ำหนักในรายที่อ้วน เพราะยิ่งน้ำหนักตัวมากขึ้น ภาระทั้งหมดจะไปอยู่ที่กระดูกทันที กระดูกต้องทำหน้าที่อย่างหนักในการพยุงน้ำหนักตัวส่วนเกิน มันจึงเสื่อมและผุเร็วกว่าปรกติ โดยเฉพาะข้อต่าง ๆ เช่น ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อกระดูกคอ ข้อกระดูกสันหลัง ฯลฯ ก็พลอยได้รับวิบากกรรมนี้ด้วย ทำให้เกิดอาการปวด ข้อบวม นั่งแล้วลุกไม่ขึ้น หนัก ๆ เข้าอาจกลายเป็นโรคข้ออักเสบ บางครั้งร้ายแรงจนไม่สามารถเดินได้เลย

          จิตป่วน   
           ผู้หญิงบางคนไม่อ้วนเลยสักนิด แต่ก็ยังพากันบ่นว่าตัวเองอ้วน จึงตั้งหน้าตั้งตาลดความอ้วนโดยไม่คำนึงถึงขีดจำกัดทางด้านร่างกาย สุดท้ายต้องมาสังเวยชีวิตด้วยโรคทางจิตใจที่ชื่อว่า บูลิเมียและอนอเร็กเซีย
           ผู้ป่วยบูลิเมีย จะมีอาการอยากกินอาหารอย่างมาก จนบังคับตัวเองไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดและไม่สบายใจจึงต้องล้วงคอให้อาเจียน กินยาถ่ายในทันที หรือสวนทวาร ฯลฯ คือทำทุกวิถีทางให้อาหารออกมา แต่นานวันเข้าจะก่อให้เกิดความผิดปรกติของร่างกายอย่างมาก ทั้งระบบขับถ่ายเสียศูนย์ ร่างกายขาดน้ำ ขาดสารอาหาร และมีปัญหาการไหลเวียนของเลือด ซึมเศร้า มีปัญหาครอบครัว การเรียน การทำงาน โรคนี้แม้จะรักษาให้หายโดยการบำบัดทางจิต แล้วก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก
           อีกโรคหนึ่งคืออนอเร็กเซีย ผู้ป่วยมักรู้สึกมีปมด้อย อับอายในรูปร่างของตนเองจึงพยายามไม่กินอะไรเลยเพื่อลดความอ้วน ทำทุกวิธีเพื่อลดความอ้วน เช่นเดียวกับผู้ป่วยบูลิเมียเพราะมักจะคิดว่าตัว เองอ้วนอยู่ตลอดเวลา ผลจากการกระทำนี้ส่งผลเสียต่อร่างกายคล้าย ๆ กับผู้ป่วยบูลิเมีย รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน
           
เตียงหัก !
           ปรกติคนที่มีรูปร่างอ้วน เวลาทำอะไรก็เคลื่อนไหวตัวไปมาลำบากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นการมีเพศสัมพันธ์ก็จะทำให้เคลื่อนไหวยากลำบากมากขึ้น ไม่สามารถทำได้ทุกท่วงท่าที่ต้องการ นอกจากนี้ผู้ชายที่มีรูปร่างอ้วนอย่างมากจะส่งผลให้อวัยวะเพศสั้นลง ทำให้ขณะร่วมเพศไม่มีความสุขเท่าที่ควร และที่สำคัญเสปิร์มไม่สามารถเข้าไปถึงไข่ของผู้หญิงได้ เป็นเหตุให้มีลูกยาก ผู้หญิงก็เช่นกันถ้าอ้วนมาก ไขมันสะสมบริเวณปากมดลูกก็จะมากทำให้ชั้นเนื้อหนาขึ้น อวัยวะเพศชายไม่สามารถเข้าถึงเพื่อส่งเสปิร์มไปปฏิสนธิกับไข่ได้ และอัตราการตกไข่ของผู้หญิงอ้วน ยังน้อยกว่าผู้หญิงที่มีน้ำหนักในเกณฑ์พอดีอีกด้วย อีกทั้งต้องเจอปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อม หรือหมดความรู้สึกทางเพศไปเลย ถ้าไม่เข้าใจกัน ก็อาจถึงกับต้องแยกทางกันหรือเตียงหักรักร้าวนั่นเอง
           
จะวางไว้ตรงไหนดีล่ะ ?   
           นอกจากจะต้องคิดหนักเรื่องเสื้อผ้าและการแต่งตัวแล้ว คนอ้วนมากมายโดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมั่นใจ มักไม่รู้จะวางตัวอย่างไรในวงสังคมหรือหมู่เพื่อนฝูง ปัญหานี้กัดกร่อนและทำร้ายหัวใจพวกเขาอย่างมาก เพราะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตัวเอง บุคลิกท่าทางต่าง ๆ ขัดเขิน ซึมเศร้า ชอบคิดว่าไม่มีใครอยากคบด้วยจึงไม่ค่อยสมาคมกับใคร กลายเป็นการโทษและตำหนิตัวเอง ในที่สุดเป็นแรงกดนำไปสู่การลดความอ้วนด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง หรือมีความผิดปรกติทางจิตใจได้
           
ทายาท อ้วน   
           เด็กจะซึมซับพฤติกรรมการกิน และการใช้ชีวิตของพ่อแม่ที่เขาเคยชินมาตั้งแต่เกิด พ่อแม่ชอบกินหวาน กินอาหารไขมันมาก และกินจุ เขาก็จะกินแบบเดียวกัน พ่อแม่ไม่ส่งเสริมการออกกำลังกาย เขาก็จะไม่ชอบเล่นกีฬา ยิ่งเด็กที่ชอบดูทีวี เล่นเกมคอมพิวเตอร์ และวีดีโอเกม กิจกรรมการออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวของเด็กจะลดลง สุดท้ายก็จะกลายเป็นเด็กอ้วน ซึ่งผลร้ายคือมีโรคต่าง ๆ ตามมารุมเร้า และมีปัญหาในการเข้ากลุ่มเพื่อน ๆ บางครั้งโดนล้อเลียนเรียกชื่อไปต่าง ๆ นานา เช่น เจ้าหมูอ้วน ตุ่มเดินได้ ฯลฯ เป็นปมด้อยฝังใจไปจนโต

         
  เห็นโทษภัยมากขนาดนี้แล้วหันมาลดความอ้วนกันดีกว่าค่ะ อย่ารอให้ฝันร้ายกลายเป็นจริงเลย แต่คนที่ไม่อ้วนคือ น้ำหนักไม่เกินมาตรฐานก็ไม่มีเหตุผลต้องลดแต่ประการใด เพียงควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์พอดี ไม่อย่างนั้นอาจส่งผลร้ายต่อร่างกายพอ ๆ กับความอ้วนได้

ที่มา   https://vcharkarn.com/varticle/40740

อัพเดทล่าสุด